พบว่าบัดนี้จิ้งจอกน้อยแน่นิ่งเหมือนคนโง่งม ชัดเจนยิ่งว่าถูกคาถาสะกดร่าง
โชคดีที่นางปลอดภัย ไม่ได้รับอันตรายอันใด
และจวบจนยามนี้ได้เขาเพิ่งจะสนใจอาการบาดเจ็บของตน มีดนั้นของหลานไว่หูแทงทะลุหัวใจเขา หากว่าคนทั่วไปโดนเช่นนี้ ถูกมีดนี้แทงคงสิ้นใจตายไปทันทีแล้ว
แต่ดีร้ายอย่างไรเยี่ยนเฉินก็บรรลุพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว ยังพอยืนหยัดไหว
เพียงแต่มีดนั้นของหลานไว่หูบิดควานหัวใจเขาล่ะก็ ต่อให้เยี่ยนเฉินมีสิบชีวิตก็ไม่รอดแล้ว
ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ต้องรักษาให้ทันท่วงทีถึงจะใช้ได้ ถ้าช้าไปเพียงนิดเขาก็ถึงฆาตเช่นเดิม
ดังนั้นหลังจากตี้ฝูอีควบคุมหลานไว่หูไว้แล้ว ก็ทำการรักษาให้เยี่ยนเฉินก่อน…
ตี้เฮ่าบอกแล้ว จะปล่อยให้คนผู้นี้ตายไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น…
ตี้เฮ่าเห็นบิดาของบ้านตนกำลังช่วยเหลือคนอยู่ตรงนั้น ค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง
“ท่านพ่อ หัวใจของเขาบาดเจ็บแล้ว ต้องใช้พลังวิญญาณเชื่อมประสานสักหน่อย เหตุใดท่านไม่ลงมือโดยตรงล่ะ?”
ตี้ฝูอีคอยควบคุมผ่านอากาศอยู่ตลอด มือไม่แตะโดนผิวของเยี่ยนเฉินเลยสักนิด
การควบคุมเช่นนี้งามสง่ามาก ตี้เฮ่ารู้สึกว่าบิดาของบ้านตนกำลังวางท่าอยู่
ตี้ฝูอีดีดนิ้วต่อเนื่องกัน พลังวิญญาณจากปลายนิ้วสายแล้วสายเล่าผนึกอยู่รอบปากแผลของเยี่ยนเฉิน เขาเอ่ยอธิบายไปด้วย
“มารดาเจ้าขี้หึง ถ้าเห็นพ่อของเจ้าแตะต้องคนอื่นเกรงว่านางจะไม่พอใจเอา”
ตี้เฮ่าพูดไม่ออกเลย…
เยี่ยนเฉินที่เจ็บปางตายก็นิ่งไปเช่นกัน…
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย อะไรที่เรียกว่าแตะต้องผู้อื่น? เป็นเพียงการรักษาเท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้นคือข้าเป็นบุรุษนะ! ซีจิ่วจะเอาอะไรมาหึงกัน?!
ช้าก่อน มารดา? หรือว่าหนูน้อยผู้งดงามจนน่าเหลือเชื่อที่อยู่เบื้องหน้านี้จะถือกำเนิดจากซีจิ่ว? ทำไมไม่เคยได้ยินซีจิ่วเอ่ยถึงเลยล่ะ? นางถึงขั้นที่ไม่เอ่ยเลยด้วยซ้ำว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคืนชีพแล้ว…
“ตั้งสมาธิ!”
ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเยียบเย็น
“ใช้เคล็ดอุทุมพรโคจรพลังวิญญาณ อย่าคิดเหลวไหลวอกแวก เจ้าอยากกลายเป็นสวะอย่างสมบูรณ์หรือไร?”
เยี่ยนเฉินเงียบงัน
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยังคงปากร้ายเช่นเดียวกับในอดีต! ที่น่าหวาดหวั่นกว่าคือดูเหมือนเขาจะอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่บ้าง…
เยี่ยนเฉินไม่กล้าคิดเหลวไหลวอกแวกแล้ว เริ่มปรับลมปราณตามที่ตี้ฝูอีบอก
เขาหลับตาลงจึงมองไม่เห็น ทว่าตี้เฮ่ากลับมองเห็นชัดเจนดี หลังจากเขาปรับลมปราณไปได้ครู่หนึ่ง บริเวณบาดแผลของเยี่ยนเฉินมีแมลงตัวเล็กๆ สีแดงฉานตัวหนึ่งมุดออกมา
มันมีขนาดเท่ายุง ตรงส่วนปากที่แหลมคมไม่น่าเชื่อว่าจะส่องประกายเยียบเย็นออกมาด้วย
มันเพิ่งจะมุดออกมาก็เริ่มกางปีกแล้ว คิดจะกระพือปีกบิน ตี้ฝูอีชี้นิ้วหนึ่งขึ้นมา แสงรุ้งเข้ารัดรึงแมลงเล็กๆ ตัวนั้นไว้ทันที ไม่น่าเชื่อว่าแมลงตัวนั้นจะมีเรี่ยวแรงยิ่ง ดีดดิ้นอยู่ภายใต้การรัดรึงของแสงรุ้งไม่หยุด ทำให้แสงรุ้งสายนั้นสั่นไหวไปด้วย
ตี้ฝูอีเลิกคิ้วขึ้นแวบหนึ่ง เขาก็นับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวาง แต่เพิ่งจะเคยพบเห็นแมลงชนิดนี้เป็นครั้งแรก
“สิ่งนี้อัปลักษณ์นัก! ท่านพ่อ ใช้เข็มทิ่มมันให้ตายเลย!”
