เล่มที่ 25 เล่มที่ 25 ตอนที่ 744 คุณชายจิ่ว จริงหรือเท็จ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

เมื่อเห็นว่าปลายกระบี่ยาวในมือของมู่หรงเฟิงเข้าใกล้หน้าอกของซูจิ่นซีมากขึ้นเรื่อยๆ …

จงรุ่ยอันพ่อลูก จิ้นหนานเฟิง และคนอื่นๆ ต่างกระโดดขึ้นมาราวกับแมลงเม่าที่ไม่สนใจสิ่งใด และพยายามเข้าไปขัดขวาง ทว่ากลับร่วงลงมาราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น พวกเขาตกตะลึงกับก้อนพลังสีดำที่พุ่งออกมาอีกครั้ง

พวกเขากังวลเกี่ยวกับซูจิ่นซี ทว่าในเวลานี้ มีคนผู้หนึ่งที่เป็นห่วงซูจิ่นซีมากกว่าพวกเขาเสียอีก

นั่นคือเยี่ยโยวเหยา

อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยาทำได้เพียงมองโดยไม่อาจช่วยอันใดได้ แม้เขาจะพยายามอย่างเต็มที่และใช้พลังยุทธจิ่วเซียวทั้งหมด ทว่ายังไม่อาจหลุดพ้นจากพลังที่อยู่รอบตัวของซูจิ่นซี

เขาลืมแม้กระทั่งว่าพลังภายในที่แข็งแกร่งของตนกำลังถูกซูจิ่นซีดูดไปทีละน้อย และลืมไปว่าพลังภายในร่างกายของตนกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง

เขาทำได้เพียงเบิกตาดำขลับลึกซึ้ง ในเวลานี้ ดวงตาที่เย็นชาเต็มไปด้วยเลือด เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดและความกังวลที่มากเกินไป

เยี่ยโยวเหยากัดฟันแน่น มุมปากจึงเริ่มมีหยดเลือดไหลซึมออกมา

ซูจิ่นซี หลบไป!

ซูจิ่นซี หลบสิ! เจ้าอยากตายหรือ?

ซูจิ่นซี เจ้าได้ยินข้าหรือไม่?

ซูจิ่นซี…

เยี่ยโยวเหยาใช้พลังภายในส่งเสียงไปยังใบหูของซูจิ่นซีซ้ำๆ หลายครั้ง

ทว่าดวงตาของซูจิ่นซียังคงแข็งค้าง ราวกับไม่รับรู้ถึงความกังวลใจของเยี่ยโยวเหยา

ซูจิ่นซี…

ซูจิ่นซี…

ซูจิ่นซี…

เยี่ยโยวเหยาพยายามร้องตะโกนเรียกซูจิ่นซี

เมื่อกระบี่ยาวในมือของมู่หรงเฟิงอยู่ห่างจากหัวใจของซูจิ่นซีเพียงครึ่งชุ่น วินาทีถัดมา ขณะที่กระบี่ยาวกำลังจะทะลวงแนวป้องกันสุดท้ายของร่างกาย เพื่อเจาะทะลุเสื้อผ้าและเนื้อของนาง…

‘จ๊าบ… ’

ทันใดนั้น เสียงนกกระเรียนคำรามก็ดังมาจากจุดที่ไกลออกไป

แสงที่เย็นเฉียบราวกับคลื่นในมหาสมุทรพลันพลุ่งพล่านด้วยพลังอันรุนแรง ราวกับกระบี่ยาวคมกริบ แทงทะลุผ่านแนวพลังมหาศาลที่รวมตัวกันของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา และชายชรา

มู่หรงเฟิงที่ถือกระบี่และกำลังจะแทงซูจิ่นซี ในวินาทีต่อมา เขาก็กระเด็นลอยออกไปอย่างรุนแรง

ขณะเดียวกัน ‘เอือก… ’ ในที่สุด เยี่ยโยวเหยาที่กำลังดิ้นรนก็ฝ่าความชะงักงันทั้งหมด เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากของเขาราวกับห่าฝนบนท้องฟ้า

