ภาคที่ 5 บทที่ 60 เรื่องราวของหุ่นเชิด (3)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 60 เรื่องราวของหุ่นเชิด (3)

ผู้ตัดสินคนนี้ชื่อปู้เหลยเจ๋อ เป็นชายหนุ่มชาวอาร์คาน่า

เขามีรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาเช่นเดียวกับเม่ยเจีย แต่จิตใจของเขานั้นโหดเหี้ยวและร้ายกาจกว่ามาก

การตายของหลัวเจียและเหล่าผู้คุมเรือนจำ เตือนให้เขาฉุกคิดว่าเรื่องนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูถังน่า ดังนั้นเมื่อข้ารีบเร่งไปหาเขา สิ่งที่รอข้าอยู่จึงเป็นกับดักที่เตรียมไว้แล้ว

ข้าโดนจับอีกแล้ว

โชคดีที่พวกเขาไม่ได้มองข้าเป็นปัจเจกบุคคลที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง แต่คิดว่าข้าเป็นเพียงอาวุธสังหารที่ถูกคนอื่นใช้งาน

น่าเศร้าที่พวกเขาค้นพบร่องรอยของจินจากตัวข้า

ข้าเฝ้าดูขณะที่พวกเขาเอาตัวจินไปทรมาน

นั่นคือตอนที่ข้าตระหนักได้ว่า ข้าได้ทำร้ายนายของข้าอีกคนหนึ่งแล้ว

เจ้านายอีกคนหนึ่งที่ดูแลฉันอย่างดีต้องตายเพราะการกระทำของข้าอีกครั้ง ข้าพยายามบอกพวกเขาว่าข้าตัดสินใจทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้านายคนไหน แต่พวกเขาไม่ฟังข้าเลย

ไม่นานหลังจากนั้น ข้าก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าหุ่นเชิดจะตัดสินใจด้วยตัวเองได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาไม่เคยเอาหุ่นเชิดขึ้นศาลในฐานะฆาตกรเลย

หุ่นเชิดก็เป็นหุ่นเชิด พวกมันจำเป็นต้องถูกควบคุมโดยใครบางคน !

นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเชื่อถือ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น

ในสายตาของพวกเขา ตัวข้าเป็นเพียงอาวุธ

ในฐานะอาวุธสังหาร ข้าจึงถูกกำหนดให้ถูกทำลาย

ครั้งนี้ข้าถูกทำลายจนหมด ทั้งหมดเลย !

อย่างไรก็ตาม ข้ายังคงไม่ตาย

ข้ารู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ พร้อมกับวิญญาณของคุณหนูถังน่า

ไม่มีใครเห็นเรา

ข้าบินไปเรื่อย ๆ ล่องลอยต่อไปเช่นนั้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งข้าได้พบหุ่นเชิดตัวหนึ่ง

มันคือหุ่นเชิดสื่อสาร มันมีสี่แขนและส่วนประกอบที่อธิบายไม่ได้หลายอย่างที่ต่างจากข้า มันดูน่าเกลียดมาก

ใช่ น่าเกลียด ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าคำว่าน่าเกลียดหมายถึงอะไร

ข้าเข้าใจของสิ่งที่เรียกว่ารูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียด และจิตใจที่น่าเกลียด

หลังจากผ่านประสบการณ์เหล่านี้ไป ข้าก็เริ่มเข้าใจว่าความฉลาดคืออะไร

ความฉลาดคือความเห็นแก่ตัว !

ความฉลาดคือความทะเยอทะยาน !

ความฉลาดคือความโลภ !

ความฉลาดคือการผสมผสานของอารมณ์ทุกรูปแบบ !

