ตอนที่ 862 ข้อตกลงกวนหยุนถาย

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 862 ข้อตกลงกวนหยุนถาย

ยามเว่ยใกล้มาเยือน

ฟู่เสี่ยวกวนและฝานเทียนหนิงเดินทางกลับมายังเมืองกวนหยุน ทั้งสองคนร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน จากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็ได้พาฝานเทียนหนิงมาที่กวนหยุนถาย

“หากบอกว่าแม้ข้าจะเดินทางกลับมายังราชวงศ์อู๋เนิ่นนานแล้ว แต่นี่เป็นคราแรกที่ข้ามาเยือนกวนหยุนถาย คาดว่าเจ้าคงมิเชื่อ”

“เชื่อสิ ข้าเชื่อ ! ”

หลิวจิ่นคุกเข่าต้มชาอยู่ด้านข้างพลันนึกในใจว่าน้อยครั้งนักที่จะเห็นฝ่าบาททรงมีเวลาว่างเยี่ยงวันนี้

“เฮ้อ… พี่ฝาน แท้ที่จริงข้าเกียจคร้านมากยิ่งนัก บัดนี้ข้ามิมีผู้ใดคอยให้ระบายความทุกข์ใจนอกจากท่าน ข้าอยากเป็นเพียงเศรษฐีที่ดินเท่านั้น ! ”

ฝานเทียนหนิงหัวเราะร่าออกมา ฟู่เสี่ยวกวนจึงเอ่ยว่า “ดูสิ ! แม้แต่ท่านก็ยังมิเชื่อ ในคราที่ข้ายังอยู่ที่เมืองหลินเจียง…” ฟู่เสี่ยวกวนแสดงท่าทางเหมือนอันธพาล เขาหดขาทั้งสองข้างกลับมา จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างโอบเข่าเอาไว้แล้วโยกตัวไปมาเหมือนชายอ้วน

“ในตอนนั้น พี่ใหญ่แห่งหลินเจียงคือฉายาของข้า ! ชีวิตเยี่ยงนั้นสุขสบายมากยิ่งนัก แต่ละวันได้นอนหลับเต็มอิ่มจะตื่นเมื่อใดก็ได้ จากนั้นก็พาบ่าวรับใช้ไปทานอาหารเช้า เฝ้ามองคู่สามีภรรยาบนถนนสายตะวันออกสั่งสอนลูกหลาน ดูพวกอันธพาลข้างถนนสายตะวันตกเอ่ยเย้าหยอกสตรี ดูชายหนุ่มเล่นกลที่ถนนสายใต้และแอบมองแม่นางเอวบางร่างน้อยขายเต้าหู้บนถนนสายเหนือ…”

ฟู่เสี่ยวกวนเม้มริมฝีปาก “ยามมิมีอันใดทำก็คัดหนังสือ หรือไม่ก็ไปดื่มที่หอหลินเจียง ถ้ารู้สึกเบื่อก็ไปที่ภูเขาซีซาน…ที่แห่งนั้นดีมากเลยทีเดียว เมื่อปีที่แล้วภรรยาของข้ากลับมาจากซีซาน พวกนางได้นำสุราชั้นดีที่ข้าเก็บไว้นานถึง 3 ปีมาด้วย”

ฟู่เสี่ยวกวนหันหน้าไปทางหลิวจิ่น “เจ้าอย่าลืมว่าอีกประเดี๋ยวให้ไปที่ตำหนักพระสนมหลานแล้วนำสุราที่ข้าเก็บไว้มามอบให้พี่ฝาน”

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” หลิวจิ่นรีบตอบรับ

“เยี่ยงนั้น ข้าคงมิอาจขัดพระบัญชา”

“ท่านอย่าได้เกรงอกเกรงใจไปเลย…จริงสิ ! ข้าได้ยินมาว่าทางทิศใต้ของแคว้นฝานเป็นแหล่งปลูกฝ้าย สิ่งนั้นสามารถเพิ่มเข้ามาในข้อตกลงการค้าของเราได้หรือไม่ ? เพราะราชวงศ์อู๋อากาศหนาวเย็นมากยิ่งนัก ต้องการฝ้ายจำนวนมากเพื่อทำเสื้อกันหนาว ท่านเห็นว่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

แน่นอนว่านี่คือเรื่องดีเพราะรัฐหยุนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นฝานและของขึ้นชื่อแห่งรัฐหยุนก็คือดอกฝ้ายที่เบ่งบานนับหนึ่งหมื่นหมู่ดุจปุยเมฆ

“ย่อมได้ ! ทว่าท่านต้องขายปืนใหญ่หงอีและปืนคาบศิลาให้ข้าด้วย”

“แคว้นฝานของท่านจะนำปืนเหล่านี้ไปทำอันใดกัน ? ”

“หากราชวงศ์หยูหันมาระบายอารมณ์กับแคว้นฝานจะทำเยี่ยงไรเล่า ? เจ้าหยูเวิ่นเต้าได้ทำการฝึกกองทัพสวรรค์ฆาตอีก 100,000 นาย บัดนี้รวมเป็น 200,000 นาย ! ทั้งยังมีปืนคาบศิลาทุกนายด้วย”

