บทที่ 59 เรื่องราวของหุ่นเชิด (2)
เม่ยเจียเป็นชาวอาร์คาน่าผู้ยากจน
อย่างน้อยตัวเขาเองก็คิดอย่างนั้น แม้ว่าชาวอาร์คาน่าจะยืนอยู่เหนือทุกเผ่าพันธุ์ และถึงแม้ชาวอาร์คาน่าที่ยากจนที่สุดจะมีทาสและข้ารับใช้ แต่เม่ยเจียก็ยังไม่พอใจ
เขาต้องการมากยิ่งกว่านี้
ครอบครัวของเขาไม่สามารถสนับสนุนความทะเยอทะยานในการเป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้ยิ่งใหญ่ของเขาได้ เพื่อไล่ตามความต้องการ เขาจึงพุ่งเป้ามาที่คุณหนูถังน่าผู้ใจดี
นับตั้งแต่เขาได้คบหากับคุณหนู เขาก็มักจะร้องขอทรัพยากรจากนางเพื่อนำมาสนับสนุนการวิจัยของตนอยู่เสมอ
คุณหนูเองก็คอยตอบสนองความต้องการของเขาทุกครั้งด้วยความรัก เพื่อให้เขาพอใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รางวัลของนางกลับเป็นความโลภอย่างไม่รู้จักพอของเขา
ความอยากอาหารของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดนางก็พบว่ามันยากเกินกว่าที่จะทำตามคำขอให้เขาพอใจได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้ปฏิบัติกับคุณหนูอย่างโหดร้าย
ตอนแรกเขาแค่ทำร้ายนางด้วยคำพูด แต่ในที่สุดเขาก็เริ่มลงไม้ลงมือทุบตี
ครั้งแรกที่ข้าเห็นบาดแผลบนใบหน้าของคุณหนูถังน่า นางบอกกับข้าว่ามันเป็นแผลที่ได้มาเพราะนางสะดุดล้ม
จากนั้นข้าก็สังเกตเห็นว่านางมีแผลจากการล้มลงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อใดก็ตามที่คุณหนูไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ เขาก็จะทุบตีนาง
ข้าต้องการที่จะช่วยคุณหนูถังน่าจริง ๆ แต่ตัวข้าเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด หากปราศจากคำสั่งของเจ้านาย ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้ บางทีข้าอาจเป็นหุ่นเชิดตัวเดียวที่รู้วิธีไม่เชื่อฟังคำสั่ง ทว่าข้านั้นไม่ต้องการที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของคุณหนู
ดังนั้น ข้าจึงทำได้แค่เฝ้าดูมันอย่างเงียบ ๆ เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลง เม่ยเจียก็เริ่มไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เขาทำแม้กระทั่งเข้ามาทุบตีคุณหนูถึงห้องของนางเองด้วยซ้ำ
ต่อหน้าข้า
พ่อของคุณหนู นายท่านหลัวเจียไม่เคยแม้แต่จะสังเกตถึงเรื่องนี้
เขาสนใจแต่ธุรกิจของเขาเท่านั้น ไม่ใช่ลูกสาว
คุณหนูต้องยอมจำนนต่อเม่ยเจียครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเงินของนางหมดลง นางก็เริ่มขโมยเงินมาจากพ่อของตน
ในที่สุดวันหนึ่ง นายท่านหลัวเจียก็จับได้
พ่อของคุณหนูทุบตีนางอย่างโหดร้าย แล้วขังนางเอาไว้ในห้อง
วันนั้นเม่ยเจียก็กลับมาอีกครั้ง
เขาไม่พอใจอย่างมากที่ข้อเรียกร้องของเขายังไม่ได้รับการตอบสนอง เขาตะโกนด่าทอสาปแช่งคุณหนูเสียงดัง โดยบอกว่าที่เขาอยู่กับผู้หญิงที่น่าเกลียดอย่างนาง ก็เพียงเพราะเห็นแก่งานวิจัยของตนเท่านั้น เขาบอกว่าเขาสูญเสียชื่อเสียงและโอกาสมากมายนับไม่ถ้วน แต่นางก็ไม่ได้ช่วยเขาเลย ช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์อะไรเช่นนี้
แล้วเขาก็เริ่มทุบตีและทำร้ายคุณหนูอีกครั้ง
นางอ้อนวอนขอความเมตตา แต่มันก็เปล่าประโยชน์
คุณหนูถูกทุบตีไปทั้งตัว บาดแผลที่น่ากลัวปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของนาง อาจเป็นเพราะนางทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางจึงได้เรียกหาข้า
นางพูดว่า “ซือปาเส้อ ช่วยข้าด้วยหยุดเขาที !”
