บทที่ 2673 (2) ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาแล้ว 3 / บทที่ 2674 การกลับมาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย

ลำนำบุปผาพิษ

“เขาบอกว่าข้าเป็นตัวปลอม บอกว่าภรรยาของเขาอยู่ข้างกายเขาตลอด ยังบอกว่ารักนางมากด้วย…ข้าโมโหมาก! ภรรยาของเขาคือข้าชัดๆ…ข้าจะฆ่านังหญิงผู้นั้น…ข้าบอกว่าข้าจะสังหารนังหญิงผู้นั้น ผลก็คือเยี่ยนเฉินซัดฝ่ามือใส่ข้า..ข้าล้มลงบนพื้นแทบจะตายแล้ว เขาก็ไม่สนใจข้า สะบัดหน้าจากไปเลย เขาไม่ต้องการข้าแล้ว เขาไม่ต้องการข้าแล้วจริงๆ…เขาไม่เพียงแต่ไม่ไปช่วยข้า ยังคิดจะสังหารข้าที่ลำบากลำบนนัก กว่าจะหนีกลับมาได้ให้ตายด้วย…”

เยี่ยนเฉินโอบกอดนาง น้ำตาหยดลงบนหน้าผากนาง

“ขอโทษนะ เขามันไอ้สารเลว เป็นคนต่ำช้า!”

“เขามีหญิงอื่นแล้ว ไม่ต้องการข้าแล้ว…”

หลานไว่หูพึมพำ

“ไม่มีทาง! เป็นเจ้ามาตลอด ไม่มีหญิงอื่น ข้าแค่จำคนผิดไป…”

เยี่ยนเฉินมองท้องของหลานไว่หูไม่กล้าถามถึงเรื่องลูก ก่อนหน้านี้นางถูกทรมานหนักหนาถึงเพียงนั้น เกรงว่าลูกคงไม่อยู่…

เห็นนางผอมแห้งราวกับลมโชยมาคราหนึ่งก็พัดร่างให้ปลิวได้ ความเวทนาสงสารท่วมท้นอยู่ในหัวใจเยี่ยนเฉิน ยกแขนอุ้มนางมาไว้ในอ้อมอก

“จิ้งจอกน้อย อภัยให้ข้าเถิด ให้ข้าได้ชดเชยแก่เจ้า ตามข้ากลับไป…”

“ชดเชย?”

หลานไว่หูท่าทางเลื่อนลอยเล็กน้อย ราวกับยังไม่ได้สติจากฝันร้ายอย่างแท้จริง

“ชดเชยอย่างไร?”

“เจ้าอยากให้ชดเชยสิ่งใดก็จะชดเชยสิ่งนั้นให้เจ้า จิ้งจอกน้อย แม้ว่าเจ้าจะต้องการชีวิตนี้ของข้าก็…”

จู่ๆ วาจาของเยี่ยนเฉินก็หยุดลง! สีหน้าซีดขาวในชั่วพริบตา

มีดเล่มหนึ่งเสียบเข้าที่หัวใจของเขาราวกับอสรพิษ ที่มาพร้อมกับมีดเล่มนั้นยังมีเสียงแผ่วเบาของหลานไว่หูด้วย

“ข้าต้องการชีวิตเจ้า และต้องการหัวใจของเจ้าด้วย!”

เยี่ยนเฉินตกตะลึง

หนนี้เขาดุจถูกคมมีดควานหัวใจแล้วจริงๆ!

โลหิตทะลักออกมาจากทรวงอกเขา เปรอะเปื้อนมือน้อยข้างนั้นที่ยังกำด้ามมีดเอาไว้อย่างรวดเร็ว มือน้อยๆ ข้างนั้นแข็งทื่อไปเล็กน้อย สะท้านนิดๆ แต่มีดนี้แทงเข้าใส่อย่างโหดเหี้ยม ไม่มีความลังเลเลยสักนิด

ด้วยวรยุทธ์ของเยี่ยนเฉิน ต่อให้ถูกแทงเช่นนี้แล้วก็สามารถซัดอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไปได้ แต่ว่า…

อีกฝ่ายคือจิ้งจอกน้อย เขาไม่ได้ลงมือ เพียงแต่กุมข้อมือของนางไว้

“จิ้งจอกน้อย เจ้า…เกลียดข้าขนาดนี้เลยหรือ?”

แววตาของหลานไว่หูดุจมหาสมุทรที่เกิดมรสุมอันบ้าคลั่ง น้ำเสียงเย็นชาจนน่ากลัว

“เกลียด เกลียดมาก…”

เยี่ยนเฉินหลับตาลง เป็นเขาที่ผิดต่อนางก่อน หากว่านางต้องการชีวิตเขา เช่นนั้นก็ให้นางเอาไปเถิด…

มือของเขาที่จับข้อมือนางไว้ค่อยๆ คลายออกทีละชุ่นๆ

“จิ้งจอกน้อย นี่…เป็นข้าที่ติดค้างเจ้า ได้ตายด้วยมือเจ้า ข้าไม่เสียใจแล้ว”

มือของหลานไว่หูสั่นสะท้านรุนแรงกว่าเดิม คลื่นพายุในดวงตาหมุนวนแล้ว

“ดี! เช่นนั้นเจ้าก็ตายซะเถอะ!”

