ตอนที่ 759: จิตวิญญาณของวัตถุเซียน (1)
ภายในวัตถุเซียนนั้น มีชายชุดขาวสิบกว่าคนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในป่ากำลังพักผ่อนและหลับตาอยู่ หลังจากนั้นผู้คนก็รีบพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางและในไม่ช้าคนในกลุ่มก็เพิ่มขึ้นเป็น 20 คน พวกเขามีอายุที่แตกต่างกัน บ้างชราบ้างหนุ่ม
ถ้าเจี้ยนเฉินอยู่ที่นี่ล่ะก็ เขาคงจะคุ้นเคยกับใบหน้าของคนในกลุ่มนี้เป็นอย่างดี พวกเขาเป็นคนที่เจี้ยนเฉินพบตอนที่อยู่แม่น้ำน้ำหอม
ในตอนนี้เอง ชราชราที่เหมือนนักปราชญ์ในชุดยาวขาวลืมตาของเขาขึ้นมาช้า ๆ เขามองไปรอบ ๆ แล้วกล่าว “เมื่อทุก ๆ คนมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้ามีเรื่องจะประกาศในนามของตระกูลซาร์ ในการแข่งขันครั้งนี้ การติดหนึ่งในสิบนั้นเป็นเรื่องรอง เราต้องตามหาหยางยู่เทียนให้พบก่อนและหยุดเขาจากการติดที่หนึ่งในสิบ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราจะให้เขาสำเร็จระดับ 7 ไม่ได้ และถ้าเป็นไปได้ ก็เอาเกราะสมบัติชิ้นนั้นมาด้วย พวกเจ้าเข้าใจแล้วนะ”
“เมื่อมันเป็นคำสั่งจากท่านผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ภารกิจลุล่วง” ชายชรากล่าวด้วยเสียงชัดเจน เขาคืออาจารย์ฮัวจากตระกูลฮัว หนึ่งในแปดตระกูลใหญ่
แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าตระกูลฮัว แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในตระกูล ดังนั้นเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลซาร์ เขาจึงไม่กล้าที่จะไม่ปฏิบัติตามแม้แต่น้อย
ชายชราผิวเลือดฝาดของตระกูลซาร์พยักหน้ารับอย่างพอใจ ในขณะที่เขาต้องการจะพูดอย่างอื่นต่อ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป เขาดึงจี้หยกออกมาจากหน้าอกเสื้อของเขาและความคิดก็ถูกส่งผ่านมาที่ระหว่างคิ้วของเขาทันที
ชายชราผิวเลือดฝาดยังคงหลับตาสักพัก ก่อนที่รอยยิ้มจะเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “มีแขกคนพิเศษที่กำลังจะมาพบกับพวกเราที่นี่ในอีกไม่นานนัก ดูเหมือนว่าความแน่นอนในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ให้ลุล่วงกำลังจะเพิ่มมากขึ้นแน่”
“ข้าคิดว่าข้าพอจะเดาได้ว่าแขกคนพิเศษคนนี้คือใคร เขาต้องเป็นศิษย์คนที่สองของท่านประธานเป็นแน่ หยางยู่เทียนผู้นี้มาจากไหนก็ไม่รู้ และได้กลายมาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากระดับ 7 ด้วยพรสวรรค์ที่หาไม่ได้จากที่ไหนมาก่อนของเขา เขาได้เรียนรู้มาแม้แต่ทักษะต้องห้าม นอกจากมันจะเป็นอุปสรรคต่อตระกูลซาร์แล้ว การปรากฏตัวของเขาก็เป็นภัยต่อหยุนเทียนอีกด้วย เขาได้ขโมยตำแหน่งในอนาคตของหยุนเทียนไปโดยปริยาย ข้าเชื่อว่าความมุ่งมั่นที่จะกำจัดหยางยู่เทียนของหยุนเทียนนั้นมากกว่าตระกูลซาร์หลายเท่านัก” ชายชราผิวเหี่ยวย่นพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ในขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงความเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ของตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟ
