ตอนที่ 1111

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็พบว่าหลิงฮันจ้องมาที่นางเขม็งโดยไม่วางตา

นางรู้สึกเขินและคิดจะเขยิบตัวหนี แต่จู่ๆข้อมือของนางก็ถูกจับเอาไว้แน่นและถูกดึงเข้าอ้อมกอดหลิงฮัน

“ภรรยาข้า ขอข้าอยู่แบบนี้สักพัก” หลิงฮันกล่าวในขณะที่กอดสุ่ยเยี่ยนยวี่

สุ่ยเยี่ยนยวี่ทั้งอายและมีความสุข “เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหนแล้ว? ทำไมถึงชอบอ้อนเช่นนี้!”

หลิงฮันหัวเราะ ถึงแม้พลังของเขาจะยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ แต่โดยรวมก็ฟื้นฟูกลับมาเยอะแล้ว

กอดสุ่ยเยี่ยนยวี่กระพริบตา ชายคนนี้ดูเหมือนจะติดนางจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว แถมนางก็ต้องยอมทำตามอีกฝ่ายขอด้วย…

จักรพรรดิจอมอสูรเดินกลับมาและยืนอยู่ในระยะไกลพอสมควร เขาไม่กล้าเข้ามาแทรกทั้งสอง

หลิงฮันนำโสมและสมุนไพรต่างๆออกมาช่วยฟื้นฟูพลัง พอผ่านไปสักพักเขาก็กล่าว “มุ่งหน้ากันต่อเถอะ”

“ไม่พักต่ออีกหน่อยรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นห่วงหลิงฮัน เพราะอย่างไรเขาก็โดนดูดเลือดไปจนแทบหมดตัว

“ไม่ต้องกังวล” หลิงฮันยิ้ม “แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าหากเจอจักรพรรดินีอีกครั้งพวกเราจะทำหน้าอย่างไรดี?”

สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและกล่าว “ถ้าเชื่อว่าถ้าเรื่องที่เจ้าจับหน้าอกจักรพรรดิรั่วไหลออกไป แม้แต่จักรพรรดิของอีกสองจักรวรรดิคงตามล่าเจ้าด้วยตัวเองแน่”

ปรมาจารย์ระดับดาราสองคนไล่ล่าจอมยุทธระดับภูผาวารี?

แม้จะฟังดูตลกแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ใครบ้างจะไม่รู้ว่าจักรพรรดิทั้งสองหลงไหลจักรพรรดินีแห่งดาราขนาดไหน

หลิงฮันนับนิ้วและยิ้ม “ตอนนี้ข้าล่วงเกินจอมยุทธระดับดาราไปกี่คนแล้ว?”

สุ่ยเยี่ยนยวี่กรอกตา จอมยุทธระดับภูผาวารีที่ทำให้ปรมาจารย์ระดับดารามากมายหมายหัวเช่นนี้ เกรงว่าในโลกนี้คงมีเพียงหลิงฮันคนเดียว เรื่องนี้ทำให้นางทั้งไร้คำพูดและรู้สึกชื่นชมไปพร้อมๆกัน

ไม่ต้องกล่าวถึงจอมยุทธระดับภูผาวารีเลย ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ทำไม่ได้เช่นหลิงฮัน

ทั้งสองคนมุ่งหน้าต่อไป เมื่อผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นระยะ

พวกเขายังใช้แผนเดิมโดยการให้จักรพรรดิจอมอสูรจัดการศัตรูที่พวกเขาจัดการเองไม่ได้ ปลายักษ์ที่นี่แม้จะมีแข็งแกร่งแต่เนื่องจากพวกมันไม่มีพลังบ่มเพาะทำให้ไร้สติปัญญา ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่ต้องกังวลว่าความลับของหอคอยทมิฬจะถูกพวกมันล่วงรู้

สิบวันต่อมาด้านหน้าพวกเขาก็มีหอคอยปรากฏให้เห็น

มันคือหอคอยเก้าชั้นที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ใต้ทะเล

ที่หอคอยชั้นล่างสุดมีผู้คนกำลังเดินเข้าหอคอยอยู่ มีบ้างบางคนที่เลือกเข้าจากชั้นที่สองหรือสาม แต่เมื่อพวกเขาขยับเข้าไปใกล้ชั้นสองหรือสาม สายฟ้าก็จะผ่าลงมาจนถูกสังหารทันทีหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

เห็นได้ชัดว่าหอคอยแห่งนี้ห้ามเข้าจากชั้นบนต้องเข้าจากชั้นล่างสุดเท่านั้น

“ไปดูกันเถอะ” หลิงฮันกล่าว

ทั้งสองคนเดินเข้าไปใกล้และเข้าไปยังทางเข้าหอคอยชั้นล่างสุด ทางเข้านั้นมีขนาดสูงถึงร้อยฟุตและกว้างห้าสิบฟุต ซึ่งเพียงพอที่จะบรรจุคนร้อยคนได้พร้อมกัน

เมื่อหลิงฮันเดินเข้าไป จักรพรรดิจอมอสูรก็คืนสภาพเป็นลูกบอลขนาดเล็กและถูกหลิงฮันเก็บกลับไป

“น้องชายหลิง!” เสียงเรียกดังขึ้น

หลิงฮันหันไปยังต้นเสียงและพบกับเส้าซือซือ ตูอันและคนอื่นๆ แน่นอนว่าเซี่ยอู๋เฉียที่แสนน่ารำคาญก็อยู่ที่นี่ด้วย