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ไม่ว่าร่างกายจะบาดเจ็บเพียงใด และไม่ว่าสถานการณ์ของตนจะอันตรายเพียงใด เยี่ยโยวเหยาก็ยังไม่ลืมซูจิ่นซี เขาไม่อาจละทิ้งหรือเพิกเฉยต่อซูจิ่นซีได้

เขาไม่สนใจเลือดที่ท่วมร่างของตน ขณะที่ลำแสงเย็นเยือกวาบผ่านพลังที่เชื่อมโยงพวกเขาทั้งสาม ร่างของเยี่ยโยวเหยาหมุนวนกลางอากาศ เขากระโดดไปด้านข้างซูจิ่นซีและคว้านางไว้ ก่อนจะค่อยๆ ร่อนลงมาบนพื้น

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบสนองว่าเกิดอันใดกันแน่ เยี่ยโยวเหยาก็กอดซูจิ่นซีไว้ในอ้อมแขนและร่อนลงบนพื้น ส่วนชายชราและมู่หรงเฟิงก็ตกลงมาบนพื้นอย่างแรง

‘จ๊าบ… ’

เสียงนกกระเรียนดังขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้าที่อยู่ไกลออกไป

ราวกับความฝัน…

ทุกคนเงยหน้ามอง แสงจันทร์และแสงดาวสว่างสดใส เมฆหมอกดุจม่านผืนยาว ชายในชุดสีขาวดั่งหิมะพันปีบนเทือกเขาคุนหลุนที่ยังไม่ละลาย เช่นเดียวกับเมฆขาวบนท้องฟ้า เขาเหยียบอยู่บนนกกระเรียนที่กำลังเหาะมาอย่างเชื่องช้า

หลายคนที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว แทบลืมหายใจ…

ใช่ ลืมแม้กระทั่งหายใจ

เพียงเพราะว่าภาพนั้นงดงามเกินไป งดงามจนไม่เหมือนภาพในแดนมนุษย์

หลังจากผ่านไปหลายปี หลายคนที่โชคดีรอดมาได้ก็อายุมากแล้ว เส้นผมของพวกเขาขาวโพลน ทว่าเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ในคืนนั้น ทุกคนต่างถอนหายใจนิ่งเงียบ และใช้เวลานานกว่าจะกลับมาได้สติ

“คุณ… คุณชายจิ่ว… ”

ท่ามกลางผู้คน ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนออกไปพร้อมกับกัดฟัน

“คุณชายจิ่ว? ใช่คุณชายจิ่วจริงๆ … ”

“ใช่แล้ว คือคุณชายจิ่ว! ”

ทุกคนยิ่งมั่นใจมากขึ้น!

คราวนี้เป็นจิ่วหรงจริงๆ !

ท่ามกลางแสงจันทร์ นกกระเรียนร่อนลงมาเบื้องหน้าทุกคน จิ่วหรงในชุดสีขาวราวหิมะไร้รอยยับย่น เขาก้าวลงจากหลังของนกกระเรียนอย่างสง่างาม

มู่หรงเฟิงเห็นใบหน้าของจิ่วหรงอย่างชัดเจน ร่างของเขาพลันสั่นสะท้านและต้องการหลบหนี ทว่าอาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงมากจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ตามใจต้องการ

น่าเสียดาย จิ่วหรงไม่ชายตามองเขาแม้แต่น้อย

ดวงตางดงามของเขาจับจ้องไปที่ซูจิ่นซีด้วยความอ่อนโยน

เขาเดินไปด้านข้างซูจิ่นซีด้วยท่าทางสงบนิ่ง และกำลังจะโน้มตัวจับมือของซูจิ่นซีขึ้นมาเพื่อตรวจอาการบาดเจ็บของนาง

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยโยวเหยาที่มองมาอย่างเย็นชา แววตาแสดงความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน เขาจึงถอนมือออก

จิ่วหรงเพียงยืนขึ้นและยกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อย ลำแสงเย็นเยือกพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา และลอดเข้าไปใต้แขนเสื้อของซูจิ่นซีราวกับมีดวงตายื่นยาว ก่อนจะผูกไว้กับข้อมือของซูจิ่นซี