ชายชราของตระกูลซาร์ไม่ได้พูดอะไรต่อและหลับตาของเขาลงอย่างช้า ๆ แทน และกำลังรอแขกคนพิเศษของเขาอยู่เงียบ ๆ
ในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา ลำแสงสีขาวก็ได้ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า และพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงยี่สิบกว่าคนที่พักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ลืมตาขึ้นและมองไปที่ร่างที่บินเข้ามาจากที่ไกล ๆ
“นั่นคือหยุนเทียนจริง ๆ ด้วย ! ” รอยยิ้มลึก ๆ หรากฎขึ้นที่ใบหน้าของชายชราจากตระกูลเทพเจ้าแห่งไฟ แม้แต่รอบ ๆ ตัวเขา เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลายคนก็ยิ้มอย่างแปลก ๆ
“เฮ้อ สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงถึงคราวเคราะห์แล้ว” ชายวัยกลางคนจากตระกูลเจิ้ง เจิ้งเจียนลอบถอนใจออกมา “ท่านประธานของสมาคมกำลังจะจากไปด้วยความชรา ในขณะที่ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของตระกูลซาร์กำลังถาโถมไปที่สมาคม บางทีหยางยู่เทียนอาจจะเป็นคนเดียวที่สามารถปกป้องสมาคมได้ ถ้าเขาพลาด สมาคมก็จะหมดอำนาจในการต่อต้านตระกูลซาร์”
หยุนเทียนค่อย ๆ ลดระดับลงมาจากท้องฟ้า ในตอนแรก เขาป้องมือคำนับไปที่ทุกคนพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะมองไปที่ชายชราจากตระกูลซาร์ “ท่านผู้อาวุโสซาร์ ทิลอส ท่านคงกำลังจะคาดเดาว่าหยุนเทียนมาทำไม หยุนเทียนสงสัยว่าท่านปรารถนาที่จะร่วมมือกับข้าในการเผชิญหน้ากับหยางยู่เทียนด้วยกันหรือไม่ ? “
ซาร์ ทิลอสเห็นด้วยกับข้าเสนอของหยุนเทียนโดยไม่คิดซ้ำสอง “ข้าปรารถนาอย่างยิ่ง ในตอนนี้ในวัตถุเซียน ทุก ๆ คนมีศัตรูเพียงหนึ่งเดียว และคนผู้นั้นคือหยางยู่เทียน ! ” ซาร์ ทิลอสต้องการให้หยุนเทียนเป็นประธานของสมาคมคนต่อไปมากกว่าที่จะเป็นหยางยู่เทียน แม้ว่าหยุนเทียนจะมีความสามารถที่เหมาะสม แต่เขาก็ยังไม่เป็นพิษภัยอะไรกับตระกูลซาร์ในเวลาอันสั้นนี้ อีกทั้งหยุนเทียนยังถูกควบคุมได้ง่ายกว่าจากตระกูลซาร์
เมื่อได้เห็นตระกูลซาร์เห็นด้วยโดยไม่อ้อมค้อม หยุนเทียนก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ว่าทั้งสองฝ่ายมีศัตรูร่วมกัน แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าใครเนื่องจากพลังของวัตถุเซียน แต่แค่การทำให้หยางยู่เทียนสูญเสียโอกาสในการสำเร็จระดับ 7 ก็เพียงพอแล้ว นี้เป็นเพราะว่า ครั้งต่อไปที่วัตถุเซียนจะทำงานก็ในอีก 50 ปีข้างหน้านี้ ในตอนนั้นหยุนเทียนคงได้เป็นประธานของสมาคมแล้ว
“ท่านผู้อาวุโสซาร์ ทิลอส ในการที่จะเผชิญหน้ากับหยางยู่เทียน หยุนเทียนได้เตรียมการต่าง ๆ ไว้มากมาย คุณหนูคารา ลี่เว่ยจากตระกูลคาราก็ตกลงที่จะร่วมช่วยด้วย ด้วยทั้งสามฝ่ายร่วมมือกัน ไม่ว่าหยางยู่เทียนจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเราแน่”
“หยุนเทียน เจ้านี่ช่างน่าประทับใจเสียจริงที่ดึงคารา ลี่เว่ยมาร่วมด้วยได้ ด้วยสิ่งนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่หยางยู่เทียนจะหนีไปได้แล้วหล่ะ” ในดวงตาของผู้อาวุโสฉายแววยินดี เขารู้สึกว่าภารกิจจากผู้อาวุโสสูงสุดกำลังจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นเรื่อย ๆ