ตี้เฮ่าออกความเห็น
ตี้ฝูอีมองเด็กน้อยแวบหนึ่ง เดิมทีเขาคิดจะเสกเพลิงออกมาเผาเจ้าสิ่งนี้ให้ตาย แต่ในเมื่อตี้เฮ่ากล่าวเช่นนี้…
ด้วยเหตุนี้ ตี้ฝูอีจึงเรียกเข็มเล่มหนึ่งออกมาจริงๆ ทิ่มแทงแมลงตัวนั้นกลางอากาศ
แมลงน้อยพลันสั่นสะท้าน พยายามหลบเลี่ยงอย่างสุดกำลัง แต่ต่อให้มันหลบได้เร็วขนาดไหน ก็ไม่เร็วไปกว่าเข็มของตี้ฝูอี ไม่ทันไรก็ถูกเข็มแทงทะลุแล้ว ร้องจี๊ดคราหนึ่ง ร่างแข็งทื่อทันที หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปจากปลายเข็ม
….
ภายในห้องหนึ่งที่อยู่ลึกลงไปใต้แดนเผ่าจิ้งจอกคราม
ตวนมู่เหยี่ยนไม่ได้เข้าร่วมกับคนที่ไปปิดล้อมตรวจสอบความเสียหายของลานบิน เขานั่งอยู่บนเบาะ สองมือจรดร่ายอาคมที่ซับซ้อน อาคมนั้นก่อเป็นโดมแสงสีม่วงอยู่ภายในโถสีดำขลับใบหนึ่งตรงหน้าเขา
ภายในโถมีหนอนสีแดงฉานตัวหนึ่ง หนอนตัวนั้นไม่เล็กเลย ใหญ่เท่าลูกเทนนิส อ้วนท้วนสมบูรณ์
————————————————————————————-
บทที่ 2676 การกลับมาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย 3
ทว่าบนร่างมีปีกอยู่หลายคู่ ปีกทุกคู่ล้วนกำลังโบกกระพืออยู่ พัดให้เกิดสายลมที่อ่อนจางดั่งควันสีม่วงออกมา และสายลมนี้ก็หลอมรวมกันกลายเป็นไหมบางๆ เส้นหนึ่งอยู่ในโถ ลอยอ้อยอิ่ง เข้าสู่ส่วนลึกอันมืดมิดที่อยู่ด้านบน ดูแล้วประหลาดอย่างยิ่ง
เดิมทีหนอนตัวนั้นสงบยิ่งนัก เพียงกระพือปีกอยู่เนืองๆ เท่านั้น แต่ต่อมาราวกับได้รับความกระทบกระเทือนอันใดเข้า ร่างที่อยู่ภายในโถสั่นระริกขึ้นมา…
ตวนมู่เหยี่ยนมุ่นหัวคิ้ว จรดร่ายมุทราเล็กน้อยหมายจะทำอันใด จู่ๆ หนอนตัวนั้นก็เสมือนถูกเข็มทิ่ม ชันร่างขึ้นภายในโถ กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน…
สีหน้าตวนมู่เหยี่ยนพลันแปรเปลี่ยน ปลายนิ้วขยับร่ายอย่างต่อเนื่อง คล้ายคิดจะตัดเส้นไหมที่มุดเข้าสู่ส่วนลึกอันมิดอยู่ตลอด แต่มือเขาขยับร่ายยังไม่ทันเสร็จสิ้น หนอนโลหิตตัวนั้นก็ประหนึ่งลูกบอลถูกปล่อยลม เกิดเสียงดังฟู่ โลหิตสดๆ นับไม่ถ้วนกระฉูดออกมา พริบตาเดียวมันก็เหลือไว้เพียงถุงหนังสีเลือดชิ้นเล็กๆ ผืนหนึ่ง
ตวนมู่เหยี่ยนดุจถูกซัดฝ่ามือใส่ ร่างกายสั่นสะท้านไปด้วย อ้าปากกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวลงสองเฉดในชั่วพริบตา
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง สีหน้าเขาถึงฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ…
นัยน์ตาเขาฉายแววตื่นตะลึง มองหนอนในโถตนที่เหลือไว้เพียงซากหนังชั้นหนึ่ง นิ้วมือค่อยๆ กำแน่น! หรี่ตาลงนิดๆ
คนผู้นั้นมาแล้วหรือ? ไวเหลือเกิน!
