ตอนที่ 455 ไม่พอใจก็มาทุบข้าสิ?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

น้ำเสียงของนางคล้ายจะย้อมไปด้วยเลือด ยามได้ยินที่ริมหู ก็เหมือนดังสายลมในหิมะที่พัดกลางฤดูหนาวพลิ้วผ่านต้นคอออกไป

 

 

เมื่อครู่เยี่ยเฉินยังคงมุ่งหวังจะครอบครองจิตมังกรทมิฬในร่างของนางอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว

 

 

จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนจะฉี่ราด!

 

 

เมื่อครู่เขามองไม่เห็นเลยว่าตู๋กูซิงหลันมาถึงเบื้องหน้าของเขาได้อย่างไร!

 

 

ผู้ที่ได้ครอบครองพลังของจิตมังกรทมิฬจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นน่าตื่นตระหนกถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

 

 

เยี่ยเฉินไม่อยากจะเชื่อ!

 

 

เขากุมง้าวมังกรเอาไว้แน่น ขยับร่างไล่ฟาดเงาร่างของตู๋กูซิงหลัน

 

 

ง้าวมังกรยังคงสร้างร่างจิตของถูซีออกมา มันร้องคำรามดั่งจะทำลายตู๋กูซิงหลันให้เป็นผุยผง

 

 

ในขณะเดียวกันดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันก็ฟันลงมาสั่งสอนมัน

 

 

ดาบนี้พอฟันออกไปก็เห็นจิตของดาบยักษ์แปลงเป็นมังกรสีเงินยวงขนาดใหญ่ มังกรยักษ์ตัวนั้นอ้าปากกว้างกลืนกินถูซีของเยี่ยเฉินลงไป

 

 

มังกรยักษ์กลืนกินถูซีที่มีขนาดราวภูเขาเล็กๆลูกหนึ่งลงไปก็เรอขึ้นมาเบาๆครั้งหนึ่ง

 

 

ดวงตาสีเงินยวงของมังกรหลุบลงเล็กน้อย สีหน้าอิ่มเอมเปรมปรี

 

 

ในขณะเดียวกันบนตัวดาบของดาบยักษ์ก็เพิ่มลวดลายถูซีตัวเล็กๆขึ้นมาอีกลายหนึ่ง

 

 

ง้าวมังกรในมือของเยี่ยเฉินแตกสลายกลายเป็นฝุ่นธุลี

 

 

เยี่ยเฉิน “……..”

 

 

เขาแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา!

 

 

ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปเล็กน้อย ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่…..ดูเหมือนจะน่าเกรงขามกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้เสียอีก

 

 

มังกรตัวนี้ทำไมถึงได้ดูแล้วคุ้นตานัก…..ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยเห็นบิดากลายร่างเป็นมังกรมาก่อน แต่พอได้มองดูมังกรตัวนี้…..ก็รู้สึกว่าช่างคล้ายคลึงกับบิดาคนงามอย่างยิ่ง

 

 

บิดาคนงามทำสิ่งใดลงไปกันแน่?

 

 

พอเยี่ยเฉินได้สติขึ้นมา ก็เห็นมังกรสีเงินยวงที่ดาบยักษ์จำแลงขึ้นมาค่อยๆเลือนหายไป

 

 

ตู๋กูซิงหลันสะบัดปลายดาบลงไป นัยตาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าจะสับเขาให้เป็นสองส่วน!

 

 

ในตอนนั้นเอง กางเกงท่อนล่างของเขาก็เพิ่มรอยเปียกชื้นขึ้นมา เปียกชื้นจนชุ่มโชกไปหมดอย่างไม่อาจควบคุมได้

 

 

ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย เขาถึงกับ…..ฉี่ราดแล้ว?