“ในตอนนี้ มิติในวัตถุเซียนเพิ่งจะเปิดออก ยังมีเวลาเหลืออีกมากมาย ดังนั้นเราไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนอะไรในการเผชิญหน้ากับหยางยู่เทียน เราควรจะจัดการคนที่อยู่ที่นี่ก่อน เพื่อว่ามีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในตอนหน้าสิ่วหน้าขวาน…”
“มิตินี้นั้นกว้างใหญ่มาก บางทีอาจจะใหญ่กว่าพื้นที่ของอาณาจักรเกอซุนหลายเท่า” เจี้ยนเฉินบินไปในท้องฟ้าบนเมฆ ถอนหายใจในขณะที่เขามองไปที่พื้นดินด้านล่าง เขาบินมากว่า 50 กิโลเมตรแล้ว แต่ยังไม่เจอกับใครเลย
ทันใดนั้นสายตาของเจี้ยนเฉินก็เป็นประกาย “ในที่สุดข้าก็พบคนแล้ว มี 3 คน” เมฆขาวใต้ขาเจี้ยนเฉินเร่งความเร็วขึ้นและบินไปไกล
ในไม่ช้า ควันกลุ่มหนึ่งลอยปรากฏขึ้นข้างหน้าของเจี้ยนเฉิน มันเป็นกลุ่มเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 3 คนในชุดขาวที่กำลังนั่งอยู่รอบกองไฟและย่างสัตว์อสูรที่พวกเขาเพิ่งล่ามาได้
ร่างกายของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นไม่แข็งแกร่งเหมือนร่างกายของนักสู้มาโดยกำเนิดแม้แต่ระดับ 6 เมื่อพวกเขาขาดน้ำและอาหาร พวกเขาจะหิวกระหายเหมือนคนปกติทั่วไป ดังนั้นสิ่งแรกที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงต้องทำเมื่อเข้ามาในวัตถุเซียนตอนแรกก็คือ ไม่หาเรื่องไปสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่นเพื่อเอาคะแนน แต่ควรจะเตรียมอาหารในขณะที่พวกเขายังต้องการพลังงาน
การมาถึงของเจี้ยนเฉินถูกสังเกตได้จากคนทั้งสาม พวกเขาลุกขึ้นยืนจากท่านั่งขัดสมาธิทันทีและจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างระมัดระวัง
เจี้ยนเฉินลดระดับลงมาจากท้องฟ้าและลงไปที่พื้นตรงที่ซึ่งห่างจากเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งสามคนนั้นออกไปร้อยเมตร หลังจากนั้นเขาก็เริ่มก้าวเข้าไปที่คนกลุ่มนั้น “พวกเจ้าทั้งสามคนฉลาดมากที่มาย่างเนื้อตรงนี้”
นอกเหนือจากชายวัยกลางคนแล้ว ที่เหลืออีกสองคนเป็นชายชรา เมื่อได้ยินที่เจี้ยนเฉินกล่าว ชายวัยกลางคนก็หัวเราะคิกคัก “ถ้าไม่มีอาหาร เราจะมีชีวิตรอดไปได้ยังไงตั้ง 15 วัน ? เจ้าดูเหมือนจะตัวคนเดียว ทำไมไม่มาร่วมกับพวกเราล่ะ ? ถ้าเราเดินทางไปพร้อมกัน มันจะมีโอกาสมากกว่าที่พวกเราจะติดที่หนึ่งในสิบ” สายตาที่ชายคนนั้นมองไปที่เจี้ยนเฉินยังเต็มไปด้วยความหวาดระแวง สำหรับเขานั้น สิ่งที่น่ากลัวสำหรับพวกที่เดินทางคนเดียวก็คือ พวกนั้นจะแข็งแกร่งอย่างมาก และเป็นระดับ 3 อย่างน้อยในทักษะธาตุแสง
เจี้ยนเฉินส่ายหน้า “ข้าขอบคุณท่านมากในเจตนาอันดี แต่ข้าคุ้นเคยกับการเดินทางคนเดียว ดังนั้นข้าจะไม่ไปกับพวกท่านทั้งสาม” เจี้ยนเฉินหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “อีกทั้ง ความตั้งใจของข้าคือการเอาคะแนน พวกท่านต้องการที่จะให้ข้าเอามันมาเอง หรือพวกท่านจะมอบมันให้กับข้าด้วยตัวของพวกท่านเองแทนล่ะ?”