สวรรค์เป็นพยาน ในที่สุดช่วงเวลาที่ข้ารอคอยก็มาถึง
ข้าพุ่งไปข้างหน้าและคว้าตัวเขาเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มทุบตีอีกฝ่ายอย่างป่าเถื่อน ในฐานะหุ่นเชิด ความแข็งแกร่งของข้าไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์อาร์คาน่ามือใหม่จะรับมือได้
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อสู้ข้ากลับ แต่ข้าก็สามารถทำลายโล่ของเขาด้วยการชกเพียง 2 ครั้ง และส่งเขาลงไปกองกับพื้นในหมัดที่ 3
จากนั้นข้าก็ชักดาบออกมา
ใช่แล้ว ตอนนั้นข้าต้องการที่จะฆ่าเขา !
ข้าสาบานว่านั่นคือความคิดเพียงหนึ่งเดียวของข้า ถ้าคำพูดของหุ่นเชิดเช่นข้าสามารถนับเป็นคำสาบานได้
อย่างไรก็ตาม คุณหนูถังน่าตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางจึงตะโกนว่า “หยุด ! อย่าฆ่าเขา !”
ข้าได้ยินคำพูดเหล่านั้น
ข้าไม่อยากเชื่อฟัง
แต่ข้าก็ไม่ต้องการขัดคำสั่งของคุณหนู ข้าจึงเลือกที่จะชะลอปฏิกิริยาตอบโต้ของข้า
ก่อนที่คำสั่งจะมีผล ข้าก็แทงดาบเข้าที่คอของเขา
จากนั้นข้าก็หยุด
ขณะนั้นในหัวใจของข้ารู้สึกได้ถึงความพอใจอย่างงยิ่ง
ข้าค้นพบว่าความรู้สึกแบบนี้ช่างดีเหลือเกิน !
อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยคิดว่านี่จะเป็นการนำหายนะมาสู่คุณหนูถังน่า…
นางถูกจับกุม
ปรมาจารย์อาร์คาน่าเสียชีวิต และในฐานะเจ้านายของหุ่นเชิดที่ก่ออาชญากรรม คุณหนูจึงถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้กระทำความผิด
ข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา
ข้าอยากจะบอกกล่าวต่อศาลจริง ๆ ว่าข้าเป็นผู้ลงมือเอง และการกระทำของข้าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณหนูเลย แต่ข้าไม่สามารถพูดได้ ข้าไม่มีทางอธิบายการกระทำของตัวเองได้ หลังจากเหตุการณ์นั้นความสามารถในการเคลื่อนไหวของข้าก็ได้ถูกพรากไป ข้าทำได้เพียงนั่งเงียบ ๆ และเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ดูคุณหนูถังน่าต้องทนทุกข์ทรมานจากการสอบสวนที่ไร้ความปราณีของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกสิ้นหวัง
ข้าอยู่ในห้องพิจารณาคดีเพราะถูกมองว่าเป็นอาวุธสังหาร ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงได้เห็นนายท่านหลัวเจียโกรธจัดหลังจากรู้ว่าทรัพย์สินที่หายไปของเขานั้นมากเกินกว่าที่เขาคาดไว้
เขาสามารถช่วยลูกสาวของเขาได้ แต่เขาโกรธกับการกระทำของนางมากจนเลิกใช้เงินเพื่อช่วยนางให้พ้นจากโทษ สุดท้ายคุณหนูถังน่าก็ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และข้าก็ถูกโยนลงถังขยะ
ข้าไม่รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในกองขยะนานแค่ไหน ทั้งหมดที่ข้ารู้คือร่างกายข้าเริ่มขึ้นสนิมและกำลังสึกกร่อนไปอย่างช้า ๆ ถึงอย่างนั้นจิตสำนึกของข้าก็ยังคงอยู่ ข้ามองดูท้องฟ้าและวุ่นวายของโลกอยู่ตรงนั้น อย่างไม่รู้ว่าเป้าหมายของการมีอยู่ของตัวเอง
คนเร่ร่อนมากกว่าหนึ่งเก็บข้าขึ้นมา แล้วก็โยนข้าทิ้งไปอีกครั้ง
พวกเขาคิดว่าข้าไม่คุ้มที่จะซ่อม ข้าจึงได้แต่นั่งรอเงียบ ๆ
รอให้วันของข้ามาถึง
และในที่สุด ข้าก็ได้พบกับช่างฝีมือผู้มอบชีวิตที่สองให้แก่ข้า
เขามีนามว่าจิน
ข้ายังคงจำเสียงร้องประหลาดใจที่เขาทำขึ้น เมื่อตอนที่เขาพบข้าได้ดี “ดูสิ ข้าเจอหัวหุ่นแล้ว ! แม้ว่าจะถูกทำลายไปหนักเอาการ แต่ส่วนประกอบภายในก็ยังคงทำงานอยู่ บอกได้เลยว่าเจ้านี้ต้องเป็นหุ่นเชิดคุณภาพสูงอย่างแน่นอน ถ้ามันได้ร่างกายใหม่ มันย่อมสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้งแน่ ข้าจะทำให้มันกลายเป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดของข้า !”
