บทที่ 58 เรื่องราวของหุ่นเชิด (1)
ตัวข้ามีนามว่าซือปาเส้อ คุณหนูถังน่าเป็นผู้ตั้งชื่อนี้ให้แก่ข้า ถึงแม้ว่านายท่านจะไม่ค่อยชอบชื่อนี้ก็ตาม
เขารู้สึกว่าหุ่นเชิดไม่จำเป็นต้องมีชื่อ
นายท่านกล่าวว่าเมื่อหุ่นได้รับชื่อ มันจะมีชีวิตจิตใจ และหุ่นไม่ควรมีชีวิตจิตใจ
โอ้ใช่ นายท่านของข้ามีนามว่า เคอรี่ซื่อถ่าเป้ยเอ่อร์·หลานซื่อฝู่เท่อ·อี้เซินปู้หลูเค่อ·ฮันมี่เอ้อร์ตุน·หลัวเจีย ข้าเรียกเขาว่านายท่านหลัวเจีย และคุณหนูถังน่าคือลูกสาวของเขา
นายท่านหลัวเจียเป็นนักธุรกิจที่เชี่ยวชาญทางด้านการผลิตและการขายหุ่นเชิด ในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นนักประดิษฐ์หุ่นเชิดที่มีความสามารถยิ่งผู้หนึ่ง
ใช่ นักประดิษฐ์หุ่นเชิด ไม่ใช่ ปรมาจารย์อาร์คาน่า
ผู้คนเคยยกย่องเรียกขานนายท่านว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดอาร์คาน่า ทว่าเขาได้ปฏิเสธตำแหน่งนั้นไปอย่างโกรธเคือง เขากล่าวว่าปรมาจารย์อาร์คาน่าคือผู้ที่แสวงหาความจริงและความลึกลับของโลก พวกเขาเชิดชูความรู้และดูถูกเงินตรา แต่นักธุรกิจกับพ่อค้านั้นแสวงหาความมั่งคั่ง เราใช้ความรู้ได้มาเพียงเพื่อหารายได้เท่านั้น
การเรียกเขาว่าปรมาจารย์อาร์คาน่านั้นเทียบเท่ากับเป็นการบอกให้เขาเลิกใช้เงิน ซึ่งนับเป็นความอัปยศต่อฐานะนักธุรกิจของเขายิ่ง เพราะเขา เคอรี่ซื่อถ่าเป้ยเอ่อร์·หลานซื่อฝู่เท่อ·อี้เซินปู้หลูเค่อ·ฮันมี่เอ้อร์ตุน·หลัวเจีย ได้ตั้งเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของราชอาณาจักรอาร์คาน่า
ดังนั้นนายท่านหลัวเจียจึงเป็นนักธุรกิจก่อนแล้วจึงค่อยเป็นปรมาจารย์อาร์คาน่า และฐานะอย่างหลังนั้นเป็นเพียงเครื่องมือที่เขาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้
อุดมคติอันยิ่งใหญ่ของนายท่านทำให้เขาต้องเผชิญปัญหามากมายไม่หยุดหย่อน และเป็นเหตุผลให้ปรมาจารย์อาร์คาน่าหลายคนไม่ชอบเขา อย่างไรก็ดี พรสวรรค์ในการสร้างหุ่นเชิดที่น่าทึ่งเกินไปของนายท่านหลัวเจียก็ทำให้คนพวกนั้นจำต้องมาซื้องานของเขา
ข้าถูกสร้างมาเพื่อขาย แต่กลับพลิกผันได้รับน้ำใจจากคุณหนูถังน่ามาโดยบังเอิญ
ในช่วงเวลานั้นนายท่านหลัวเจียเป็นนักธุรกิจหุ่นเชิดที่มีความสามารถมากที่สุดในเมืองอนันต์ การนี้จึงทำให้เขาร่ำรวยมาก อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีลูกค้าขอให้เขาสร้างหุ่นเชิดกันภัยจำนวนหนึ่ง ข้อกำหนดสำหรับหุ่นเหล่านี้สูงมาก นายท่านต้องใช้ทั้งเวลาและพลังงานทั้งหมดไปกับการสร้างพวกมัน ขณะที่เขากำลังสร้างหุ่นตัวสุดท้ายอยู่ โรงงานของเขาก็ได้เกิดหายนะขึ้นอย่างกะทันหัน ปีศาจกลืนวิญญาณปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และทำลายห้องทำงานของเขาลง
แม้ว่าปีศาจกลืนวิญญาณจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่ห้องทำงานของนายท่านก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หุ่นเชิดทั้ง 12 จาก 50 ตัวเสียหายทำให้เขาปวดใจมาก ตอนนั้นตัวข้าเองก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ปีศาจกลืนวิญญาณได้พยายามพุ่งเข้ามาในร่างกายของหลบภัย เพื่อที่จะทำลายมันข้าจึงถูกทุบเป็นชิ้น ๆ