ปัญหาคือ กู่พยาบาทผูกชะตาชนิดนี้เขาเพิ่งวิจัยขึ้นมาใหม่ เพิ่งลองใช้หนนี้เป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าเป็นอาวุธลับของเขาเลย ทำไมถึงถูกคนอื่นทำลายได้ในชั่วพริบตาเล่า?!
ต้องรู้เอาไว้ว่าหนอนกู่ชนิดนี้ไม่เกรงกลัวเพลิงผลาญมีดฟัน ถึงขั้นที่ไม่กริ่งเกรงฟ้าผ่าแดดเผา สิ่งเดียวที่หวั่นเกรงคือการถูกทิ่มด้วยเข็มที่กลั่นออกมาจากพลังวิญญาณ
นี่เป็นจุดอ่อนของกู่ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทราบ กลับคาดไม่ถึงเลยว่า…
เห็นได้ชัดว่าตวนมู่เหยี่ยนก็สิ้นเปลืองกำลังไปกับการควบคุมกู่ตัวนี้มากมายเช่นกัน การตายของหนอนกู่ส่งผลร้ายต่อเขาไม่น้อยเลย เขาสูดหายใจสองครา ยกมือขึ้นแล้วมองดูนิ้วมือตน ถอนหายใจเล็กน้อย โชคดีที่ร่างนี้เสื่อมลงบ้างแล้ว มิเช่นนั้น…
เขามองซากหนอนโลหิตที่อยู่ในโถ หยักมุมปากยิ้มบางๆ ไม่เป็นไร เขายังมีทางหนีทีไล่อยู่!
โลหิตหยดหนึ่งผุดออกมาจากปลายนิ้วเขา หยดลงบนร่างหนอนตัวนั้น
ร่างของหนอนโลหิตตัวนั้นที่เหลือเพียงซากหนังชั้นหนึ่งค่อยๆ ฟูขึ้นมาอีกครั้ง
….
เยี่ยนเฉินบาดเจ็บสาหัสนัก เดิมทีต้องสิ้นชีพแล้ว แต่เมื่อตี้ฝูอีมาถึง ชีวิตนี้ของเขาก็ถูกท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ยื้อกลับมาได้!
วิชาแพทย์ของตี้ฝูอีนั้นสามารถกลับตายให้เป็นได้ โอสถก็เป็นโอสถวิญญาณที่พบเห็นได้ยาก บัดนี้บาดแผลนั้นของเยี่ยนเฉินถูกพอกไว้ด้วยโอสถวิญญาณ…
ในใจของเยี่ยนเฉินซาบซึ้งยิ่งนัก โอสถที่ดีถึงเพียงนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ยังพอกลงบนบาดแผลของเขาราวกับไม่ต้องใช้เงินเลย ใจกว้างเกินไปแล้วจริงๆ ทำให้คนตื้นตันเหลือเกิน!
พอกไปได้ครู่หนึ่ง ปากแผลนั้นก็คันยุบยิบขึ้นมาเล็กน้อย
แน่นอน หัวใจที่บาดเจ็บก็คันยุบยิบเช่นกัน ถึงแม้อาการนี้จะทำให้เขาทนไม่ไหวยิ่งนัก แต่เขาก็รู้ว่านี่คืออาการที่ดี
“ขอบคุณท่านทูต…”
เขาเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ เพียงแต่เอ่ยยังไม่จบก็ถูกตี้ฝูอีตัดบทแล้ว
“พูดเหลวไหลให้น้อยหน่อย! ทำสมาธิโคจรพลังซะ!”
เยี่ยนเฉินเงียบไป เขาได้แต่หุบปากลง หลุบตาโคจรพลังยุทธ์
ตี้ฝูอีเยื้องย่างไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลานไว่หู หลานไว่หูถูกเขาใช้คาถาสะกดร่างไว้ ยามนี้มีเพียงดวงตาที่สามารถขยับได้เล็กน้อย บัดนี้หยาดน้ำตาในดวงตาคู่นั้นไหลรินลงมาหยดแล้วหยดเล่า เพียงแต่ไม่มีใครช่วยเช็ดให้นาง
ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง คลายคาถาสะกดร่าง หลานไว่หูส่ายโงนเงน ทว่ากระโดดลงจากโขดหินก้อนนั้น โซซัดโซเซหมายจะวิ่งไปทางเยี่ยนเฉิน
“ถ้าเจ้าอยากให้เขาตายเร็วขึ้น ก็เข้าไปได้เลยไม่เป็นไร”
ตี้ฝูอีเอ่ยประโยคเดียวก็ยับยั้งฝีเท้าของนางได้แล้ว
หลานไว่หูยืนชะงักอยู่ตรงนั้น ดวงตาคู่นั้นดำสนิทดุจรัตติกาล
“ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”
————————————————————————————-