ตอนที่ 456 ในที่สุดก็เกิดความเคลื่อนไหว

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

หวาชางสุ่ยถูกหมัดนั้นของนางต่อยเข้าไปเต็มๆ มุมปากถึงกับแตกเลือดไหลซึมออกมา

 

 

ดวงพักตร์ที่ซีดขาวดุจกระดาษ โกรธขึ้งถึงขีดสุด

 

 

ประโยคนั้นตู๋กูซิงหลันจงใจกล่าวออกมาเพื่อยั่วยุนางชัดๆ

 

 

นางสะบัดแขนเสื้อขึ้นมา ปาดเช็ดรอยเลือดที่มุมปากออกไป มืออีกข้างของนางกุมด้ามพัดวายุเอาไว้แน่น แต่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น

 

 

นางเพียงหรี่ดวงเนตรลง มองออกไปยังฝั่งตรงข้ามกับหุบเหวไร้ก้น ณ จุดที่ไม่ไกลนัก ที่นั่นเป็นภูเขาสูงใต้ทะเล

 

 

ในที่สุด…..ก็เกิดความเคลื่อนไหวแล้ว

 

 

มุมปากของหวาชางสุ่ยขยับน้อยๆ ประกายตาปรากฏรอยยิ้มเ**้ยมเกรียมอย่างเย็นชาชั่วแวบหนึ่ง

 

 

แววตานั้นของนาง ตู๋กูซิงหลันไม่ทันเห็น

 

 

นี่ช่างจริงแท้เลยว่า ราชินีแห่งเผ่ามังกรทมิฬผู้นี้มีจิตใจลึกซึ้งยิ่งกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มากนัก นางมิใช่ผู้ที่แสดงความขุ่นเคืองออกมาเพียงเพราะถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ

 

 

ที่จริงหวาชางสุ่ยถือเป็นผู้ที่เข้มแข็งอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่ายามนี้นางไม่อาจลงมือได้ง่ายๆ

 

 

พัดวายุเล่มนี้มีพลังรุนแรงอย่างที่สุด แต่ว่านางกลับเอาแต่กุมมันเอาไว้ ไม่ย่อมลงมือ

 

 

ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองดูเส้นผมขาวโพลนของนาง ในใจก็ชั่งน้ำหนักไปด้วย

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันเหวี่ยงหมัดมาอีกครั้ง หวาชางสุ่ยก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งคว้าเยี่ยเฉินที่อยู่ด้านหลัง ขยับร่างราวเหินบิน ลอยถอยออกไปไกลนับร้อยเมตร

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้ไล่ตามไป ดาบยักษ์ในมือก็ถูกนางเขวี้ยงออกไปก่อน

 

 

ดาบยักษ์พุ่งเข้าหากลางแผ่นหลังของหวาชางสุ่ย เสียงของดาบที่พุ่งทะยานมาถึงนางอย่างรวดเร็ว

 

 

แต่นางก็เตรียมตัวอยู่ก่อนแแล้ว พัดวายุในมือบดบังแผ่นหลังเอาไว้ สะกัดกั้นดาบยักษ์เอาไว้ได้ แต่กระดูกหลังทั้งหมดก็ยังคงต้องรับแรงสะท้อน

 

 

อวัยวะภายในทั้งหมดปวดร้าวจากพลังสะท้อนนั้น

 

 

ศาสตราวุธที่หลอมสร้างขึ้นมาจากเขามังกรของเยี่ยจ้าน ไม่มีทางที่ใครที่ไหนก็จะรับเอาไว้ได้ หลายปีก่อนนางยังถูกเยี่ยจ้านทุบตีจนเกือบตาย กลายเป็นอาการบาดเจ็ดที่ไม่มีทางหายขาด ไม่อาจออกศึกได้อีก

 

 

 ร่างกายที่เป็นเช่นนี้ช่างน่าเสียดายนัก….

 

 

หวาชางสุ่ยฝืนทนอาการเจ็บปวดเอาไว้ นำตัวเยี่ยเฉินเหาะหนีต่อไป

 

 

นางออกคำสั่งครั้งหนึ่ง ก็มีมังกรดำจำนวนมากมายพุ่งเข้ามาปกป้องนางและเยี่ยเฉินเอาไว้

 

 

มังกรดำทุกตัวรายล้อมเข้ามาเป็นวง จนกลายเป็นแถบสีดำอึมครึมขนาดใหญ่

 

 

พวกมันแต่ละตัวต่างก็จ้องมองมาที่ตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาดุดันถมึงทึง พวกมันเพียงปกป้ององค์ราชินีและไท่จื่อแม่ลูกเอาไว้ โดยมิได้เคลื่อนไหววู่วาม

 

 

พอดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันถูกพัดวายุซัดกลับมา ดวงตาของนางก็กลายเป็นสีแดงเลือดเข้ม

 

 

เส้นผมและเสื้อผ้าพลิ้วออกไป นางสะกิดปลายเท้าเล็กน้อยก็ไล่ตามไปในทันที

 

 

“ฮึม!”

