ที่แท้ชายชราผู้นี้มีนามว่า จิ้นอี้เฉิน
จิ้นอี้เฉินทำซูจิ่นซีบาดเจ็บ ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส ทำให้จิ่วหรงโกรธอย่างมาก
ทว่าไม่รู้เหตุผลใด เมื่อเห็นท่าทางของจิ้นอี้เฉินที่กราบแทบเท้าของเขาเพื่อช่วยชีวิตจงซีจือ ความโกรธของจิ่วหรงก็ค่อยๆ ลดลง
จิ่วหรงหันไปมองซูจิ่นซีที่กำลังหมดสติ และพูดกับเยี่ยโยวเหยาว่า “สตรีผู้นี้เพียงดูดพลังของท่านกับจิ้นอี้เฉิน ลมปราณของนางจะปั่นป่วนชั่วขณะหนึ่ง จึงตกอยู่ในอาการหมดสติ เมื่อครู่ข้าปรับลมปราณให้นางแล้ว พักฟื้นอีกไม่กี่วันก็จะดีขึ้น ท่านพานางกลับไปเถิด! ”
จิ่วหรงพูดพลางจับตัวจิ้นอี้เฉินและเหยียบหลังนกกระเรียนจากไป
เยี่ยโยวเหยาต้องการขัดขวาง ทว่าเขาไร้กำลัง
ร่างของจิ่วหรงหายไปท่ามกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืนเป็นเวลานาน ก่อนที่ทุกคนจะกลับมาได้สติ ไม่รู้ว่ามู่หรงเฟิงหนีรอดไปตั้งแต่เมื่อใด
“ท่านอ๋อง ให้กระหม่อมนำกำลังออกตามหาหรือไม่? ”
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเย็นชา ทว่าเมื่อมองไปที่ใบหน้าของซูจิ่นซี แววตาของเขาพลันอ่อนโยนลงเล็กน้อย
“ไม่ต้อง! ”
แม้เยี่ยโยวเหยาจะต้องการสับร่างของมู่หรงเฟิงให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น แต่เยี่ยโยวเหยาเชื่อว่า ในเมื่อครั้งนี้มู่หรงเฟิงสามารถมาได้ เขาต้องมาอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน
ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออันใด ทว่าเป้าหมายสุดท้ายคือพวกเขาสองสามีภรรยา
ดังนั้น เยี่ยโยวเหยาเพียงรอคอยเท่านั้น
แม้จงรุ่ยอันจะหวาดกลัวเยี่ยโยวเหยามาก ทว่าเขายังคงก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกชาวาบที่หนังศีรษะ
“โยวอ๋อง พระองค์พากงจู่กลับไปที่สกุลจงก่อนดีหรือไม่? กระหม่อมสั่งคนไปเตรียมการไว้ก่อนแล้ว”
เวลานี้ สำหรับซูจิ่นซี วังหลวงในแคว้นหนานหลีปลอดภัยที่สุด ทว่าด้วยสถานะของเยี่ยโยวเหยา เขาไม่สะดวกที่จะเข้าไปในวังหลวง
ในทางตรงกันข้าม สกุลจงมีความเหมาะสมที่สุด
เขาจึงพยักหน้าตอบตกลง
ภายใต้การจัดการของจงรุ่ยอันพ่อลูก เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีและคนอื่นๆ เข้าไปในสกุลจง
ท้องฟ้ามืดสนิทราวกับน้ำหมึก และค่ำคืนที่มืดมิด
เสียงนกหวีดร้องบนหน้าผาท่ามกลางลมหนาว
นกกระเรียนบินอยู่กลางอากาศ จิ้นอี้เฉินถูกจิ่วหรงขว้างจากกลางอากาศลงไปที่ขอบหน้าผาอย่างแรง
เม็ดกรวดตกลงไปในหน้าผาลึกไร้ขอบเขต ไร้ที่สิ้นสุด
ร่างของจิ้นอี้เฉินร่วงลงมา ทว่าโชคดีที่มือของเขาคว้าแง่งหินบนขอบหน้าผาได้ทัน เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบพลันผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
เขาเพิ่งปีนขึ้นไปบนหน้าผาหิน ในเวลาต่อมา นกกระเรียนที่จิ่วหรงนั่งอยู่ก็ร่อนลงมาอย่างมั่นคง และเหยียบลงบนหลังของเขา