และอารมณ์ปัจจุบันของข้าคือความบ้าคลั่ง

ข้าต้องการแก้แค้น

ข้าต้องการที่จะฆ่าไอ้พวกที่ฆ่าเจ้านายของข้า

แต่ความแข็งแกร่งของข้ายังมีไม่พอ ข้าต้องสร้างร่างกายใหม่ให้กับตัวเอง ร่างกายหุ่นเชิดที่มีไว้เพื่อสังหาร

ดังนั้นข้าจึงเริ่มเรียนรู้วิชาอาร์คาน่าจากนายคนใหม่ของข้า

เจ้าของคนใหม่เองก็เป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เป็นผู้เมตตาเหมือนคุณหนูถังน่า หรือจริงใจเหมือนจิน เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และเฝ้าคิดหาวิธีหาวัสดุที่ดีกว่าอยู่ทุกวัน เขาเป็นพ่อค้าหุ่นเชิดเช่นเดียวกับท่านหลัวเจีย แต่เขาให้ความสำคัญกับการหาส่วนผสมที่หายากเพื่อใช้ทำหุ่นมากกว่า ข้าติดตามเขาไปทั่วทั้งทวีปและคุ้นเคยกับการกระทำที่ชั่วร้ายทุกชนิด

ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไม่มีความรู้สึกสงสารให้เขาเลยแม้แต่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าแผนจะล้มเหลว ข้าคงจะใช้วิธีเดิมแล้วใส่ร้ายเจ้านายคนใหม่ของข้าได้

แต่ตอนนี้ ข้าต้องการร่างกายที่แข็งแรงขึ้นเพื่อทำตามแผนให้สำเร็จ

ข้าอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการเรียน ค้นหาและรวบรวมข้อมูลทุกประเภทที่ข้าสามารถใช้ได้เพื่อเพิ่มโอกาสทำให้แผนนี้สำเร็จ เจ้านายใหม่ของข้าไม่เคยนึกสงสัยเลยว่าข้าจะขโมยของของเขามา

วันนี้เจ้าของคนใหม่พาข้าไปสำรวจภูมิประเทศใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก พร้อมกับปรมาจารย์อาร์คาน่าคนอื่น ๆ

ในฐานะหุ่นเชิดสื่อสาร ความรับผิดชอบหลักของข้าคือการตรวจจับอันตรายทั้งหมดที่อาจแฝงอยู่และแจ้งให้เจ้านายทราบ บางทีอาจเป็นเพราะข้ามีจิตวิญญาณที่ไม่ไม่ธรรมดา ความสามารถในการสอดแนมของข้าจึงแข็งแกร่งกว่าหุ่นรุ่นเดียวกันหลายเท่า

ด้วยเหตุนี้ ตัวตนที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อในพื้นที่นี้จึงถูกข้าค้นพบในทันที

เทพอสูรบรรพกาล !

เทพอสูรบรรพกาลที่จำศีลอยู่

ทันใดนั้นข้าก็พบว่าข้าไม่จำเป็นต้องใช้แผนเดิมอีกต่อไป เพราะข้ามีแผนที่ดีกว่าแล้ว

ข้าไม่ได้เตือนพวกเขาเลย และบอกเจ้านายคนใหม่ของข้าว่าที่นี่ไม่มีอันตรายอะไร

อันที่จริง ข้ายังได้ส่งข้อความถึงปู้เหลยเจ๋อด้วย

ใช่ ข้าบอกเขาว่าเราได้ค้นพบเหมืองอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติไร้ที่สิ้นสุด

ข้ารู้ว่าเขาจะมา

เขาเป็นคนโลภเช่นเดียวกับทุกคน

เมื่อได้เผชิญหน้ากับทรัพย์สมบัติที่ไร้ซึ่งผู้ครอบครองพวกเขาจะพากันเข้ามารุ่มล้อมมันอย่างบ้าคลั่ง ดั่งเช่นแมลงวันตอมชิ้นเนื้อเน่า

ทั้งหมดที่ข้าต้องทำคือเฝ้าดูพวกเขาตายลงอย่างเงียบ ๆ

แผนนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ปรมาจารย์อาร์คาน่าจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามา และเริ่มขุดค้นอย่างไม่หยุดยั้งเมื่อพวกเขาค้นพบสายแร่

ทว่า เทพอสูรบรรพกาลตัวนั้นกลับไม่ถูกปลุกให้ตื่น

มันใหญ่เกินไป ตัวมันใหญ่โตมากจนปรมาจารย์อาร์คาน่าไม่ต่างอะไรกับมดที่คลานไปทั่วผิวหนัง ไม่มีทางที่มันจะมากพอถึงขั้นที่สามารถปลุกมันขึ้นมาได้