 

 

ทันใดนั้นเอง ได้ยินเสียงคำรามดังกึกก้องมาจากทิศทางตรงกันข้ามกับหุบเหวไร้ก้น

 

 

เสียงคำรามนั้น ทำให้แผ่นดินทั้งหมดไหวสะเทือนขึ้นมา

 

 

ไม่เพียงแต่บนพื้นดิน แต่เสียงนั้นก็ยังสะท้อนไปมาอยู่ในอากาศอีกด้วย

 

 

รอบด้านของวังมังกรทมิฬยังเกิดน้ำทะเลแยกออกไป

 

 

ฝูงชนพากันอุดหู ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูที่มาของเสียง จากนั้นก็เห็นว่าภูเขาสูงตรงก้นทะเลกำลังแตกออก ลาวาร้อนๆสีแดงกำลังพวยพุ่งขึ้นมา ไล่ไปทางที่ตั้งของวังมังกร

 

 

เพียงครู่เดียว อุณหภูมิในระยะสิบลี้ก็เพิ่มพูนขึ้นมา วังมังกรที่เป็นสีดำทมึนทั้งหมดถูกส่องจนสว่างจ้า

 

 

ความสว่างกระจายไปทั่วทุกด้าน

 

 

สาหร่ายและพืชพรรณที่มีอยู่ไม่น้อยทั่วพื้นดินล้วนถูกความร้อนแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

 

 

ฝูงชนทั้งหมดต่างตื่นตระหนกจนยืนอยู่กับที่ ต่างก็หันไปมองที่ตั้งของภูเขาใต้ทะเลด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

 

 

นั่นเป็นภูเขาไฟลูกหนึ่ง ตั้งอยู่ในทิศตรงกันข้ามกับหุบเหวไร้ก้น ที่นั่นเป็นเขตหวงห้ามอีกแห่ง

 

 

ซึ่งไม่เคยเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆมานานถึงห้าพันปีมาแล้วกระมั้ง?

 

 

ทำไมอยู่ดีๆถึงได้?

 

 

พอคลื่นความร้อนที่โหดเ**้ยมรุนแรงทะลักออกมา เผ่ามังกรทั้งหลายต่างก็พากันถอยหนี

 

 

หวาชางสุ่ยมือข้างหนึ่งลากเยี่ยเฉิน มืออีกข้างก็ล้วงเอาลูกแก้ววงเวทย์ออกมา ครอบคลุมตัวนางและเยี่ยเฉินเอาไว้

 

 

‘ศพ’ ของเยี่ยอิงถูกทิ้งเอาไว้ในหลุมด้านหลังตู๋กูซิงหลัน เมื่อเป็นเช่นนี้หวาชางสุ่ยก็ไม่มีปัญญาจะไปช่วยนางอีกแล้ว

 

 

สายตาของนางจับจ้องไปยังลาวาที่พวยพุ่งออกมาจนท่วมฟ้า ลาวาเหล่านั้นพอพุ่งออกมา ก็ระเบิดขึ้นไปราวกับลูกไฟ จากนั้นก็ตกกระจายลงไปทั่วทุกมุมของวัง ทำให้พื้นที่ทังหมดกลายเป็นขุมนรก

 

 

กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งกระจายไปทั่ว รมจนคนหายใจไม่ออก

 

 

ตู๋กูซิงหลันหรี่ดวงตาลง พลิกร่างถอยกลับไป หลบหลีกลาวาหลายสาย นางกวาดสายตาไปท่ามกลางฝูงชน ตามหาตำแหน่งของพี่รองด้วยความรวดเร็ว

 

 

นางพกพาดาบยักษ์มายังเบื้องหน้าพี่รอง

 

 

เขาพอจะมีสติอยู่บ้าง แต่ก็ยังงุนงงอยู่เป็นพักๆ ไม่รู้ว่าดื่มเลือดผู้คนไปแล้วมากมายเพียงไร สองตาถึงได้แดงก่ำไปหมด!

