ร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำดูโดดเดี่ยวท่ามกลางเทียนสีขาว นางยืนนิ่งอยู่กลางแสงเทียนที่วูบไหวไปมา เงาจากแสงเทียนทาบลงบนผนัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา นางก็หันกลับไป ใบหน้าที่งดงามปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งสาม
ใบหน้านั้นงดงามไร้ที่ติ เทียบกับเมื่อห้าปีก่อน ส่วนที่เป็นเด็กลดน้อยลง มีความเป็นหญิงสาวมากขึ้น ใบหน้าขาวเนียนไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ นางยืนนิ่งรับแสงเทียนอันอบอุ่น ราวกับรูปปั้นที่งดงามสมบูรณ์แบบ
แม้จะเป็นภาพที่สวยงาม แต่ก็ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด
“คุณหนู” ทั้งสามคนคุกเข่าลงทันที
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นจวินอู๋เสียที่รอดชีวิตจากหายนะเมื่อห้าปีก่อน กาลเวลาได้ทิ้งรอยประทับอันเงียบงันไว้กับจวินอู๋เสีย ใบหน้าที่เย็นชาอยู่เสมอมีความเลือดเย็นเพิ่มเข้ามา สัตว์อสูรสีดำตัวสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างๆนาง ขนที่เรียบลื่นของมันดูน่ามองมากขึ้นเมื่ออยู่ใต้แสงเทียน ออร่าที่ปล่อยออกมาให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัว
จวินอู๋เสียกวาดสายตามองคนทั้งสาม นางยกมือขึ้นสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย ลมพัดมาอย่างเงียบงัน เทียนนับหมื่นเล่มดับลงทันที!
นางเดินผ่านคนทั้งสามออกไปกลางห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆ
ทั้งสามสบตากันและเดินตามไปทันที
จวินอู๋เสียนั่งไขว่ห้างบนบัลลังก์ มือข้างหนึ่งเท้าคาง ใบหน้าที่งดงามจับตาของนางไร้อารมณ์ใดๆ ราวกับช่วงเวลาที่เงียบเหงาก่อนหน้านี้เป็นแค่จินตนาการของพวกเขาเท่านั้น
สัตว์อสูรสีดำนอนหมอบอยู่แทบเท้านาง ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เสี่ยวเฮยไม่ได้ปรากฏตัวในร่างของแมวดำอีกแล้ว มันติดตามจวินอู๋เสียด้วยร่างที่ใหญ่โตสง่างาม มีเพียงมันที่รู้ความ กาลเวลาได้ทิ้งรอยประทับอันเงียบงันไว้กับจวินอู๋เสีย ใบหน้าที่เย็นชาอยู่เสมอมีความเลือดเย็นเพิ่มเข้ามา สัตว์อสูรสีดำตัวสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างๆนาง ขนที่เรียบลื่นของมันดูน่ามองมากขึ้นเมื่ออยู่ใต้แสงเทียน ออร่าที่ปล่อยออกมาให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัว
จวินอู๋เสียกวาดสายตามองคนทั้งสาม นางยกมือขึ้นสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย ลมพัดมาอย่างเงียบงัน เทียนนับหมื่นเล่มดับลงทันที!
นางเดินผ่านคนทั้งสามออกไปกลางห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆ
ทั้งสามสบตากันและเดินตามไปทันที
จวินอู๋เสียนั่งไขว่ห้างบนบัลลังก์ มือข้างหนึ่งเท้าคาง ใบหน้าที่งดงามจับตาของนางไร้อารมณ์ใดๆ ราวกับช่วงเวลาที่เงียบเหงาก่อนหน้านี้เป็นแค่จินตนาการของพวกเขาเท่านั้น
สัตว์อสูรสีดำนอนหมอบอยู่แทบเท้านาง ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เสี่ยวเฮยไม่ได้ปรากฏตัวในร่างของแมวดำอีกแล้ว มันติดตามจวินอู๋เสียด้วยร่างที่ใหญ่โตสง่างาม มีเพียงมันที่รู้ความคิดของนาง ไม่ว่าในใจนางจะคิดอะไร มันรู้ว่าตอนนี้จวินอู๋เสียไม่ต้องการแมวดำตัวน้อยน่ารัก แต่เป็นสัตว์อสูรสีดำที่ทรงพลังน่าเกรงขามต่างหาก
“เป็นยังไงบ้าง?” จวินอู๋เสียถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับแผ่นน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
“เรียนคุณหนู พวกเราได้เริ่มโจมตีวิหารที่อาณาจักรบนสร้างตามคำสั่งของคุณหนูแล้วขอรับ วันนี้วิหาร 30 แห่งถูกทำลาย เชื่อว่าคนของอาณาจักรบนที่อยู่ในเก้าอารามจะนั่งไม่ติดแล้วขอรับ” เย่ฉารายงานทันที
จวินอู๋เสียหรี่ตา นางพูดด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อยว่า “ดำเนินการต่อไป”
“ขอรับ!” เย่ฉาพยักหน้า แล้วจู่ๆก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “คุณหนู ตอนที่ข้าอยู่ที่วิหารแห่งหนึ่ง ข้าเจอคนที่น่าจะมาจากกองทัพรุ่ยหลินขอรับ”
พอเขาพูดจบ มือที่เท้าคางของนางก็แข็งทื่อไปทันที
เย่กูมองไปที่เย่ฉาอย่างไม่พอใจพร้อมกับขมวดคิ้ว
เย่ฉากัดฟันพูดต่อว่า “ไม่ใช่แค่วันนี้ ก่อนหน้านี้ข้าก็พบว่ามีคนของกองทัพรุ่ยหลินอยู่ในอาณาจักรกลาง แต่พวกเขาปกปิดการเคลื่อนไหวไว้ได้ดีมาก ไม่เคยถูกคนของเก้าอารามค้นพบเลย ข้าสงสัยว่าพวกเขาอาจจะคอยจับตามองเก้าอารามและดูเหมือนกำลังเตรียมการอะไรบางอย่างขอรับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็แอบสังเกตปฏิกิริยาของนาง
แต่……
หลังจากที่มือนางแข็งทื่อไปในตอนนั้น นางก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “รู้แล้ว”
เย่ฉานิ่งงัน จวินอู๋เสียไม่มีอย่างอื่นจะพูดต่อจริงๆหรือ?
แค่……รู้แล้วเนี่ยนะ?