 

 

เยี่ยเฉินไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเรื่องนี้คือความจริง เขาเชื่อว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งอย่างที่สุด แต่ว่าร่างกายกลับซื่อสัตย์กว่ามาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเฉียดตายตรงหน้า ร่างกายก็ไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป

 

 

ยังโชคดี….ที่เขาสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ คนอื่นย่อมมองไม่เห็น

 

 

เพียงแต่กลิ่นหึ่งที่เสียดแทงจมูกนั่นจะอย่างไรก็ไม่อาจกลบเกลื่อนได้ ริมฝีปากสีแดงของตู๋กูซิงหลันขยับอย่างเย็นชา น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก

 

 

“อ๋อ? ตกใจจนฉี่ราดงั้นหรือ?”

 

 

ซุ่มเสียงของนางไม่ได้ดัง แต่ว่ากลับสะท้อนไปทั่วทุกหลืบมุมของวัง จนทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน

 

 

องค์ไท่จื่อของพวกเขา ….กลับถูกลูกนอกสมรสผู้หนึ่งทำให้ตกใจจนฉี่ราด?

 

 

พวกเขาทั้งตื่นตระหนกทั้งละอาย ในยามนี้จึงไม่มีใคร….กล้าเข้าไปให้ความช่วยเหลือองค์ไท่จื่อแม้แต่คนเดียว

 

 

สตรีผู้นี้คือมารปีศาจ แม้แต่ดาบยักษ์ของนางก็มิใช่อาวุธธรรมดา!

 

 

ก่อนหน้านี้จะต้องมีพลังอำนาจบางอย่างปกปิดความพิเศษของมันเอาไว้อย่างแน่นอน …….ถึงได้ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจผิดไปว่าดาบนั้นเป็นเพียงแค่อาวุธธรรมดาของพวกมนุษย์

 

 

           เมื่อครู่นี้ตอนที่จิตของดาบกลายเป็นมังกร พวกเขาต่างก็ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า นั่นก็คือราชามังกร

 

 

คำพูดของตู๋กูซิงหลัน เยี่ยเฉินไร้หนทางจะปฏิเสธ ชั่วขณะนั้น ร่างของเขาคล้ายดั่งจะถูกผนึกเอาไว้ ฝ่าเท้าหนักขึ้นอีกเป็นพันชั่ง ทั้งยังถูกรังสีจากดาบยักษ์และความอหังการของตู๋กูซิงหลันกดดันจนขยับไม่ได้

 

 

ได้แต่รอให้ตู๋กูซิงหลันบุกเข้ามาฟาดฟัน

 

 

ชั่วขณะที่ดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันกำลังจะฟันลงมาบนกระหม่อมของเขานั้น สายลมที่รุนแรงหอบหนึ่งก็โหมเข้ามา

 

 

สายลมแต่ละระรอกรุนแรงดั่งคมดาบลม ฉีกทำลายยันต์สีเหลืองของตู๋กูซิงหลันจนขาดวิ่น

 

 

ดาบลมเหล่านั้นยังสาดประกายของสายฟ้าฟาดออกมาด้วย

 

 

มันทำลายข่ายยันต์สีเหลืองของตู๋กูซิงหลันลงจนหมดสิ้น

 

 

จากนั้นก็เห็น หวาชางสุ่ยเหินลงมานางสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีเงิน บนศีรษะเกล้ามวยทรงสูง ปักปิ่นหงส์ประดับหยกชิ้นหนึ่งเอาไว้

 

 

นางมาถึงเบื้องหลังของเยี่ยเฉินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กำบังเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง

 

 

ในมือของนางมีพัดวายุ นัยตาสีน้ำเงินครามนั้นจับจ้องตู๋กูซิงหลันด้วยแววเนตรเ**้ยมโหด

 

 

ขณะที่มองไปยังดาบยักษ์ในมือของนางด้วยเช่นกัน…..

 

 

ความลำเอียงของเยี่ยจ้านทำให้นางถึงกับหมดสิ้นขีดจำกัดไปแล้ว

 

 

อยู่ๆนางก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่เยี่ยเฉินกลับมายังก้นทะเลลึกนั้น …..เขามังกรบนศีรษะของเขาหายไปข้างหนึ่ง

 

 

นางเข้าใจมาตลอดว่าเขาไปเผชิญหน้ากับเทพไท้บนสวรรค์ชั้นฟ้า ถึงได้ถูกตัดเขามังกรไปข้างหนึ่ง

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่า…..เขาจะอุทิศเขามังกรของตนเองมาเป็นโลหะวัตถุเพื่อสร้างยอดศาสตราวุธขึ้นมาด้วยตนเอง…..