ข้ารู้สึกกระวนกระวายใจมาก หากเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่สามารถแก้แค้นให้สำเร็จได้ ตรงกันข้ามมันมีแต่จะทำให้ไอ้สารเลวกลุ่มนี้ได้ผลประโยชน์และความมั่งคั่งไปด้วย

นอกจากนี้บางคนก็นำหุ่นเชิดของพวกเขามาเองเช่นกัน ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องค้นพบสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่กำลังหลับใหลอยู่ข้างใต้นี้เป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะล่าถอยและแผนของข้าก็จะล้มเหลว

หากพวกเขายังคงขุดลึกลงไปเรื่อย ๆ หุ่นเชิดตัวอื่น ๆ ต้องค้นพบพบการดำรงอยู่ของเทพอสูรบรรพกาลแน่ ข้าวิตกกังวลยิ่งขึ้น และตัดสินใจที่จะลงไปเบื้องล่างเพื่อปลุกมันให้ตื่นขึ้นด้วยตัวเอง

ข้ามาถึงส่วนลึกของอุโมงค์เหมือง และมาถึงหัวของเทพอสูรบรรพกาลโดยอาศัยสัมผัสรับรู้อันทรงพลังของข้า แต่ไม่ว่าข้าจะโจมตีอย่างไรมันก็ไม่ยอมตื่น ทำให้ข้ากระวนกระวายแทบบ้า

ข้าตัดสินใจเสี่ยงและใช้พลังจิตโจมตีเทพอสูรบรรพกาล

ใช่ นั่นเป็นวิธีเดียวที่ข้ามี

เทพอสูรบรรพกาลทรงพลังมากเกินไป การโจมตีทางกายภาพของข้าไม่มีผลกับมันแม้แต่น้อย แต่การโจมตีด้วยพลังจิตอาจจะพอทำอะไรได้บ้าง นี่คือทั้งหมดที่ข้าสามารถทำได้

ทว่าทันใดนั้นเอง ถังน่าก็ปรากฏตัวขึ้น

นางอยู่กับข้ามาตลอด ข้าเคยคิดว่าจิตสำนึกของเราได้หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว แต่ ณ เวลานี้ข้าก็ได้พบว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น

นางพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้ข้าไป เพราะนั่นเป็นเส้นทางที่เมื่อไปแล้วข้าคงไม่อาจหวนกลับได้

แต่ข้าก็ยังตัดสินใจทำมัน ความปรารถนาที่จะแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งได้เผาเหตุและผลทั้งหมดของข้าไป ทำให้ข้ายินยอมที่จะแลกกับทุกอย่างเพียงเพื่อทำให้แผนนี้สำเร็จ

แต่ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องปกป้องถังน่า

ข้าแบ่งพลังจิตส่วนหนึ่งและวางนางไว้ในร่างของข้า จากนั้นก็เปิดใช้งานพลังจิตอย่างเต็มกำลังแล้วพุ่งเข้าหาเทพอสูรบรรพกาล

วานรกินทอง

น่าสนใจมาก มันกินทองส่วนข้ากินวิญญาณ บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา

สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือข้าทำสำเร็จ

ข้าพุ่งเข้าไปในจิตสำนึกของมัน และได้พบว่ามันตายไปแล้ว

ใช่ มันตายไปนานแล้วในระหว่างที่กำลังหลับใหล

แม้ว่าร่างกายของมันจะแข็งแรงแต่พลังจิตนั้นกลับอ่อนแอมาก ในช่วงเวลาแห่งการหลับใหลอันยาวนานจิตสำนึกของมันก็ได้ค่อย ๆ เลือนหายไป แล้วในที่สุดมันก็ตายไปทั้งอย่างนั้น สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือร่างกายของมันยังคงไม่ตาย

และข้าที่เป็นตัวตนของการผสานกันระหว่างปีศาจกลืนวิญญาณและหุ่นเชิด ที่บังเอิญเป็นผู้เชี่ยวชาญในการครอบครองร่างของสิ่งมีชีวิตอื่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพอสูรบรรพกาลที่น่าสะพรึงกลัวก็ตาม ในเมื่อปราศจากจิตสำนึกดั่งเดิม มันก็ไม่ยากเลยที่ข้าจะยึดครอง

วานรกินทองฟื้นคืนชีพแล้ว !