ตามจริงตัวข้าควรจะถูกทิ้งลงถังขยะไปนานแล้ว แต่คุณหนูถังน่าได้มอบชีวิตใหม่ให้กับข้า คุณหนูกำลังเรียนรู้วิธีสร้างหุ่น นางคิดว่าตัวข้าเป็นโอกาสดีที่จะให้นางได้ฝึกมือ ข้าจึงถูกพาออกจากกองขยะและถูกประกอบขึ้นใหม่ นายท่านหลัวเจียหัวเราะเยาะ เขาเชื่อว่าความพยายามของคุณหนูนั้นไร้ประโยชน์ ใช่ เขาเป็นคนที่ดื้อรั้นอยู่เสมอ แม้กระทั่งกับลูกสาวของตัวเอง ทว่าคุณหนูถังน่าก็สร้างข้าขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ นายท่านขโมยตัวข้าไปจากคุณหนูด้วยความยินดี เพราะเขาคิดว่าจะสามารถใช้ข้าเพื่อทวงค่าชดเชยจากความสูญเสียกลับมาได้บ้างเล็กน้อย
ข้าสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในใจของคุณหนูถังน่า ยามที่นายท่านพาตัวข้าออกมา
ใช่ ข้ารู้ตัวมาตั้งแต่ตอนนั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขามาบอกข้าทีหลัง มันคือสิ่งที่ตัวข้ารับรู้เอง แม้ว่าตอนนั้นข้าจะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ข้าก็จำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของชิ้นส่วนก็ตาม
มันคือความทรงจำ ไม่ใช่บันทึก
นับตั้งแต่ที่ปีศาจกลืนวิญญาณเข้ามาในตัวข้า ข้ารู้สึกเหมือนว่ามีสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในชีวิต
แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าสิ่งใหม่นั้นคืออะไร จนกระทั่งในเวลาต่อมา
ไม่นานหลังจากที่ข้าถูกนายท่านหลัวเจียพาตัวไป ข้าก็ถูกขายให้กับลูกค้าที่สั่งหุ่นเชิดกันภัยผู้นั้น หลังจากถูกเปลี่ยนมือไปหลายครั้ง ข้าก็ตกไปอยู่ในมือของปรมาจารย์อาร์คาน่า ที่รู้จักกันในชื่ออี่หนี่เก้อและกลายเป็นผู้คุ้มกันของเขา
อี่หนี่เก้อเป็นนักสำรวจที่ชอบการค้นหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ เขาพาข้าเดินทางไปทั่วทวีปพร้อมกัน ขณะที่ข้าคอยปกป้องเขา
ด้วยเหตุนี้ ในชีวิตนี้ของข้าจึงได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ มากมาย ทั้งข้ามผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ลอยคออยู่กลางมหาสมุทรที่มีพายุ แม้กระทั่งพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่มีสภาพอากาศเย็นเฉียบ จนผิวโลหะของข้าถูกแช่แข็งกลายเป็นเหล็กเปราะ ๆ ข้าได้รับความเสียหายอย่างหนักถึง 2 ครั้งแต่ก็ซ่อมแซมกลับมาได้
วันหนึ่ง นายท่านของข้าส่งข้าไปยังสถานที่ที่มีพายุทำลายล้างเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่น เมื่อข้าไปถึงก็พบปีศาจหิมะกำลังต่อสู้อยู่กับวิญญาณร้ายอาละวาดเพื่อปกป้องลูกของมัน
ปีศาจหิมะไม่สามารถเอาชนะวิญญาณอาละวาดได้ ทว่าการโต้กลับอย่างดุเดือดของมันได้ทำร้ายและบังคับให้วิญญาณต้องถอยกลับไป
นายท่านของข้าที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนนี้ สั่งให้ข้าสังหารปีศาจหิมะและเอาตัวลูกของมันมาให้เขาซะ เขากล่าวว่าเจ้าตัวน้อยนั้นจะสร้างเงินให้มหาศาล แต่เมื่อข้าเห็นดวงตาที่วิงวอนของปีศาจหิมะ ข้าสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้อ้อนวอนให้เมตตาตัวเอง แต่เป็นลูกของมัน