 

 

ไม่เพียงแต่จะมีพลังโจมตีและพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดเท่านั้น แต่ว่ายังถ่ายทอดพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งของเขาลงไปด้วย……พลังดูดซับจิตวิญญาณ

 

 

นี่จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมดาบเล่มนั้นถึงได้สามารถดูดซับจิตของกระบี่ผงาดฟ้าและง้าวมังกรของเฉินเอ๋อร์ได้!

 

 

เขาไม่เพียงแต่มอบขุมพลังหนึ่งเดียวของจิตมังกรทมิฬให้กับนังแพศยาน้อยนั่น แม้แต่เขามังกรของตนเองก็ยังยกให้มัน!

 

 

ทุกสิ่งที่นังเด็กนั่นได้มีและได้เป็นล้วนเป็นเพราะเยี่ยจ้านมอบให้กับมันอย่างไม่มีหวงแหน!

 

 

ทำไมเขาถึงได้ลำเอียงเช่นนี้!

 

 

นังแพศยาน้อยนั่นเป็นเพียงเศษสวะเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่คุณสมบัติที่จะเหยียบย่างเข้ามาในเผ่ามังกรทมิฬก็ยังไม่มี!

 

 

ตู๋กูซิงหลันกุมดาบยักษ์เอาไว้แน่น สองตากวาดมองออกไปอย่างเย็นชา

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเผชิญหน้ากับหวาชางสุ่ยอย่างตรงๆ

 

 

เยี่ยเฉินและเยี่ยอิงต่างก็มีส่วนคล้ายคลึงกับนางอยู่มาก แค่ได้เห็นนาง ตู๋กูซิงหลันก็คิดถึงมารดาที่ต้องตายอย่างอนาถขึ้นมา

 

 

สีแดงเลือดในแววตาของนางยิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม นางมองดูหวาชางสุ่ยอย่างเย็นชา “ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว”

 

 

หวาชางสุ่ยปกป้องเยี่ยเฉินเอาไว้อย่างจริงจัง ชุดกระโปรงสีครามของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงตาทั้งคู่ของนางจ้องมองอยู่ที่ตู๋กูซิงหลัน

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นตู๋กูซิงหลันใกล้ๆ นังแพศยาน้อยผู้นี้ช่างเหมือนกับตู๋กูชิงชิงไม่มีผิด ต่างก็มีแต่ความจองหองอยู่ทั้งตัวจนทำให้คนอยากอาเจียน

 

 

“มารดาของเจ้าแย่งชิงสามีของข้า แย่งชิงบิดาของเฉินเอ๋อร์และอิงเอ๋อร์ไป วันนี้ สายเลือดชั้นต่ำของนางก็ยังจะมาก่อความวุ่นวายในเผ่ามังกรทมิฬอีก เจ้ามันช่าง….ด้านดีนัก”

 

 

หวาชางสุ่ยยกตนขึ้นไปอย่างสูงส่ง นางชิงชังรังเกียจตู๋กูซิงหลันไปจนถึงแก่นกระดูก

 

 

โดยเฉพาะเรื่องที่นางได้รับสืบทอดพลังของจิตมังกรทมิฬไป

 

 

“วาจาไร้สาระช่างมากมาย” ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ชี้ออกไป “เจ้าลองกล้าหยามยันมารดาของข้าดูอีกทีไหม?”

 

 

นางบอกเอาไว้แต่แรกแล้ว ว่ามารดาไม่ใช่มือที่สาม! นางไม่เคยกระทำเรื่องทำลายครอบครัวของผู้อื่นมาก่อน ตอนนั้นนางควักลูกตาออกมา คิดถอยออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนั่น กลับบ้านไปดูแลลูกๆใช้ชีวิตอย่างสงบเสี่ยมแล้ว

 

 

แต่ว่าหวาชางสุ่ยกลับบีบคั้นนางจนหมดหนทาง ทำให้นางต้องร่างแหลกวิญญาณแตกสลาย!

