บทที่ 2677 การกลับมาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย 4
“เข้าใจ เจ้าเกลียดเขาใช่ไหม?”
ตี้ฝูอีมองนาง
ใบหน้าหลานไว่หูซีดขาวปานกระดาษ หลับตาลงเล็กน้อย
“ข้า…ไม่รู้…แต่ข้าไม่ได้อยากให้เขาตาย…”
นางหลุบตามองมือตน ในมือนางยังกุมมีดเปื้อนเลือดเล่มนั้นเอาไว้ ความขยะแขยงวาบผ่านนัยน์ตาของนาง อยากจะโยนมีดเล่มนี้ทิ้งยิ่งนัก แต่มีดเล่มนี้ราวกับงอกออกมาจากฝ่ามือของนาง นางสลัดทิ้งอย่างไร ก็สลัดมีดเล่มนี้ไม่หลุด กลับเกี่ยวกระดูกมือจนเจ็บปวดเป็นพักๆ แทน
นางหน้าเปลี่ยนสีนิดๆ คิดจะสลัดทิ้งอีกครั้งตามสัญชาตญาณ ผลก็คือเจ็บเหมือนมือจะหลุดออกมา
นางมองตี้ฝูอีอย่างคล้ายจะขอความช่วยเหลือ คลื่นแสงในดวงตาตี้ฝูอีไหลวน ราวกับบ่อลึกที่สามารถชำระล้างทุกความผิดบาปได้ เขาค่อยเปิดปากเอ่ย แฝงพลังที่ทำให้หัวใจคนสงบลงเอาไว้
“จริงไม่อาจเป็นเท็จ เท็จไม่อาจเป็นจริง ผิดถูกทุกอย่าง พ้องซึ่งจิตมาร…”
น้ำเสียงเขาราวกับขับขานบทสวดบาลีอยู่ ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านซัดตลบอยู่ในทรวงของหลานไว่หูค่อยๆ สลายหายไปตามเสียงของเขาอย่างน่าประหลาด…
‘เคร้ง!’
มีดเล่มนั้นที่อยู่ในมือของนางหล่นลงพื้นทันที
เรี่ยวแรงทั้งหมดของหลานไว่หูก็คล้ายจะสูญหายไปด้วย ทรุดลงนั่งกับพื้น
ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง คลื่นแสงสายหนึ่งโอบคลุมหลานไว่หูไว้ หลานไว่หูเพียงรู้สึกว่ารอบกายเย็นวาบ ราวกับถูกแช่ไว้ในธารน้ำแข็ง ทำให้นางสั่นสะท้านต่อสู้กับความหนาวเย็น เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ตี้ฝูอีก็ไม่สนใจนางแล้ว เพียงโบกแขนเสื้อทีหนึ่ง มีดเล่มนั้นลอยตามกระแสลมจากแขนมาสู่เบื้องหน้าเขา มีดเล่มนั้นเป็นสีทองคล้ำ บนมีดมีเส้นไหมสีแดงรัดพันไว้จนเกิดเป็นลวดลายเลือนราง ราวกับมีแมลงนับไม่ถ้วนกำลังบิดพลิกเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน ดูแปลกประหลาดยิ่ง แฝงไอชั่วร้ายอย่างหนึ่งที่ไม่อาจบอกได้เอาไว้
ของประเภทนี้ย่อมเก็บไว้ไม่ได้ ขณะที่ตี้ฝูอีคิดจะทำลายมันทิ้งให้สิ้นซาก ตี้เฮ่าที่อยู่ข้างเท้าก็ยื่นมือมาหาเขา
“ท่านพ่อ ข้าต้องการมัน!”
“เจ้าหนู เจ้ายังเด็ก อย่าปรารถนาอาวุธสังหารเช่นนี้เลย”
น้ำเสียงอ่อนระโหยสายหนึ่งแว่วออกมาจากซอกมุมด้านข้างแห่งหนึ่ง
หลานไว่หู่นึกมาตลอดว่าผู้ที่มามีแค่สองคน นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงบุคคลที่สามด้วย ด้วยสัญชาตญาณจึงหันมองไปตามเสียง จากนั้นก็พบว่าใต้พฤกษาใหญ่ต้นหนึ่งมีสัตว์หมอบอยู่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นหอยยักษ์เปลือกสีแดงอมชมพู อีกตัวเป็นสัตว์ร้ายตัวน้อยที่เส้นขนเรียบลื่นส่องประกาย
นางทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง นี่คือ…เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ใช่ไหม?
หน้าตาเปลี่ยนไปมากเลย!
หอยยักษ์ตัวนั้นอ้าฝาออกที่มุดออกมาจากด้านในไม่ใช่หนูน้อยที่หลานไว่หูคุ้นเคยอีกแล้ว แต่เป็นเด็กหนุ่มผู้งดงามที่อายุราวสิบสองสิบสามปีคนหนึ่ง เด็กหนุ่มคนนั้นกำลังมองตี้เฮ่าอย่างเป็นกังวล ผู้ที่ออกปากห้ามปรามก็คือมัน
ตี้เฮ่ามองมันแวบหนึ่ง ไม่สนใจมัน หันไปมองบิดาของตน
“ท่านพ่อ ให้ข้าดูมีดเล่มนี้หน่อยได้ไหม?”
แววตาของตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย หลังจากแยกกับกู้ซีจิ่วที่แดนอสุรา เด็กคนนี้ร้อนใจกว่าเขาเสียอีก รบเร้าปานไฟไหม้บ้าน แต่ยังคงไม่ยอมพูดให้กระจ่าง เพียงรบเร้าให้เขาเร็วอีกเร็วขึ้นอีก
ไม่ง่ายเลยกว่าสองพ่อลูกจะค้นพบเส้นทางลงสู่โลกเบื้องล่าง หลังจากร่อนลงสู่ทวีปซิงเยวี่ย เด็กคนนี้ก็มิได้รบเร้าให้เขาไปตามหากู้ซีจิ่ว แต่ชี้มายังทิศทางนี้ทันที จะมาที่นี่ก่อนให้ได้…
ถึงช่วยเหลือเยี่ยนเฉินไว้ได้ทันกาล
ถึงแม้ตี้เฮ่าจะไม่ได้บอกว่าเพื่ออะไร แต่ตี้ฝูอีเข้าใจได้รางๆ ความปลอดภัยของเยี่ยนเฉินกับจิ้งจอกน้อยคล้ายจะเป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมอันน่าเศร้าในอนาคตของเขากับกู้ซีจิ่ว
มองเห็นเด็กน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอกยิ่งนัก ราวกับนี่คือก้าวที่สำคัญยิ่งนักก้าวหนึ่ง ประหนึ่งว่าในความมืดมิดได้มีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เมื่อเห็นลูกชายเบิกตามองมีดด้วยความปรารถนา ตี้ฝูอีจึงยื่นมีดให้เขาเสียเลย
มือน้อยๆ ของตี้เฮ่ารับมีดเล่มนั้นไป นิ้วมือเล็กๆ สะบัดลงบนคมมีดเบาๆ ลูบไล้ตามไปเส้นไหมสีโลหิตเหล่านั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบมีดพลันสั่นระริก บาดนิ้วเล็กๆ ของเขาเข้านิดหน่อย โลหิตสดหยดออกมาทันที…
….
————————————————————————————-
บทที่ 2678 การกลับมาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย 5
“เจ้าหนู ระวัง!”
เจ้าหอยยักษ์ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
ตี้เฮ่าเงยหน้ามองมันแวบหนึ่ง คลี่ยิ้มดุจบุปผา
“หอยยักษ์ ถ้าเจ้าเรียกข้าว่าเจ้าหนูอีก ข้าจะสับเจ้าซะ!”
เจ้าหอยยักษ์สะท้าน คล้ายจะนึกอะไรได้ ในที่สุดก็หุบปากแล้ว
ลู่อู๋ยื่นอุ้งเท้าข้างหนึ่งตบเปลือกของมันเบาๆ แสดงการปลอบโยน
ตี้เฮ่าหยดโลหิตลงบนเส้นไหมสีแดงนั้น ผลคือไหมแดงนั้นจะบิดเบี้ยวดีดดิ้นขึ้นมา ทำให้มีดเล่มนั้นสั่นไหวตามไปด้วย…
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไหมแดงนั้นเกิดเสียงดังชี่มีควันสีเขียวผุดออกมา สลายหายไปทันที ลวดลายบนมีดเล่มนั้นย่อมเลือนหายไปด้วย
ตี้เฮ่าเม้มปากจิ้มลิ้มทีหนึ่ง
“มีดเส็งเคร็งอันใดกัน บาดมือข้าแล้ว! ท่านพ่อ ท่านทำลายมันทิ้งเถอะ”
แล้วยื่นมีดเล่มนั้นให้ตี้ฝูอีอีกครั้ง ตี้ฝูอีคร้านจะรับไว้ พลันดีดนิ้ว แสงรุ้งสายหนึ่งวาบเข้าใส่ มีดเล่มนั้นสลายเป็นผุยผงปลิดปลิวไปกับสายลม
หลานไว่หูประหนึ่งถูกคนทุบตี บนร่างมีแสงสีแดงวาบออกไป
นางเสมือนลืมตาตื่นจากฝัน ดวงตาที่เดิมทีเป็นสีดำเจือม่วงคู่นั้นกลายเป็นสีดำสนิทแล้ว
นางมองเยี่ยนเฉินที่มีสีหน้าซีดขาด จากนั้นก็มองตนเอง ร่างกายสั่นเทาขึ้นมา
นางเกือบจะก่อความผิดพลาดครั้งมหันต์แล้ว เกือบสังหารคนที่ตนห่วงใยที่สุดไป!
….
