เย่ฉายังอยากพูดอีก แต่พอถูกเย่กูจ้อง เขาก็หุบปากเงียบ
“ภายในสามวัน ข้าไม่อยากเห็นวิหารที่เกี่ยวข้องกับการบูชายัญเลือดสามอาณาจักรอีก เข้าใจไหม?” จวินอู๋เสียกล่าวเสียงเฉียบขาด
“ขอรับ คุณหนู!” พวกเย่ฉารับคำโดยพร้อมเพรียงกัน
“ในหนึ่งเดือน จงล้างเก้าอารามด้วยเลือดซะ ไปได้” จวินอู๋เสียโบกมือไล่
ทั้งสามคนถอยออกไปทันที
จนกระทั่งพวกเขาออกจากห้องโถงใหญ่แล้ว เย่ฉาก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางงุนงง เย่เม่ยที่อยู่ข้างๆจ้องเขาอย่างเงียบๆ
“เจ้านี่มันโง่จริงๆ! จะพูดถึงกองทัพรุ่ยหลินต่อหน้าคุณหนูทำบ้าอะไร!” เย่เม่ยอยากจะตบเย่ฉาเข้าสักป้าบ เย่ฉามองกลับไปที่เย่เม่ยอย่างใสซื่อ
“ข้า……ข้าแค่คิดว่าคุณหนูคงเป็นห่วงคนของวังอ๋องหลิน มันไม่ปลอดภัยที่กองทัพรุ่ยหลินมาปรากฏตัวที่อาณาจักรกลาง ข้าเลยคิดที่จะแจ้งคุณหนู ดูว่านางจะจัดการอะไรหรือไม่” เย่ฉารู้สึกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจริงๆ แต่เขาคิดเพื่อนางจริงๆนะ กองทัพรุ่ยหลินมีสำคัญกับนางมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา……คุณหนูจะไม่เสียใจหรือ?
“เจ้านี่มัน……” เย่เม่ยจ้องเขาอย่างไม่พอใจ
“เจ้าสองคนพูดให้น้อยลงหน่อย ถ้าต้องจัดการอะไร คุณหนูจะตัดสินใจเอง” เย่กูที่ยืนอยู่ข้างๆถอนหายใจออกมา
ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ดูผิวเผินเหมือนจวินอู๋เสียไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก แต่มีเพียงพวกเขาที่รู้ว่า คุณหนู……เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ……หัวใจนางเย็นชาขึ้น
ในช่วงห้าปีนี้นางไม่เคยไปที่อื่นเลย อยู่แต่ที่อาณาจักรแห่งความมืด เย่ฉาเคยถามว่าพวกเขาควรส่งข่าวเรื่องที่นางยังมีชีวิตอยู่ไปยังอาณาจักรล่างหรือไม่ แต่นางก็ไม่ตอบ นางเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ นางมีแค่พวกเขาในสายตาเท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ พวกเขาเห็นแล้วไม่มีความสุขเลย
นี่ไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของนาง แต่การเปลี่ยนแปลงที่บิดเบี้ยวนี้ถูกยัดเยียดมาให้นางด้วยความเป็นจริงอันโหดร้าย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนั้น สร้างความเสียหายไว้ลึกเพียงใด มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้
จากวันที่จวินอู๋เหยาจากไป มีเพียงเย่เม่ยเท่านั้นที่ได้เห็นน้ำตาของจวินอู๋เสีย เขาเข้าใจในตอนนั้นเองว่านางได้รับความสะเทือนใจอย่างมาก ตลอดห้าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็นน้ำตาของนางแม้แต่หยดเดียว และไม่เคยเห็นรอยยิ้มของนาง สีหน้าของนางเย็นชาอยู่เสมอ ใบหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกราวกับทุกอย่างในโลกไม่สามารถส่งผลกระทบกับนางได้อีกต่อไป นางมีชีวิตอยู่
แค่เพื่อแก้แค้น!
แก้แค้นพวกอาณาจักรบน!
เย่ฉาเงียบ เขาอยู่เคียงข้างจวินอู๋เสียมานานที่สุด คำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ว่านางรู้สึกอย่างไร แต่……เขาทนไม่ได้ที่เห็นนางบังคับตัวเองให้อยู่ในสภาพนั้นและปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่งทุกอย่าง
กว่าคุณหนูจะรู้จักยิ้มได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เหตุการณ์ในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อนได้ขโมยรอยยิ้มของนางไปหมด
“เย่กู”
ทันใดนั้น เสียงของจวินอู๋เสียก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ทั้งสามคนหันมองหน้ากัน
เย่กูโบกมือส่งสัญญาณให้เย่ฉาและเย่เม่ยออกไปก่อน แล้วเขาก็หันกลับและเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่อีกครั้ง
“คุณหนูมีคำสั่งอะไรขอรับ?” เย่กูเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่และคุกเข่าลง จวินอู๋เสียที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กำลังลูบขนสัตว์อสูรสีดำ
“ส่งคนไปจับตาดูไว้ อย่า……ให้เกิดอะไรขึ้นกับกองทัพรุ่ยหลิน”