“หากเขาโดนท่านรังแกแล้วหันกระบอกปืนมาระบายที่แคว้นฝาน ข้าจะทำเยี่ยงไร ? ”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเสียงดังพลางส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบว่า “ย่อมได้ ! เยี่ยงนั้นก็ขอให้ความร่วมมือของเราราบรื่นด้วยเถิด…แท้ที่จริงท่านยังมีอีกวิธีหนึ่ง”

“วิธีใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“พวกเราอาจจะลงนามสัญญาพันธมิตรด้านทหารร่วมกัน หากพี่เขยกล้ารังแกท่าน ข้าจะช่วยท่านจัดการเอง”

“มีข้อตกลงว่าเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“อนุญาตให้ทหารของราชวงศ์อู๋เข้าไปตั้งฐานทัพในเมืองใดเมืองหนึ่งของแคว้นฝาน”

ฝานเทียนหนิงจ้องหน้าฟู่เสี่ยวกวนเขม็ง “ท่านอย่าฝันไปเลย เสด็จพ่อมิยินยอมเป็นแน่”

“เอาล่ะ ! ก็ตามแต่ท่านจะเห็นควร ส่วนปืนใหญ่หงอีและปืนคาบศิลา ข้ายังขายให้ท่านดังเดิม ต้องการเท่าใดก็ให้เท่านั้น ! ต่อจากนี้ข้าตั้งใจจะก่อตั้งเมืองการค้าเสรีขึ้นที่รัฐเหอซีเพื่อทำการค้ากับแคว้นฝาน นี่คือเรื่องที่พวกเราต่างได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย คงมิมีปัญหาอันใดใช่หรือไม่ ? ”

“เรื่องนี้ข้าสนับสนุนยิ่ง ! นับจากนี้ก็มิต้องขนส่งสินค้าทางไกลอีกต่อไปแล้ว”

“หรือท่านจะสร้างสะพานที่แม่น้ำหลานเสียหน่อย จะได้สะดวกต่อผู้ค้าขายที่เดินทางไปมา ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเหลือบมองฝานเทียนหนิง เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายต้องปฏิเสธเป็นแน่ เนื่องจากมันเป็นการก่อสร้างที่สิ้นเปลืองทรัพยากร แต่คาดมิถึงว่าฝานเทียนหนิงจะครุ่นคิดชั่วครู่แล้วพยักหน้าตอบรับ

“สะพานนี้ข้าจะสร้างขึ้นที่รัฐหยุนเพื่อเชื่อมต่อกับเมืองเป่ยจวิ้นรัฐเหอซีของราชวงศ์อู๋ ท่านควรก่อตั้งเมืองการค้าเสรีที่เป่ยจวิ้นแห่งนี้ด้วย”

“ตกลง หลิวจิ่นจงบันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ให้ข้าด้วย”

ชายหนุ่มทั้งสองนั่งดื่มชาท่ามกลางบรรยากาศรื่นรมย์พร้อมกับหารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับเมืองการค้าเสรี อีกทั้งยังได้ข้อตกลงทางการค้ามากมาย

หนึ่งในนั้นรวมถึงเรื่องที่ราชวงศ์อู๋จะขนส่งเกลือขาวและอาวุธปืนต่าง ๆ ให้แก่แคว้นฝาน ส่วนแคว้นฝานจะขนส่งแร่หิน ไม้และฝ้ายให้กับทางราชวงศ์อู๋ เป็นต้น

นี่คือการค้าระหว่างสองราชวงศ์ ส่วนเรื่องเมืองการค้าเสรีเป็นการซื้อขายในระดับผู้ค้าขายรายย่อย นอกจากอาวุธปืนซึ่งเป็นสินค้าพิเศษแล้ว ผู้ค้าขายจากทั้งสองแคว้นสามารถทำการค้าได้อย่างอิสระ

ข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีแห่งเดียวในผืนปฐพีจึงถือกำเนิดขึ้นที่กวนหยุนถายในระหว่างที่ทั้งสองร่วมดื่มชาและสนทนากัน

มิมีผู้ใดทราบว่าข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีจะมีผลกระทบอย่างมากในอนาคต มันจะถูกขนานนามว่าเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์การค้าโลกที่เรียกว่า ข้อตกลงกวนหยุนถาย !