แล้วจินก็ได้กลายมาเป็นเจ้าของคนใหม่ของข้า
ข้าได้รับชีวิตใหม่มาจากมือของเขา
จินเป็นช่างฝีมือรุ่นเยาว์ที่มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย เนื่องจากเขาไม่มีวัสดุล้ำค่าหรือของหายาก เขาจึงทำได้เพียงใช้วัสดุทั่วไปเพื่อสร้างร่างกายชั่วคราวให้ข้า ร่างกายของข้าราวกับผ้าขี้ริ้วเย็บปะ มันประกอบขึ้นจากเศษเหล็กเศษวัสดุที่เขาหามาได้จากทั่วทุกสารทิศ และดูทรุดโทรมยิ่ง
แต่ในขณะเดียวกันจินก็ได้ให้ความสามารถใหม่กับข้า… เขาทำให้ข้าสามารถพูดได้ !
การพูดเป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่ข้าต้องเผชิญ ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อพูดออกมา อย่างไรก็ตาม การพูดนั้นไม่ใช่ส่วนที่ยากที่สุดสำหรับข้า ปัญหาที่ทำให้ข้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ คือข้าไม่รู้จะพูดอะไร
สติปัญญาของข้ายังคงตื้นเขิน จิตสำนึกของข้าเองก็ยังอ่อนแรงอยู่มาก
ส่วนมากแล้วข้าจะทำเพียงนั่งอยู่เฉย ๆ เงียบ ๆ
เมื่อเขาว่างหรือไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนัก จินก็มักจะมานั่งอยู่ข้างข้าและพูดคุย เขาเป็นคนพูดมากยิ่งกว่าคุณหนูถังน่าเสียอีก
แต่ข้าก็ไม่เคยตอบเขากลับเลย ทำให้จินผิดหวังอย่างมาก
เมื่อข้าเบื่อ ข้ามักจะคิดถึงคุณหนูถังน่า
ข้านั่งอยู่บนกองขยะสูง มองออกไปไกล ๆ แล้วได้แต่เฝ้าสงสัยว่าตอนนี้คุณหนูจะเป็นอย่างไรบ้าง
ข้าฆ่าเม่ยเจีย ทั้งยังทำลายชีวิตของนาง
ข้ารู้สึกว่าข้าต้องรับผิดชอบ
ตอนนี้ข้ามีร่างกายและพูดได้แล้ว ข้ารู้สึกว่าควรไปหาคุณหนูและบอกทุกอย่างกับนาง
ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะจากไป
เย็นวันนั้น ข้าได้ออกไปเพียงลำพัง
ข้าจะกลับไปหาคุณหนู
เมื่อข้าไปถึงเรือนจำ ข้าบอกผู้คุมที่นั่นว่าข้าคือหุ่นเชิดที่สังหารเม่ยเจีย และขอให้พวกเขาจับข้าแล้วปล่อยคุณหนูถังน่า ทว่าพวกผู้คุมกลับหัวเราะ พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่รู้หรอกนะว่าใครแอบควบคุมหุ่นเชิดให้แกล้งทำเป็นโดนตั้งข้อหา แต่นี่เป็นวิธีช่วยชีวิตที่สร้างสรรค์และโง่เขลาที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมาเลย แน่นอนว่ามันไม่มีทางที่จะสำเร็จ และคุณหนูก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออีกต่อไปแล้ว เพราะนางกำลังป่วยหนักและกำลังจะตายในอีกไม่ช้า
นางจะอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นนางจึงได้รับอนุญาตให้ออกจากคุกเพื่อกลับไปสิ้นใจอย่างสงบที่บ้าน
ข้าไม่รู้ว่าข้าจากที่นั่นมาได้อย่างไร เสียงหัวเราะที่เย็นชาและไร้ความปราณีของพวกเขายังคงติดอยู่ในหูของข้า
ข้ารู้สึกเศร้าและสิ้นหวังอย่างมาก
เมื่อข้ากลับมาถึงบ้านของนายท่านหลัวเจียเพื่อพบคุณหนู ข้าก็เห็นว่าเขาได้แต่งงานกับภรรยาใหม่แล้ว
ข้าแอบเข้าไปในห้องของคุณหนูทางสวนหลังบ้าน ข้าพบนางกำลังนอนอยู่บนเตียง คุณหนูยังคงมีชีวิตอยู่แต่ก็ไม่ไกลจากความตายมากแล้ว
ข้าประคองนางขึ้นมา คุณหนูจ้องมองมาที่ข้าด้วยสายตาเป็นประกาย
นางพูดกับข้า “ซือปาเส้อเหรอ ? ต้องเป็นเจ้าแน่ ข้ารู้ว่าเจ้าจะกลับมาหาข้า”
แม้ว่ารูปลักษณ์ของข้าจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่คุณหนูก็ยังสามารถจดจำข้าได้ในทันทีที่มอง