ข้าปฏิเสธคำสั่ง
ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดข้าถึงได้ทำเช่นนั้น ในฐานะหุ่นเชิด การปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัดถือเป็นสิ่งที่สมควรทำ แต่ในตอนนั้นข้ากลับเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำสั่งนี้
ข้าไม่ได้ฆ่ามัน ข้าหันหลังกลับและจากไป
นายท่านของข้าโกรธมาก
ข้าจึงถูกส่งกลับไปหานายท่านหลัวเจียเพราะ ‘ตัวควบคุมหลัก’ ได้รับความเสียหาย ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายได้
ใช่ ข้าถูกส่งคืนให้ท่านหลัวเจียเนื่องจากเป็นสินค้ามีข้อบกพร่อง
ท่านหลัวเจียเปิดหัวของข้า ซ่อมมันและจัดเรียงส่วนประกอบบางอย่างใหม่ ก่อนที่จะขายข้าออกไปอีกครั้ง
คราวนี้ข้าตกไปอยู่ในมือของเจ้านายทาสนามว่าอ่ายเซิน นายท่านอ่ายเซินนั้นมีทาสมากกว่า 3 หมื่นคน มีอยู่มากมายหลายเผ่าพันธุ์ทั้งมนุษย์ คนเถื่อน ชาวสมุทร มนุษย์นก ช่างฝีมือ ช่างโลหะ หินผา จันทรา ฯลฯ งานของเขาคือการจัดระเบียบทาสเหล่านี้ ฝึกให้พวกเขาทำงาน แล้วขายพวกเขาให้กับปรมาจารย์อาร์คาน่าทั้งหลาย
3 เดือนต่อมา ข้าก็ถูกส่งกลับมาเพราะตัวควบคุมหลักมีข้อบกพร่องอีกครั้ง ข้าได้ปล่อยตัวทาส 1,200 คนออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้ชายคนหนึ่งที่ชื่อกู่ซวงส่านให้หลบหนีไปได้ ข้าได้ยินมาว่าในเวลาต่อมาเขาได้บัญชาการเขาแห่งความตาย และกลายเป็นผู้นำกองกำลังต่อต้านของมนุษย์
จากนั้นข้าก็ถูกขายออกไปรอบที่ 4 และถูกส่งคืนมาเป็นรอบที่ 4 ทุกครั้งเป็นเพราะตัวควบคุมหลักของข้ามีข้อบกพร่อง และทำให้ข้ามีพฤติกรรมที่ขัดต่อผลประโยชน์ของเจ้านาย
หลังจากกลับมาเป็นครั้งที่ 4 นายท่านหลัวเจียก็หมดหวังกับข้าแล้ว
เขาด่าทอสาปแช่งข้าด้วยความโกรธ และเชื่อว่าข้าซ่อมไม่ได้อีกแล้วจึงตัดสินใจที่จะถอดแยกชิ้นส่วนข้า
คุณหนูถังน่าปรากฏตัวอีกครั้งและพาตัวข้าไป ข้ายังจำคำที่นางพูดเอาไว้ได้ ‘ข้าไม่สนใจว่ามันจะขัดคำสั่งเจ้าของมันหรือไม่ ข้าชอบมัน มันเป็นผลงานชิ้นแรกของข้าและข้าชอบสิ่งที่มันทำ เพราะข้าคิดว่ามันถูกต้องแล้ว’
แล้วข้าก็กลับมาอยู่เคียงข้างคุณหนู
วันเหล่านั้นเป็นวันที่ข้ามีความสุขที่สุดในชีวิต
ข้าคิดว่าอารมณ์ที่รู้สึกในตอนนั้นคือ ‘ความสุข’
ข้าอยู่ข้างกายคุณหนูถังน่าเป็นเวลา 4 ปี
ช่างเป็น 4 ปีที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ข้าไม่เคยขัดคำสั่งของนางเลยสักครั้ง
คุณหนูถังน่าเป็นชาวอาร์คาน่าผู้ใจดีมีเมตตาและอ่อนโยน นางเต็มใจที่จะดูแลผู้อื่นอยู่เสมอ เมื่อนางเห็นเรื่องน่าเศร้านางก็จะร้องไห้
ข้าเองก็รู้สึกเศร้าเช่นกันเมื่อต้องคุณหนูร้องไห้
หากความรู้สึกนั้นสามารถเรียกได้ว่าโศกเศร้า
ข้าอยากให้คุณหนูถังน่ามีความสุข แต่นางกลับดูไม่ค่อยมีความสุข
นางมักจะซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดและร้องไห้ บางครั้งนางก็จะกอดข้าแล้วระบายความในใจ
คุณหนูเศร้าเพราะนางถูกเมินอยู่บ่อย ๆ นางเศร้าเพราะนางไม่สวยพอที่จะได้รับความสนใจ