 

 

“ปกป้องชือหลี!” ตู๋กูซิงหลันคว้ามือของเขาเอาไว้ ตะโกนเสียงดังใส่

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่ปะทะกับสามแม่ลูกหวาชางสุ่ย นางจงใจถอยออกจากตำแหน่งที่ชือหลีอยู่ เพราะเกรงว่าจะพลาดพลั้งไปทำให้ชือหลีบาดเจ็บ

 

 

ตอนนี้อยู่ๆก็มีลาวาระเบิดออกมา ชือหลีย่อมตกอยู่ในอันตราย

 

 

“ชือหลี…..ชือหลี…….” ตู๋กูเจวี๋ยพยายามจะตั้งสติขึ้นมา แต่ความกระหายเลือดในร่างทำให้เขายากที่จะสงบอารมณ์ลงได้

 

 

เขาพึมพำอยู่บนริมฝีปาก ราวกับคนที่หลงทางหาทางออกไม่เจอ คิดแต่จะจมดิ่งลงในความสะใจที่ได้เข่นฆ่าต่อไปเรื่อยๆ

 

 

เขายังไม่อาจควบคุมพลังของตนเองได้……บางที หากว่าเขาเข้าใกล้ชือหลีก็อาจจะพลั้งมือทำร้ายนางก็เป็นได้เช่นกัน

 

 

ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้ว ไม่เสียเวลาพูดจากับเขาอีกต่อไป

 

 

พี่รองที่เป็นเช่นนี้ สามารถปกป้องตนเองได้อย่างแน่นอน

 

 

นางละทิ้งตู๋กูเจวี๋ย ไปเสาะหาชือหลีด้วยตนเอง

 

 

คุกถูกสร้างขึ้นอย่างแข็งแรง เบื้องหน้าของชือหลีมีศพแห้งนับสิบกระจัดกระจายเต็มไปหมด นางถูกเยี่ยอิงตัดมือและเท้า นอนจมกองเลือดอย่างไม่อาจเคลื่อนไหว

 

 

ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้นางสลบไปหลายต่อหลายครั้ง ท่ามกลางความมึนงง นางได้ยินเสียงตะโกนเรียกของตู๋กูซิงหลัน

 

 

พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นแต่กองไฟสูงท่วมฟ้า สาวน้อยผู้นั้นสวมใส่ชุดสีแดงตลอดร่าง เส้นผมสีดำประกายเงินยาวพลิ้วลงมา ดวงตาดอกท้อทั้งคู่มีแววเคียดแค้นไม่จางหาย

 

 

“ชือหลี!” ถึงแม้ว่าตู๋กูซิงหลันจะรู้อยู่แล้วว่านางจะต้องถูกทรมาณอย่างทารุณ ….แต่ว่าเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า หัวใจก็ยังต้องเจ็บปวดอย่างรุนแรง

 

 

นางโอบกอดชือหลีไว้ เก็บมือเท้าที่ถูกตัดขาดขึ้นมาด้วย มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ายามที่นางสัมผัสร่างที่มีแต่เลือดท่วมของชือหลี สองมือสั่นสะท้านขนาดไหน

 

 

หากชือหลีเป็นเพียงคนธรรมดา คงตายจนเย็นชืดไปแต่แรกแล้ว

 

 

“อาหลัน…..” ชือหลีลืมตาขึ้นมาอย่างลำบากกินแรง นางอ่อนล้ามาก นางคิดจะสัมผัสใบหน้าของตู๋กูซิงหลัน แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าตนเองไม่มีมือแล้ว….

 

 

พอนางเอ่ยคำพูดออกมาคำหนึ่ง ก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

 

 

“อาหลัน……ข้า …..ข้าไม่อาจปกป้องเจ้าตัวน้อยนั่นให้ดี….ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว….” แววตาของชือหลีพร่าเลือน อาการบาดเจ็บสาหัสทำให้นางไม่อาจแยกแยะสถานการณ์รอบด้านได้ชัดเจน ฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจาย ทำให้นางมองเห็นตู๋กูซิงหลันได้ไม่ชัด

 

 

 “อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ เจ้าทำดีที่สุดแล้ว” ตู๋กูซิงหลันฉีกกระโปรงของตนเองออกมา มัดชือหลีไว้บนหลัง

 

 

“เจ้าไม่ต้องสนใจข้าแล้ว….ข้าจบสิ้นแล้ว เจ้าอย่าได้สิ้นเปลืองแรงอีกต่อไป” ชือหลีเอ่ยอย่างอ่อนล้า นางไม่เพียงแต่มือเท้าขาด ร่างกายยังบอบช้ำอย่างหนัก ไม่อาจมีชีวิตรอดได้อีกต่อไป

 

 

“หากข้าไม่ให้เจ้าตาย ต่อให้พญายมก็ขวางข้าไม่ได้!”

 

 

 

 

 

 

……………………………….

 

 

ตอนต่อไป “อสุรกายโลกันต์”