เมื่อข้าโอบกอดนาง นางบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการจะพูดออกมา แล้วก็จากไปในอ้อมแขนของข้า
ในเวลาเดียวกันนั้น ข้าก็สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่สวยงามโบยบินไปในอากาศ
นั่นคือตอนที่สัญชาตญาณของปีศาจกลืนวิญญาณตื่นขึ้นมา
ข้าเข้าใจในยามนั้นเองว่าเป็นมัน เป็นเพราะสัตว์อสูรตนนี้ที่มอบสติปัญญาและความสามารถพิเศษนี้ให้ข้า
ข้าเก็บวิญญาณของคุณหนูถังน่าเอาไว้เพื่อที่นางจะได้อยู่กับข้าตลอดไป จากนั้นข้าก็จากไปพร้อมกับร่างของนาง
ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ทำเช่นนั้น แต่ข้ารู้สึกว่าไม่ควรปล่อยคุณหนูให้อยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกต่อไป
ข้าได้ฝังศพของคุณหนูไว้ในป่าใกล้บ้านของนาง ที่นั่นมีทิวทัศน์ที่สวยงามคุณหนูชอบไปที่นั่นเสมอเมื่อตอนยังเด็ก เมื่อข้าฝังร่างนางไว้ข้างลำธารเล็ก ๆ ข้าก็รู้สึกได้ถึงความสุขจากวิญญาณของคุณหนูถังน่าในตัวข้า
บางทีอาจเป็นเพราะวิญญาณของคุณหนู สติปัญญาของข้าจึงก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด
จู่ ๆ ข้าก็เกิดสงสัยขึ้นว่าทำไมข้าถึงไม่สามารถฆ่าพวกอาร์คาน่าที่ทำให้คุณหนูถังน่าต้องตายได้ ?
ไม่มีอะไรให้ข้าต้องกลัว เพราะข้าไม่ได้มีชีวิตแต่แรกแล้วข้าเป็นแค่หุ่นเชิด ไม่ว่าข้าจะทำอะไร พวกเขาก็จะเชื่อว่ามีคนควบคุมข้าอยู่เบื้องหลัง
นั่นคือเหตุผลที่ถังน่าต้องตาย
ถ้าเช่นนั้น ทำไมข้าไม่ใช้การกระทำพิสูจน์ให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาคิดผิดล่ะ ?
ข้าเริ่มเคลื่อนไหวทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว
ข้ากลับไปที่บ้านของนายท่านหลัวเจีย และฆ่าเขากับภรรยาใหม่ของเขา
แม้ว่าท่านหลัวเจียจะเป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าที่ทรงพลัง ส่วนข้าเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ทำขึ้นมาจากชิ้นส่วนที่แตกหัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดที่จะต่อต้านข้าอย่างเต็มกำลัง
หลังจากที่ฆ่าหลัวเจียแล้ว ข้าก็กลับไปที่เรือนจำอีกครั้งและฆ่าผู้คุมที่นั่น พวกเขาเป็นคนที่ทำให้ถังน่าป่วยหนัก
ข้าเริ่มการสังหารหมู่ เพราะข้าเป็นเพียงหุ่นเชิดจึงแทบจะไม่มีชาวอาร์คาน่าคนไหนป้องกันการโจมตีของข้าเลย หลังจากที่พวกเขาพบว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของหุ่นเชิด ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตามหาข้าและคนที่ควบคุมข้าให้เจอ
แต่ข้าฉลาดขึ้นแล้ว ข้าได้ใช้ส่วนประกอบต่าง ๆ ในบ้านของหลัวเจียเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเอง
ตอนนี้เหลือเพียงเป้าหมายเดียว
ผู้พิพากษาของศาลพิจารณาคดี ‘ไอ้โง่’ ที่รู้ว่าเม่ยเจียทำร้ายถังน่า แต่ก็ยังคงตัดสินว่านางมีความผิด เขาสามารถละเว้นโทษให้นางได้ แต่เขายืนกรานให้หลัวเจียจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแลกกับการพ้นโทษ เมื่อคนพ่อปฏิเสธเขาเลยจงใจตัดสินให้นางติดคุกทาสชั้นล่าง เพราะเรือนจำนั้นเป็นคุกของทาส นางจึงถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมเช่นนี้
ไอ้เวรนี่ต้องตาย !
แต่ครั้งนี้ข้าล้มเหลว