ขณะที่มืออันสั่นเทาของนางกำลังชักมีดออกเพื่อจะเสียบเข้าสู่หัวใจของเขาอีกครั้ง ปลิดชีวิตของเขาอย่างสมบูรณ์ จู่ๆ ลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งก็ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ครอบคลุมร่างของเยี่ยนเฉินไว้ ดึงเขาไปอย่างรวดเร็ว!

เยี่ยนเฉินไม่ทันตั้งตัว ถูกดึงลอยออกไปไกลหนึ่งจั้ง มีดในมือหลานไว่หูย่อมหลุดออกมาจากทรวงอกเขา

เมื่อมีดหลุดออกจากร่าง โลหิตสดๆ ก็พุ่งกระฉูดออกมาจากอกเขา…

แต่โลหิตนี้เพิ่งจะพุ่งออกมา ภายในแสงรุ้งสายนั้นก็ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่ง กดบาดแผลเขาไว้อย่างรวดเร็ว ห้ามโลหิตที่ไหลทะลักออกมาเอาไว้…

เยี่ยนเฉินโซซัดโซเซยืนให้มั่น เบื้องหน้าเขามืดมัวเป็นพักๆ รับรู้ได้รางๆ ว่ามีคนผู้หนึ่งร่อนลงมาพร้อมแสงรุ้ง เขาฝืนเปล่งวาจาประโยคหนึ่ง

“ซีจิ่ว ข้าเต็มใจ…”

ใต้หล้านี้ผู้ที่ปลดปล่อยแสงรุ้งได้มีเพียงกู้ซีจิ่ว ดังนั้นเขาไม่ต้องมองให้ชัดก็ทราบว่านางมาแล้ว…

“โง่เง่า!”

น้ำเสียงทรงเสน่ห์ดุจเสียงสวรรค์สายหนึ่งเอ่ยวาจาออกมาเพียงคำเดียว

เยี่ยนเฉินเสมือนถูกคนผลักอกในทันใด ลืมตาขึ้นทันที เพียงแต่เขายังไม่ทันได้เพ่งสายตาอีกครั้ง ร่างกายก็ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นแผ่นหลังก็เย็นวาบ ราวกับนอนอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง

————————————————————————————-

บทที่ 2674 การกลับมาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย

แผ่นหลังทั้งเย็นทั้งระคายผิว ตรงทรวงอกก็ยิ่งเจ็บปวดจนอยากควักตับข่วนไต แต่เขาไม่ไยดีเลย พยายามเพ่งสายตาอย่างสุดกำลัง ในที่สุดก็มองเห็นคนผู้นั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างของเขาอย่างชัดเจนแล้ว…

กล่าวให้ถูกคือ เป็นคนสองคน

หนึ่งผู้ใหญ่ หนึ่งผู้เยาว์

ผู้ใหญ่คนนั้นสวมอาภรณ์ม่วงพราวระยับ เรือนผมดกสลวยมัดรวบขึ้น กลางหน้าผากคาดแถบแพรประดับอัญมณีทรงนัยน์ตาจิ้งจอกไว้เม็ดหนึ่ง รูปโฉมงามพร้อม…

เขาไม่อาจบรรยายออกมาได้ สรุปคือ รูปโฉมของคนผู้นี้ทำให้เขารู้สึกด้อยกว่ามหาศาล เดิมทีเขางามสง่าดุจต้นอวี้ แต่เมื่อเทียบกับคนผู้นี้แล้ว เขาก็กลายเป็นต้นอวี๋ (ต้นเอล์ม) ที่หนาล่ำบึกบึน

ในเวลานี้คนผู้นี้กำลังมองเขาอย่างเฉยเมย สายตานั้นเสมือนมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง

ในอ้อมแขนเขายังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งไว้ด้วย เด็กคนนั้นดูอายุราวสองขวบ นัยน์ตาโตขาวดำตัดกันชัดเจน ราวกับหล่อน้ำไว้ ริมฝีปากน้อยๆ แดงอมชมพู สวมเสื้อคลุมตัวน้อยสีขาวพิสุทธิ์ ผิวกายนวลเนียนปานหยกเจียระไน ขาวผ่องน่ารัก

หนูน้อยก็มองเขาอยู่เช่นกัน สายตานั้นเหมือนคนที่อุ้มเขาอยู่ไม่มีผิด สายตาเวทนาคนปัญญาอ่อน

เพียงแต่หลังจากหนูน้อยสบตากับเขาแวบหนึ่ง ก็ใช้มือน้อยๆ ตบหน้าอก กล่าววาจาประโยคหนึ่ง

“โชคดีที่มาทัน! ท่านพ่อ รีบช่วยเขาเถอะ อย่าปล่อยให้เขาตาย”

สมองของเยี่ยนเฉินมึนงง ตัวคนเสมือนถูกฟ้าผ่าก็มิปาน ริมฝีปากขยับเผยออยู่หลายครั้ง ถึงได้เปล่งวาจาไม่กี่คำออกมาได้

“ท…ท่าน…ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”

ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นี้ก็คือตี้ฝูอี!