จงรุ่ยอันและจงเทียนโย่วต่างมีชื่อเสียงในวงการแพทย์ ในเหตุการณ์นั้นมีหลายคนที่เข้าใจวิชาทางการแพทย์ ทว่าไม่มีผู้ใดเคยเห็นการตรวจชีพจรเช่นนี้มาก่อน

ผ่านไปครู่หนึ่ง จิ่วหรงขมวดคิ้วแน่น เขาพลิกฝ่ามืออีกข้าง เม็ดยาสีแดงพลันปรากฏขึ้นมาระหว่างนิ้วทั้งสอง

จิ่วหรงสะบัดนิ้วแผ่วเบา เม็ดยาสีแดงจึงถูกป้อนเข้าไปในปากของซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีที่อยู่ในอาการไม่ได้สติราวกับไม่รับรู้สิ่งใด ลำคอของนางเคลื่อนไหวเล็กน้อย และยาเม็ดก็ไหลเข้าสู่ช่องท้องของนาง

หลังจากนั้น จิ่วหรงจึงถ่ายเทพลังภายในบางส่วนให้ซูจิ่นซี ทำให้สีหน้าของซูจิ่นซีเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย

หลังจากถอนพลังภายในออกมา จิ่วหรงก็หยิบยาอีกเม็ดหนึ่งยื่นให้เยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยามองไปที่จิ่วหรง แสงเย็นชาในดวงตาของเขายังคงอยู่ และเขาไม่ได้รับมันยามาในทันที

จิ่วหรงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ระหว่างข้าและโยวอ๋อง ช้าเร็วย่อมต้องต่อสู้กัน ทว่าก่อนอื่น โยวอ๋องต้องรักษาชีวิตให้รอดก่อน”

เมื่อเห็นว่าเยี่ยโยวเหยายังไม่ยอมรับไป สายตาของจิ่วหรงจึงมองข้ามไปยังใบหน้าของซูจิ่นซีที่กำลังหลับใหล

“รอดชีวิต คือแต้มต่อที่ดีที่สุด! ”

เยี่ยโยวเหยารีบยกมือขึ้นและรับยาไปทานโดยไม่ลังเล

แววตาอ่อนโยนของจิ่วหรงสลายหายไป กลายเป็นแววตาเย็นชา เขามองไปที่ชายชราอย่างเชื่องช้า

แม้วรยุทธ์ของชายชราจะแข็งแกร่ง ทว่าเขาถูกซูจิ่นซีดูดพลังไปมากกว่าครึ่ง สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก

เพียงจิ่วหรงยกมือขึ้นเล็กน้อย ร่างของชายชราก็ปลิวออกไปเหมือนใบไม้ และล้มลงกับพื้นอย่างแรง

“จิ้นอี้เฉิน ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว! เจ้าต้องการทำสิ่งใด ข้าไม่สนใจ ทว่าหากเจ้ากล้าทำร้ายนางจนถึงแก่ชีวิต ข้าจะบดร่างของเจ้าให้แหลกละเอียด”

จิ้นอี้เฉินอาเจียนออกมาเป็นเลือด เขามองจิ่วหรงด้วยใบหน้าซีดขาว แสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเขาคิดสิ่งใดจึงเก็บพลังและสงบลงอีกครั้ง

ก่อนจะคลานไปที่เท้าของจิ่วหรง

“คุณชายจิ่ว ข้าขอร้องท่าน ช่วยซีจือ แผนการก่อนหน้านี้ทั้งหมดของข้าพังทลายลงแล้ว ตอนนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถฟื้นคืนชีพและช่วยชีวิตซีจือได้ เพียงท่านเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตซีจือได้ จะให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้ ข้าทำได้ทุกอย่าง… ”

ชายชราพูดพลางโขกศีรษะกับพื้นอย่างแรง

จิ้นหนานเฟิงและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง ชายชราผู้นี้เคยยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเพียงใด? ไม่คิดว่าเขาจะสามารถคลานอยู่แทบเท้าจิ่วหรงได้ราวกับมดปลวก

ทุกคนต่างมองจิ่วหรงด้วยความนับถือและชื่นชมโดยไม่รู้ตัว