และที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม
ตวนมู่เหยี่ยนกำลังทำพิธีกับซากกู่อยู่ จู่ๆ นิ้วมือเขาก็สั่นระริกแวบหนึ่ง หนอนโลหิตที่เดิมทีกำลังจะคืนชีพร่างกายฟื้นฟูขึ้นมาแล้วกลับเกิดเสียดังปุ้ง แหลกสลายไปทันที
ตวนมู่เหยี่ยนตกตะลึง
เขากำหมัดแล้วกำหมัดอีก พลันลุกขึ้นมา วาดแขนเสื้อคราหนึ่ง เก็บโถนั้นใส่แขนเสื้อ หันหลังสาวเท้าก้าวออกไป
ถึงแม้จะน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก แต่คนผู้นั้นตามกลับมาแล้วจริงๆ!
แถมพอมาถึงก็ทำลายจุดสำคัญในแผนการของเขาเลยด้วย!
เขาจะต้องแก้ไขให้ได้…
…..
ณ ลานบินของแดนเผ่าจิ้งจอกคราม ทุกอย่างเละเทะวุ่นวายไปหมดแล้ว
ยานรบขนาดกลางลำหนึ่งบินต่ำอยู่ในอากาศ มีการยิงปืนใหญ่นับไม่ถ้วนออกมาจากยานรบ ทุกจุดที่ไปถึง ล้วนระเนระนาดไปหมด
ทหารของดาวจิ้งจอกครามย่อมอยากกำจัดยานรบ ‘แปรพักตร์’ ลำนี้ทิ้ง ดังนั้นพวกเขาย่อมวิ่งไปที่ยานรบลำอื่นตามสัญชาตญาณ แต่ปืนใหญ่ของยานรบลำนั้นถี่รัวเกินไป แถมยังแม่นยำอย่างยิ่งด้วย!
กระสุนปืนใหญ่แทบทุกลูกที่มันยิงออกมาล้วนระเบิดทหารสิ้นชีพไปสี่ห้าคน…
พวกเขาไม่มีทางไปขึ้นยานรบลำอื่นได้เลย!
แถมยุทโธปกรณ์ที่อยู่บนพื้นดินเหล่านั้นก็ไม่สามารถโจมตียานรบแปรพักตร์ลำนั้นให้ร่วงลงมาได้
ทหารชาวดาวจิ้งจอกครามสิ้นชีพอย่างน่าเวทนา กวนย่าหนิงตาแดงฉานแล้ว!
ยานรบลำอื่นถูกยานแปรพักตร์ลำนั้นโจมตี ถึงแม้จะไม่หลุดเป็นชิ้น แต่ก็เสียหายอย่างหนัก เกรงว่าถ้าไม่ใช้เวลาสักเดือนสองเดือนก็คงซ่อมไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดคือทหารของเขา ทหารที่นี่ล้วนเป็นหัวกะทิทั้งสิ้น ตอนนี้แทบจะล่มจมไปหมดแล้ว!
ถ้าพุ่งเข้าหาทิศทางของยานรบอีกเป็นการรนหาที่ตายอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้กวนย่าหนิงจะห่วงใยยานรบ ก็ยังออกคำสั่งถอยร่นทันที
ทหารเหล่านั้นย่อมไม่กล้าประจัญศึก แยกย้ายกันหนีเอาชีวิตรอด มุ่งไปยังหลุมหลบภัยที่ใกล้ที่สุด
ยานรบแปรพักตร์ลำนั้นก็ไล่ตามราวีพวกเขา ตามติดจนพวกเขาปรารถนาให้บิดามารดาสร้างขาเพิ่มให้อีกสักคู่…
ขณะที่ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ กวนย่าหนิงได้ยินเสียงหึ่งๆ เหมือนผึ้งแตกรังแว่วมาจากทางลานบิน เขาใจเต้นแวบหนึ่ง มองไปยังทิศทางนั้น เห็นยานรบทรงจานบินขนาดมหึมาลำหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมา…
ดวงตากวนย่าหนิงพลันส่องประกาย!
นี่คือยานรบของท่านจอมพล! บนยานรบมีการตั้งค่าแบบพิเศษยิ่ง มีเพียงตัวท่านจอมพลที่สามารถบังคับได้
ตอนนี้ในเมื่อยานรบลำนี้ขึ้นบินแล้ว แสดงว่าท่านจอมพลขึ้นยานสำเร็จแล้ว!
ยานรบลำนี้สามารถทำลายยานรบขนาดเล็กทุกชนิดได้ ในเมื่อท่านจอมพลควบคุมมันแล้ว เชื่อว่าต้องควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว…
ใช่จริงๆ ทันทีที่ยานรบลำนี้ลอยขึ้นมา ก็ยิงลำแสงสีฟ้าเจิดจ้าสายหนึ่งออกไป ทำให้ ‘ยานรบ’ แปรพักตร์ลำนั้นกลายเป็นบอลเพลิงลูกใหญ่ในชั่วพริบตา!
….
————————————————————————————-