นอกจากทั้งสี่คนแล้วก็ยังมีจอมยุทธอีกสามคนข้างกายพวกเขา ออร่าของอีกสามคนไม่ได้อ่อนแอเลย

“ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จัก” ตูอันยิ้มและชี้ไปยังหลิงฮัน “นี่คือหลิงฮันหรือน้องชายหลิง เขาเป็นคนเดียวที่ผ่านทุกด่านของรูปแบบอาคมรูปปั้นหิน!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รุ่นเยาว์อีกสามคนที่เหลือก็ตะลึงและมองไปยังหลิงฮัน

ทั้งสามคนนั้นเดินทางติดตามผู้อาวุโสของตนเอง แม้พวกเขาจะพบกับรูปแบบอาคมรูปปั้นหิน แต่รูปแบบอาคมที่พวกเขาพบนั้นไม่ใช่แค่จะไม่ใช่รูปแบบอาคมรูปปั้นหินระดับสุริยันจันทรา แต่มันเป็นรูปแบบอาคมระดับดารา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้ลองทดสอบรูปแบบอาคมด้วยตัวเอง

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาไม่รับรู้ถึงความน่ากลัวของรูปแบบอาคมรูปปั้นหิน

ทำตามพวกเขารู้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถผ่านรูปแบบอาคมได้ทุกด่าน แม้แต่ปรมาจารย์ระดับดาราหลายคนก็ยังพ่ายแพ้ในด่านที่หกหรือเจ็ด

จากที่ปรมาจารย์เหล่านั้นบอกมาถ้าต้องการจะผ่านด่านรูปแบบอาคมทุกด่าน ไม่เพียงแค่ต้องมีพลังบ่มเพาะระดับสูงสุด แต่ต้องมีพลังต่อสู้เก้าดาวด้วย

เรื่องเช่นนั้นเป็นไปได้ด้วยรึ?

แต่ตอนนี้ความจริงที่ว่าก็อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว มีคนผ่านด่านทั้งหมดได้สำเร็จจริงๆ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้พวกเขาตะลึงได้อย่างไร ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้ออกจากปากตูอัน พวกเขาไม่มีทางเชื่อแน่ๆ

“หลิงฮัน สามคนนี้คือเฉียนหลี่เสวี่ยน หลิวจิงเหริน กวงหลง อีกไม่นานพวกเราคงจะได้พบกันที่ครั้งที่Anchorนิกายสวรรค์เยือกแข็งและกลายเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง” ตูอันยิ้ม

หลิงฮันพยักหน้า “ยินดีที่ได้รู้จักสหายทั้งสาม”

ทั้งสามคมไม่กล้าทำตัวหยิ่งยโส การที่หลิงฮันมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ผู้หนุนหลังของหลิงฮันคงไม่ด้อยไม่กว่าพวกเขาแน่นอน

เซี่ยอู๋เฉียนเค้นเสียงเย็นชา เขารู้สึกว่าหลิงฮันยิ่งน่ารังเกียจมากขึ้นไปอีก

พวกเฉียนหลี่เสวี่ยนไม่ได้โง่ พวกเขาทั้งสามเข้าใจทันทีว่าหลิงฮันกับเซี่ยอู๋เฉียนมีความบาดหมางกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเซี่ยอู๋เฉียนอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับหลิงฮัน

“พวกเจ้ามาก่อนคงรู้สถานการณ์ในหอคอยดีสินะ?” หลิงฮันเอ่ยถาม

“ฮ่าๆ น้องชายหลิงมาได้จังหวะพอดี พวกเราเพิ่งจะรวมกลุ่มกันเมื่อครู่นี้เอง” ซู่จิงหัวเราะ

เส้าซือซืออธิบาย “หอคอยแห่งนี้ชั้นแรกต้องมีคนจำนวนสิบคนที่ระดับพลังเท่ากันร่วมมือกันถึงจะผ่านได้ หากมีใครคนใดคนหนึ่งพลาดแม้แต่คนเดียวก็จะถือว่าล้มเหลวทั้งกลุ่ม นอกจากนั้นก็ยังมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

หลิงฮันเข้าใจทันที ถึงว่าทำไมอัจฉริยะเช่นพวกเขาถึงได้รออยู่ที่นี่

พลาดหนึ่งคนจะทำให้อีกเก้าคนล้มเหลว ยิ่งกว่านั้นหากล้มเหลวก็ไม่สามารถเข้าร่วมทดสอบได้อีกครั้ง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ทุกคนจะระมัดระวังในการเลือกสหายร่วมกลุ่ม

“แล้วหากผ่านไปได้จะมีรางวัลอะไรงั้นรึ?” หลิงฮันถาม

“ไม่รู้” เส้าซือซือส่ายหัว “ถ้าล้มเพลวก็จะถูกส่งกลับออกมาที่นี่และไม่สามารกลับเข้าไปได้อีกครั้ง ส่วนคนที่ไม่ถูกส่งกลับมาบางทีพวกเขาอาจจะขึ้นไปยังชั้นสอง ชั้นสาม หรืออาจจะชั้นเก้าแล้ว…”

หลิงฮันยิ้ม “แล้วพวกเราจะรออะไรอยู่ ลุยกันเลย!”