กดเขาลงกับพื้นอีกครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาของจิ้นอี้เฉินพลันซีดขาว เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอด นิ้วกดลงไปในดิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“คุณชายจิ่ว… ท่าน… ท่านหมายความว่าอย่างไร? ตำหนัก… ใต้ดิน ท่านก็มีส่วนร่วมในเรื่องตำหนักใต้ดินด้วย ท่านไม่อาจกล่าวโทษข้าเพียงผู้เดียว”
ในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ แสงจันทร์ทอประกายอยู่ด้านหลัง ทำให้ไม่อาจมองเห็นสีหน้าของจิ่วหรงได้
ทว่าเนื่องจากความเกรี้ยวกราด ทำให้ชุดสีขาวราวหิมะรอบตัวเขาปลิวไปทั่วท้องฟ้า…
“อย่าพูดถึงเรื่องตำหนักใต้ดินกับข้า ข้าไม่เหมือนเจ้า… ”
สีหน้าของจิ้นอี้เฉินเปลี่ยนไปในทันที เขาราวกับคิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนคำพูด
“ข้าจะไม่พูด ข้าจะไม่พูดถึงอีก คุณชายจิ่วไม่เกี่ยวข้องกับแคว้นไหวเจียงและตำหนักใต้ดิน เป็นข้าที่พูดผิดไปชั่วขณะ เพียงคุณชายจิ่วช่วยข้าหาร่างของซีจือและมู่หรงอวิ๋นไห่ และช่วยข้ารักษาซีจือ ข้ายินดีจะเป็นวัวเป็นม้าเพื่อตอบแทนคุณชายจิ่ว”
บรรยากาศรอบตัวจิ่วหรงทวีความเย็นยะเยือกยิ่งขึ้น นกกระเรียนเหยียบลงบนหลังของจิ้นอี้เฉินแรงขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ? ”
ดวงตาเฉียบคมของจิ้นอี้เฉินทอประกายเจ่าเล่ห์
“ข้า… ข้าจะกล้าข่มขู่คุณชายจิ่วได้อย่างไร? ต่อให้ข้ามีความกล้าหาญอีกสิบเท่า ข้าก็ไม่กล้า! ทว่า… ทว่า… ”
จิ้นอี้เฉินหยุดพูด
“หืม? ” จิ่วหรงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จิ้นอี้เฉินเม้มริมฝีปากพลางกลืนน้ำลาย เพื่อสร้างความกล้าหาญให้ตนเอง
“ทว่า… มีบางเรื่องที่คุณชายยังไม่ต้องการให้ซูจิ่นซี สตรีผู้นั้นทราบ เช่น คุณชายกับแคว้นไหวเจียง… ”
จิ้นอี้เฉินยังไม่ทันพูดจบ นกกระเรียนก็ส่งเสียงร้องยาวดัง ‘จ๊าบ… ’ ร่างกายของจิ้นอี้เฉินถูกเหยียบลงไปในดิน เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นได้อีก
ท่ามกลางแสงจันทร์สลัว มีเพียงดวงตาของจิ่วหรงเท่านั้นที่มองเห็นได้ชัดเจนภายใต้แสงสว่างที่เยือกเย็น
เขายกแขนเสื้อขึ้น และนกกระเรียนก็กระโดดลงมาอยู่ข้างกายเขา
ร่างสีขาวราวเทพเซียนนั่งอยู่บนหลังนกกระเรียนอย่างสง่างาม หว่างคิ้วงดงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้แฝงไปด้วยท่าทางเฉยเมย เขามองจิ้นอี้เฉินที่ตกลงไปในโคลนราวกับกำลังจ้องมองต้นหญ้า
จิ่วหรงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี หากกล้าล้ำเส้นอีก อาณาจักรเทียนเหอจะเป็นหลุมฝังศพของเจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด นกกระเรียนก็กระพือปีกและพาจิ่วหรงจากไป จิ้นอี้เฉินรีบเอ่ยขอร้องจิ่วหรง “คุณชายจิ่ว ในโลกนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตซีจือได้ ต่อให้ไม่เห็นแก่ข้า ท่านก็เห็นแก่ซูจิ่นซี เด็กสาวผู้นั้น เห็นแก่ซีจือที่เป็นมารดาแท้ๆ ของซูจิ่นซี สตรีผู้นั้นเถิด! ”
แววตาของจิ่วหรงยิ่งทวีความเย็นชา “มารดาผู้ให้กำเนิดหรือ? นางไม่คู่ควร! ”
ตอนนี้ไม่มีอันใดต้องปิดบัง
อดีตชาติก่อนหน้านี้ของซูจิ่นซี คือ เทพธิดาเผ่าเม้ย และเซียนดอกบัวแห่งสระบัวใต้พระที่นั่งของซีหวังมู่ ที่แห่งนั้นเป็นสถานที่สูงส่งระดับใด?