ข้าโผล่ออกมาจากใต้ดิน และเปล่งเสียงคำรามที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ข้าเคยทำ

แล้วข้าก็ได้เห็น

เห็นไอ้กลุ่มคนสารเลวพวกนี้ตัวสั่นอยู่ใต้เท้าของข้า เห็นใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความหวาดกลัว

ข้าหัวเราะ เสียงหัวเราะนั่นเป็นเสียงคำรามดังก้องราวฟ้าผ่า

ข้ามองดูใบหน้าที่สิ้นหวังของพวกเขา ปรมาจารย์อาร์คาน่าบางคนไม่เต็มใจที่จะยอมรับสถานการณ์นี้ และเลือกโจมตีโต้กลับใส่ข้า ข้าเมินเฉยต่อการจู่โจมและกลืนพวกเขาลงไป เปลี่ยนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินบนร่างของข้า

ปู้เหลยเจ๋อตายแล้ว เจ้านายคนใหม่ของข้าตายแล้ว ปรมาจารย์อาร์คาน่าโลภมากทั้งหมดเหล่านั้นตายแล้ว

อย่างไรก็ตาม ข้ากลับยังไม่พอใจ

ข้าต้องการบุกเข้าไปในอาณาจักรอาร์คาน่าและสังหารพวกมันทั้งหมด ให้เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำเพื่อลบล้างเผ่าพันธุ์ชั่วร้ายนี้ออกจากหน้าทวีป

ข้าคงจะทำมันโดยไม่ลังเล ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของถังน่า

ถังน่ายังคงมีชีวิตอยู่

แน่นอนว่านางยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าข้าจะฆ่าใครไปมากเท่าไหร่ ข้าก็ไม่สามารถฆ่านางได้

นางยังคงอยู่ในร่างเดิมของข้า เฝ้าดูข้า อ้อนวอนขอให้ข้าไว้ชีวิตพวกเขา

แม้จะผ่านเรื่องทุกอย่างมาแล้ว นางก็ยังคงมีเมตตาและพยายามปกป้องพวกเขา

แต่ข้าปฏิเสธ

เปลวเพลิงแห่งความโกรธได้เผาผลาญเหตุผลของข้าไปหมด สติเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่พอแค่ป้องกันไม่ให้ข้าทำร้ายถังน่า ทว่ามันไม่ได้ช่วยให้ข้าเชื่อฟังนาง

อย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่อาจทำอย่างที่อยากได้อยู่ดี

เพราะโลกใบนี้

หลังจากที่ข้ากลายมาเป็นเทพอสูรบรรพกาล ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงต้องจำศีล

เพราะเทพอสูรบรรพกาลอาศัยพลังต้นกำเนิดเพื่อความอยู่รอด ส่วนพลังต้นกำเนิดของโลกนี้นั้นกลับเบาบางลงและหายากขึ้นเรื่อย ๆ

มันเบาบางมากจนไม่สามารถรองรับร่างกายที่ใหญ่โตนี้ของข้าได้ ข้าพบว่าแม้จะยืนนิ่งก็ยังหายใจลำบาก

ลำคอและปอดเจ็บปวดราวกับถูกแผดเผาเมื่อยามสูดอากาศเข้าไป ทะเลพลังต้นกำเนิดของข้าตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย พลังงานภายในตัวของข้าปั่นป่วนไปทุกส่วน นี่เป็นปฏิกิริยาต่อการขาดพลังต้นกำเนิดตามธรรมชาติ

มีเพียงการจำศีลเท่านั้นที่สามารถจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังต้นกำเนิด และทำให้ข้าสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

ข้ารู้สึกได้ว่าหากข้ายังคงพยายามไล่สังหารพวกอาร์คาน่าต่อไป มันคงจะใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่จะข้าถูกร่างกายอันทรงพลังนี้ฉุดรั้ง

ช่างน่าเสียดาย ถ้าข้าอ่อนแอกว่านี้อีกสักหน่อยข้าอาจจะทนได้นานขึ้น แต่ข้าเป็นวานรกินทองที่แข็งแกร่ง ข้าจึงไม่อาจยืนหยัดได้จนถึงท้ายที่สุด