 

 

ตอนนี้ก็ยังจะมาเหยียดหยามนางอยู่อีกหรือ?

 

 

ดวงตาของตู๋กูซิงหลันมีแต่หมอกเลือดเข้มข้น นางมาเพื่อแก้แค้น! ไม่ได้มาเพื่อฟังหวาชางสุ่ยลบหลู่มารดา!

 

 

ดาบยักษ์พุ่งไปที่ใบหน้าของหวาชางสุ่ย จนนางต้องใช้กระบวนท่า ยกพัดวายุขึ้นมาปัดป้องอย่างกระทันหัน  

 

 

ได้ยินเสียง ‘ฮึม’ ครั้งหนึ่ง ดาบยักษ์ปะทะกับพัดวายุ จนเกิดระเบิดพลังสะท้อนสะท้านอย่างรุนแรง

 

 

ครู่ต่อมาเห็นหวาชางสุ่ยยังยืนอยู่ในที่เดิม

 

 

นางคล้ายมิได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย เพียงแต่สีหน้าซีดขาวอย่างปราศจากสีเลือดโดยสิ้นเชิง ดวงตาคู่นั้นยังคงหรี่มองตู๋กูซิงหลันอย่างเย็นชา “ที่วันนี้เจ้าสามารถมาเหิมเกริมอยู่ในเผ่ามังกรทมิฬได้ ก็เป็นเพราะว่าเยี่ยจ้านถ่ายทอดพลังส่วนหนึ่งให้กับเจ้า หากว่าไม่มีเขาคอยปกป้อง เจ้ามันเทียบไม่ได้กับมดตัวเล็กด้วยซ้ำ เป็นเพียงเศษสวะเผ่ามนุษย์!”

 

 

คำพูดนี้ของนางไม่ได้พูดเพื่อให้ตู๋กูซิงหลันฟัง แต่ว่าเอ่ยออกมาให้เผ่ามังกรทมิฬทั้งหมดได้ยินต่างหาก

 

 

ต่อให้ตู๋กูซิงหลันได้รับจิตมังกรทมิฬไป แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่านางเป็นเพียงแค่ชาวเผ่ามนุษย์เท่านั้น

 

 

เฉินเอ๋อร์ของนางต่างหากคือผู้สืบสายเลือดที่แท้จริง!

 

 

สิ่งที่นางกำลังจะทำ ก็คือการนำสิ่งที่สมควรจะเป็นของเฉินเอ๋อร์กลับมา

 

 

หวาชางสุ่ยอ้าปากขึ้นมา กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่พลันเห็นว่าตู๋กูซิงหลันขยับตัววูบหนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้าของนาง ดาบยักษ์ในมือกวาดออกไปด้านข้าง หมัดลุ่นๆข้างหนึ่งก็ซัดใส่ปากของนางในทันที

 

 

หลังจากที่คลายสะกดออกไป พละกำลังในร่างของนางก็เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมหาศาลจนหน้าตื่นตระหนก

 

 

แต่ว่าตัวตนในโลกก่อนโน้นของนางก็มิได้อ่อนแอ!

 

 

ทั้งหมดนั้นเกิดจากการฝึกฝนด้วยตัวของนางเอง!

 

 

ในร่างของหวาชางสุ่ยมีบาดแผลที่ไม่อาจรักษาหายชั่วชีวิต เพราะฉะนั้นหมัดนี้ของตู๋กูซิงหลันนางจึงไม่มีทางหลบได้ทัน ถูกตู๋กูซิงหลันต่อยใส่เต็มปากไปครั้งหนึ่ง

 

 

 “ข้าย่อมมีความสามารถเพียงพอที่จะรับการสืบทอด หากไม่พอใจ ก็มาทุบข้าสิ?”