แล้วจงซีจือเล่า?
อย่างไรก็ตาม จิ่วหรงเพียงอาศัยวิญญาณเผ่าเม้ยกับพลังฝึกตนนับพันปีของเขาเพื่อสร้างดวงวิญญาณก็เท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะความอาลัยอาวรณ์และการรักษาสภาพศพมานานหลายปีของจิ้นอี้เฉิน นางคงหายไปจากโลกนี้นานแล้ว
ในสายตาของจิ่วหรง นางจะคู่ควรเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของซูจิ่นซีได้อย่างไร?
จิ้นอี้เฉินรู้ได้ทันทีว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล เขาจึงรีบหันกลับมาและอ้อนวอนด้วยการโขกศีรษะกับพื้นเสียงดังสนั่น
“คุณชายจิ่ว ท่านโปรดช่วยซีจือด้วยเถิด! ”
เมื่อจิ่วหรงจากไป หัวใจที่เย็นชาพลันรู้สึกเห็นใจคำอ้อนวอนของจิ้นอี้เฉิน จิ่วหรงหันหลังกลับมา ดวงตาของเขาสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังที่มองไม่เห็น
“นางเป็นเพียงดวงวิญญาณเท่านั้น! นางควรหายไปจากสวรรค์และโลกนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงดื้อรั้นเช่นนี้? ”
ศีรษะของจิ้นอี้เฉินฝังลึกลงไปในดิน ครู่หนึ่งจึงค่อยๆ เงยขึ้น ดวงตาที่เฉียบแหลมของเขาดูเหมือนจะแก่ลงเล็กน้อย
“เช่นนั้น คุณชายจิ่วเล่า? ศิลาสามชาติสามภพได้กำหนดพรหมลิขิตในโลกแล้ว ทว่าสิ่งเดียวที่ไม่สามารถกำหนดได้คือพรหมลิขิตระหว่างท่านกับเทพธิดา ต่อให้ดิ้นรนต่อสู้เป็นเวลานับพันปี แล้วเป็นอย่างไร? ยังคงไร้ผล เหตุใดท่านยังดื้อดึงอยู่อีกเล่า? ”
เหตุใดยังดื้อดึงอยู่อีก?
เหมือนดั่งความฝัน…
เป็นดั่งความฝัน จู่ๆ ก็ราวกับมีบางอย่างทิ่มแทงหัวใจของจิ่วหรง
ดวงตาที่งดงามและไม่มีผู้ใดเทียบได้ของเขาพลันทอดยาวออกไป เขามองไปยังท้องฟ้าอันไกลโพ้น ที่ซึ่งแสงจันทร์และดวงดาวสว่างไสว
ถามว่าในโลกนี้ รักคือสิ่งใด สอนให้คนยากจะยอมแพ้ ยากจะแยกจาก ยากจะละทิ้ง ยากจะสานต่อความสัมพันธ์…
ผ่านไปครู่หนึ่ง นกกระเรียนก็เหาะขึ้นและพาจิ่วหรงหายไปในกลุ่มเมฆ
จิ้นอี้เฉินแทบจะใช้กำลังทั้งหมดของเขาเพื่อลุกขึ้นมาจากพื้น และเดินซวนเซไปตามทิศทางที่จิ่วหรงจากไป
“คุณชายจิ่ว… ”
ค่ำคืนดึกดื่นและมืดมิด
เสียงของจิ่วหรงราวกับไร้ตัวตนและน่ารื่นรมย์ราวกับเสียงของธรรมชาติในยามค่ำคืนอันยาวนาน
“จิ้นอี้เฉิน ข้าขอเตือนเจ้า ทำในสิ่งที่เจ้าควรทำ หากเจ้ากล้าแตะต้องซูจิ่นซีอีกครั้ง ข้าจะทำลายอาณาจักรอวิ๋นโจวของเจ้าทั้งหมด”