แม้แต่การฟื้นคืนชีพครั้งเดียวนี้ก็ส่งผลกระทบต่ออายุขัยของข้าอย่างมากแล้ว

แม้ว่าข้าจะกลับไปนอน ข้าก็คงทนต่อไปได้อีกไม่นาน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็มีเพียงนอนลง

ด้วยวิธีนี้ข้าก็จะได้อยู่กับถังน่า

ข้าสัญญากับถังน่าว่าข้าจะไม่โจมตีพวกอาร์คาน่าตราบเท่าที่นางอยู่กับข้า ในทำนองเดียวกันแม้ว่าข้าจะไม่บุกไปหาพวกเขา แต่หากพวกเขากล้าที่จะมาที่นี่อีก ข้าก็จะตื่นขึ้นมาเพื่อฆ่าพวกเขาอีกครั้งทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามา

ความเกลียดชังที่มีต่อชาวอาร์คาน่าของข้า มากพอที่จะให้ข้าเต็มใจเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อทำลายพวกเขา !

ถังน่าตกลง

อย่างไรก็ตามนางฉลาดมาก แม้ว่านางจะเห็นด้วยนางก็ยังส่งข่าวกลับไปยังอาณาจักรอาร์คาน่าว่ามีเทพอสูรบรรพกาลหลับใหลอยู่ที่นี่ เพื่อเตือนพวกเขาว่าอย่าเข้ามาใกล้ แน่นอนว่านางไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด และสร้างเหตุผลที่ซับซ้อนขึ้นมาแทน

ก็ยังดี

ด้วยวิธีนี้ก็จะไม่มีใครมารบกวนข้าและถังน่าอีกต่อไป

แล้วข้าก็ได้อยู่กับถังน่า

ถังน่าจะส่งคำเตือนกลับไปเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันไม่ให้อาร์คาน่าคนไหนมารบกวนเรา ข้าคิดว่าจริง ๆ แล้วถังน่าไม่ได้ต้องการปกป้องพวกเขา แต่เพื่อปกป้องข้า ทว่าถังน่าก็ไม่เคยยอมรับเรื่องนี้

แต่นั่นไม่สำคัญ ข้ารู้ว่านางรักข้า เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

น่าเสียดายที่ร่างกายของข้ายังคงทรุดลงต่อเนื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่เพียงเพราะผลข้างเคียงจากการตื่นขึ้นครั้งนั้น แต่เพื่อถังน่าข้าจึงไม่เคยเข้าสู่สถานะหลับลึกอย่างสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งในจิตสำนึกของข้ายังคงตื่นอยู่เสมอ และมักจะคุยกับนางเพราะข้าไม่ต้องการให้นางเหงา ผลคือร่างกายนี้ได้พักไม่มากพอและใช้พลังงานมากขึ้น

มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้นานไปกว่านี้

อยู่มาวันหนึ่ง ในที่สุดพลังต้นกำเนิดในร่างของวานรกินทองก็หมดลง

ข้ารู้ว่าร่างกายนี้กำลังจะตาย

ข้าไม่กลัวความตาย แต่ฉันไม่อาจทนเห็นถังน่าตายได้

ช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ข้าอยากจะทำบางสิ่งเพื่อนาง

ข้ารวบรวมพละกำลังที่เหลือส่งไปยังแกนกลางของหุ่นเชิดที่ถังน่าอาศัยอยู่เพื่อสร้างโล่ป้องกัน การปกป้องหุ่นเชิดด้วยพลังของเทพอสูรบรรพกาล น่าจะมากพอแล้วที่โล่จะคงอยู่แม้จะผ่านไปหลายหมื่นปี

แต่ข้าก็คิดผิดอีกแล้ว ถังน่าไม่อยากมีชีวิตที่โดดเดี่ยวและตัวคนเดียวแบบนี้

เมื่อนางเห็นข้ายอมแพ้ นางจึงเลือกที่จะยอมแพ้เช่นกัน

จิตวิญญาณของเราผสานเข้าด้วยกันในนาทีสุดท้าย

ข้าคิดว่านี่เป็นจุดจบที่เหมาะสมแล้ว