ตี้ฝูอีผู้นั้นดับขันธ์ไปแล้วชัดๆ ทว่ายามนี้ตัวเป็นๆ กลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า!

เยี่ยนเฉินแทบนึกสงสัยว่าตนสิ้นชีพไปแล้ว ไปถึงปรโลก ดังนั้นถึงได้เห็นคนผู้นี้…

สิ่งที่ทำให้เขาเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ ไม่น่าเชื่อว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่สง่าผ่าเผยเสมอมา ไม่เคยอนุญาตให้ผู้ใดใกล้ชิด จู้จี้จุกจิกอย่างยิ่ง บารมีสูงส่งไร้ใดเทียมจะอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งไว้ในมือ! ซ้ำยังอุ้มอย่างเข้ามือเป็นไปตามธรรมชาติเช่นนี้ด้วย

“เป็นผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าเอง หาได้ยากนักที่เจ้ายังคงจดจำข้าได้ ไม่ถือว่าโง่จนเกินเยียวยา”

ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉยเมย และไม่พูดจาไร้สาระกับเขาอีก พลันโบกแขนเสื้อ เกิดเสียงดังแควก เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของเยี่ยนเฉินถูกฉีกให้เปิดด้วยแรงที่ไร้รูปลักษณ์ เผยบาดแผลนั้นที่มีโลหิตผุดซึมออกมา

ตี้ฝูอีดีดนิ้วคราหนึ่ง ขวดหยกมันแพะใบหนึ่งลอยออกมา หยุดอยู่ในอากาศ จากนั้นปากขวดก็เอียงลง มีของเหลวไหลลงมา ราดลงบนบาดแผลโชกเลือดรูนั้น…

เยี่ยนเฉินครางออกมา ร่างกายขดงอ

เจ็บเหลือเกิน! น้ำยาของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายราวกับน้ำกรดก็มิปาน…

เจ็บปวดจนเขาหน้าซีดตัวสั่น หยาดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากไหลกลิ้งลงมาไม่ขาดสาย

“เจ็บไหม?”

ตี้ฝูอีเอ่ยถามสองคำ

เยี่ยนเฉินแทบจะกระอักเลือดแล้ว อยากเอ่ยยิ่งนักว่าท่านลองโดนแทงสักแผลแล้วราดน้ำกรดลงไปดูสิ!

เพียงแต่ เขาก็กล้าบ่นกระปอดกระแปดแค่ในใจเท่านั้น ไม่กล้ากล่าวออกมา

ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้จู้จี้จุกจิกเสมอมา หากว่าเขาไปยุแหย่เขาสักประโยค สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าคนผู้นี้จะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง!

ดังนั้นเขาจึงตอบไปตามตรงคำเดียว

“เจ็บ”

“ค่าตอบแทนของความโง่เขลา”

ตี้ฝูอีมอบคำวิจารณ์ให้เขาเพียงสั้นๆ

เยี่ยนเฉินถูกตอกหน้ากลับ จึงเงียบไปเลย

ยังคงเป็นตี้เฮ่าที่เห็นดวงหน้าหล่อเหลาของเยี่ยนเฉินเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดแล้วทนไม่ได้อยู่บ้าง เอ่ยอธิบาย

“ภรรยาของเจ้ามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าถูกควบคุม ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะโดนนางแทงเข้าเช่นนี้จริงๆ ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่เลยจริงๆ”

น้ำเสียงของเขายังเจือความอ้อแอ้ของเด็กเล็กอยู่ มีชีวิตชีวา ไพเราะยิ่ง

เยี่ยนเฉินอดมองเขาแวบหนึ่งไม่ได้ หนูน้อยคนนี้งดงามมากจริงๆ แต่พูดจาร้ายกาจเหมือนพ่อเขาไม่มีผิด ปัญหาคือผู้ให้กำเนิดเขาคือใคร? กู้ซีจิ่วทราบหรือไม่?

หลากหลายคำถามหมุนวนอยู่ในสมองเยี่ยนเฉิน สายตาเขาหันเหไปทางหลานไว่หูที่ลุกขึ้นมานั่งแล้วอีกครั้งอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ คนที่เขาห่วงใยที่สุดยังคงเป็นนาง…

————————————————————————————-