ใช่ นางไม่สวยพอ ทุกวันนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าคำว่า ‘สวย’ หมายถึงอะไร
ข้าไม่เข้าใจคำ ๆ นี้ ข้าเป็นสิ่งของที่ไม่มีชีวิต นี่คือสิ่งที่ข้ามาเข้าใจเอาภายหลัง ความไม่สมบูรณ์นี้ทำให้ข้าเข้าใจการกระทำของเผ่าพันธุ์อัจฉริยะได้ยาก
คุณหนูถังน่าบอกข้าว่า ‘สวย’ เป็นคำที่สวยงาม คนสวยจะได้รับความเอาใจใส่และการชื่นชอบจากคนรอบข้าง
ข้าคิดว่าคุณหนูสวยที่สุด เพราะข้าชอบนางที่สุด
อย่างไรก็ตาม คุณหนูถังน่าไม่เคยสนใจความชอบของข้าเลย
นางชอบเม่ยเจีย
เม่ยเจียเป็นหนุ่มอาร์คาน่าที่มีรูปร่างผอมเพรียวและมีผิวที่ขาวมาก เขามักพูดอย่างสุภาพและนุ่มนวลด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ใช่ คำเหล่านี้เป็นคำที่คุณหนูใช้เพื่อบรรยายถึงอีกฝ่าย
นางใช้ทุกคำที่มีความหมายสวยงามเพื่ออธิบายลักษณะของเม่ยเจีย แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ชมชอบนางเลยจริง ๆ เขาไม่เคยสนใจคุณหนู สิ่งนี้ทำให้นางผิดหวังอย่างมาก
จนถึงวันนี้ ข้ายังจำถึงตอนที่นางกลับมาจากสถาบันเพียงลำพังในเย็นวันหนึ่งได้
คุณหนูนั่งอยู่ตรงมุมห้องและร้องไห้อย่างขมขื่น
นางกอดข้าแน่นและเล่าถึงทุกอย่างที่ทำให้นางเศร้า แล้วข้าก็เพิ่งรู้ว่าคุณหนูแต่งตัวอย่างสวยงามและได้ชวนเม่ยเจียมาเต้นรำกับนาง แต่เขาปฏิเสธ
ต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นทุกคน ทำให้พวกเขาหัวเราะเยาะเย้ยความคิดฝันที่เพ้อเจ้อของนาง
เรื่องนี้ได้ทำร้ายจิตใจคุณหนูถังน่าอย่างมาก
นางกอดข้าและพูดอยู่นาน แม้ว่าข้าจะไม่ใช่หุ่นเชิดเก็บบันทึก ข้าก็ยังคงจำทุกอย่างที่นางบอกในเย็นวันนั้นได้
คืนนั้นนางดื่มไวน์มากจนหมดสติ
ข้าคอยเฝ้าดูนางอยู่ทั้งคืน
ในที่สุดรุ่งอรุณก็มาถึง
นางตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยและนั่งซึมอยู่นาน นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาข้าก็ไม่เคยเห็นคุณหนูยิ้มเลย
สถานการณ์นี้กินเวลาอยู่เกือบปี จนกระทั่งวันหนึ่งรอยยิ้มก็กลับมาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณหนูถังน่าอีกครั้ง
รอยยิ้มที่หายไปนาน
นางฮัมเพลงกับตัวเองอย่างมีความสุข ขณะที่ก้าวเดินไปด้วยจังหวะที่ผ่อนคลาย ใบหน้านั้นเปล่งประกายราวกับดวงอาทิตย์
ข้าไม่ได้เห็นนางยิ้มแบบนี้มานานแล้ว ทันทีที่เห็นมัน ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ
ในไม่ช้าข้าก็พบคำตอบ – คุณหนูถังน่าไม่เคยปิดบังอะไรจากข้าเลย
นางกำลังอยู่ในห้วงแห่งรัก
ใช่ คุณหนูกำลังมีความรัก
คนรักของนางคือเม่ยเจีย ชายที่เคยนำพาความอัปยศ ความเศร้าโศกและความเจ็บปวดมาให้นาง
จู่ ๆ เขาก็ยอมรับในตัวของคุณหนู ทำให้ชีวิตของนางเต็มไปด้วยความสุข
ข้าเองก็รู้สึกยินดีกับคุณหนู ถึงแม้ว่าข้าจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาดกับสถานการณ์นี้ แต่ตราบใดที่คุณหนูถังน่ามีความสุข ข้าก็มีความสุข
ทว่าข้าไม่เคยคิดเลยว่านั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย
นางตกหลุมรักปีศาจ !