วันต่อมา ฝานเทียนหนิงก็นำข้อตกลงฉบับนี้เดินทางกลับแคว้นฝาน ด้านฟู่เสี่ยวกวนก็ได้อธิบายเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีนี้ในการประชุมราชสำนักอย่างเป็นทางการ และได้สั่งให้กรมการค้าดำเนินการตามที่ระบุในข้อตกลง

การก่อตั้งเมืองการค้าเสรีได้เสร็จสิ้นอีกหนึ่งแห่ง เมืองเป่ยจวิ้นเล็ก ๆ ที่เงียบสงัดอ้างว้างในตอนนี้ รอเพียงหนึ่งปีมันจะกลายเป็นเมืองที่พ่อค้าแคว้นอู๋และพ่อค้าแคว้นฝานไปมาหาสู่กัน ถือเป็นการขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองของห้ารัฐซียู่ไปด้วย

ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของอนาคต

บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนกำลังอยู่ในห้องทรงพระอักษร จ้องมองไปยังรายงานที่ฝ่ายตรวจการถวายมาสองฉบับ

‘ตระกูลเฉิน ตระกูลโจวและตระกูลหลู่ได้เดินทางออกจากราชวงศ์อู๋แล้ว แผนการของฝ่าบาทก็ได้เริ่มดำเนินแล้วเช่นกัน ทุกสิ่งเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้’

‘ในวันที่ห้า เดือนสิบ รัชศกเทียนเต๋อปีที่หนึ่ง หานหยู่ชิงหัวหน้าตระกูลหานแห่งชิงหัวโจวเชิญซือหม่าฮุ่ยมาร่วมงานเลี้ยงเพื่อหยั่งเชิงการขายโรงทอผ้าของตระกูลหานทั้งหมด ซือหม่าฮุ่ยเห็นว่าราคาเหมาะสมจึงทูลขอฝ่าบาทโปรดตัดสินพระทัย

อีกเรื่องหนึ่ง หานหยู่ชิงประสงค์ให้หลานสาวนามหานเยียนเอ๋อร์สมรสกับซือหม่าเทา ขอฝ่าบาทโปรดตัดสินพระทัย’

ฟู่เสี่ยวกวนวางรายงานฉบับนี้ลง พลางครุ่นคิดชั่วครู่ จากนั้นก็เขียนเพียงแค่ว่า ‘ตกลง ! ’

จากนั้นเขาก็หยิบรายงานอีกฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่าน รายงานฉบับนี้ถูกส่งมาจากเขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวน

‘ทูลฝ่าบาท

ในวันที่สาม เดือนเก้า รัชศกเทียนเต๋อปีที่หนึ่ง โรงงานน้ำหอม ณ รัฐจื่อฉีได้สร้างเสร็จแล้ว ผู้จัดการใหญ่จางเสี่ยวเหมยใช้ดอกลาเวนเดอร์ในการสกัดน้ำหอมออกมาได้แล้ว ทว่าด้านโรงงานผลิตแก้วยังผลิตสินค้าตัวอย่างมิเสร็จ หลงจู๊ยวี๋จงถานเอ่ยว่าพบสาเหตุแล้ว คาดว่าความสำเร็จจะอยู่มิไกลเกินเอื้อม’

ฟู่เสี่ยวกวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อคราที่เขาเดินทางไปดูงานที่รัฐจื่อฉี พบว่าที่นั่นมีทรายและหินจำนวนมากจึงส่งคนไปยังเมืองหลินเจียงเพื่อเชิญหลงจู๊ยวี๋จงถานมารับหน้าที่สำคัญ หลงจู๊ผู้นี้คือผู้ที่เคยผลิตขวดสุราซีซานเทียนฉุนให้เขาในตอนนั้นนั่นเอง

เขาได้บอกกรรมวิธีการผลิตให้แก่ยวี๋จงถานแล้ว คาดมิถึงว่ายังมิอาจผลิตออกมาได้

ลำบากจางเสี่ยวเหมยมิน้อยเลยทีเดียว เพราะหวางเฉียงสามีของนางกำลังดูแลเมล็ดพันธุ์ข้าวหลวงอยู่ในโม่โจว ทั้งสองคนอยู่ห่างไกลกันมากนัก หากเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้นมาคงรู้สึกผิดต่อพวกเขามิน้อยเลยทีเดียว

‘ส่วนนาเกลือมู่หยางในวันนี้สามารถผลิตเกลือได้ 100,000 ชั่งต่อวัน แต่ก็ยังมิเพียงพอต่อความต้องการดังเดิม ราคาวัว แกะในเมืองการค้าซินโจวและเมืองการค้าหลานฉีได้เพิ่มสูงขึ้นมามาก แกะขายได้ตัวละ 2,300 อีแปะ ส่วนวัวขายได้ 20,000 อีแปะ ในวันนี้แกะหนึ่งตัวสามารถแลกเกลือขาวได้ 5 ชั่ง ท่านผู้ว่าการเขตได้เขียนรายงานถึงฝ่าบาทแล้ว คาดว่าอีกมิกี่วันคงไปถึง…’

ฟู่เสี่ยวกวนวางรายงานฉบับนี้ลง เขตปกครองตนเองชื่อเล่อชวนได้พัฒนาไปอย่างราบรื่น ทำให้เขาวางใจลงได้มิน้อย อืม…เยี่ยม !

“หลิวจิ่น”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“เจิ้นมีเรื่องมอบหมายให้เจ้าทำ…จงไปคัดลอกสำเนาแผนภูมิการเดินเรือนี้ จากนั้นก็เตรียมลูกเรือมากลุ่มหนึ่งแล้วเจ้าจงไปสำรวจเส้นทางเดินเรือตามแผนภูมินี้ให้กับเจิ้น”