ท่าทีของคนทั้งสามเริ่มขุ่นมัว ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาทั้งสามก็มองถลึงตาอย่างไม่ลังเล พวกเขาใช้พลังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเพื่อควบรวมเป็นกระบี่พลังเซียนธาตุแสงยาว 1 เมตรตรงหน้าของพวกเขา และหันปลายดาบไปที่เจี้ยนเฉิน
“ถ้าเจ้าอยากได้คะแนนละก็ อย่าหาว่าพวกข้าไม่ปราณีเลยนะ” ชายชราพูดด้วยเสียงทุ้มและยิงกระบี่พลังเซียนธาตุแสงไปที่เจี้ยนเฉินทันที
ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งสองคนก็ไม่ลังเลที่จะยิงกระบี่ของพวกเขาไปที่เจี้ยนเฉินด้วยเช่นกัน
มุมปากของเจี้ยนเฉินบิดเบี้ยวไปด้วยความเย้ยหยัน เขายื่นมือออกมาและทำท่าทางอย่างนุ่มนวล พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ ตัวเขาก็เริ่มมารวมตัวกันรอบเขาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ในตอนนั้นเอง กระบี่พลังเซียนธาตุแสง 3 เล่มก็ได้ควบรวมขึ้นที่ด้านหน้าของเขา แต่ละเล่มเต็มไปด้วยพลังที่มหาศาล
ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ พวกเขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโดยธรรมชาติว่ากระบี่ทั้งสามเล่มที่ควบรวมโดยเจี้ยนเฉินนั้นแข็งแกร่งกว่าของพวกเขามาก อีกทั้งความเร็วในการรวบรวมพลังเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของเจี้ยนเฉินนั้นยังทำให้พวกเขานิ่งอึ้งไป
“ทักษะธาตุแสงของเขาถึงระดับ 4 แล้วเป็นอย่างน้อย ! ” ชายชราตะโกนออกมา ในขณะที่เขาทำท่าทางน่ากลัว ความสามารถในการต่อสู้ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นไม่เกี่ยวข้องกับระดับ เพราะว่าทักษะธาตุแสงนั้นวัดกันที่ระดับ ในขณะที่ทักษะเป็นวิธีเพียงอย่างเดียวที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะใช้ในการโจมตี เฉพาะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 เท่านั้นที่สามารถสำเร็จทักษะธาตุแสงระดับ 5 ได้ ซึ่งไม่ใช่อะไรที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 จะทำได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 สามารถไปถึงระดับที่ 4 ในทักษะธาตุแสงได้ เขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่หาได้ยากยิ่ง เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ส่วนมากนั้นสามารถไปถึงระดับ 2 – 3 ในทักษะธาตุแสงได้เท่านั้น ยังมีคนบางคนจำนวนน้อยจริง ๆ ที่มีความสามารถพื้น ๆ ในทักษะธาตุแสง และยังติดอยู่ในระดับ 1 เท่านั้น
“บ้าเอ้ย ทำไมเราถึงโชคร้ายแบบนี้ ! ? มันแค่วันแรกที่เราเข้ามาที่วัตถุเซียนเท่านั้นและเราก็เจอคนที่มีทักษะธาตุแสงในระดับ 4 แล้ว” ชายแก่อีกคนสบถออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธ
ตู้ม !
กระบี่พลังเซียนธาตุแสงทั้งหกที่กระทบกันส่งเสียงดังออกมาอย่างรุนแรง กระบี่พลังเซียนธาตุแสงที่สร้างมาจากคนทั้งสามนั้นแตกกระจายออกไปทันที และกลายเป็นลูกบอลพลังเซียนธาตุแสงก่อนที่จะหายไป พลังของกระบี่ทั้งสามของเจี้ยนเฉินไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย และยังคงมุ่งหน้าไปที่คนทั้งสามคนนั้น ในท้ายที่สุด กระบี่ก็ลอยพุ่งไปที่หน้าอกของพวกเขาภายใต้สายตาที่ตกใจของพวกเขา
ในตอนนี้เอง เสาแสงใหญ่ 3 เสา กว้างเสาละ 2 เมตรก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า และป้องกันกระบี่ที่จะโจมตีพวกเขาไว้ หลังจากนั้นมันก็หายไปพร้อมกับพวกเขาทั้งสามคน ทิ้งไว้เพียงบอลแสงขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ 3 ลูกที่ลอยอยู่กลางอากาศ
เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าคนพวกนั้นถูกพาออกไปจากพลังของวัตถุเซียนและถูกปลดออกจากการแข่งขัน พลังงานจากวัตถุเซียนจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อคนคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับความตาย ถ้าพวกเขาแค่ได้รับบาดเจ็บหรือเกิดบาดแผลใหญ่ มันก็จะไม่เพียงพอที่พลังงานจากวัตถุเซียนจะปรากฏขึ้น ดังนั้นถ้ามันปรากฏขึ้นมาแล้ว มันหมายความว่าคนผู้นั้นกำลังจะตาย
เจี้ยนเฉินส่ายหัวอย่างอ่อนโยน “แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่เทียบเท่ากับเซียนสวรรค์ แต่พวกเขาก็ไม่เคยต่อสู้กับคนอื่นมาก่อน พวกเขาไม่ตระหนักถึงอันตราย ด้วยร่างกายที่บอบบางของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้น สิ่งที่พวกเขาจะต้องทำอย่างแรกเมื่อเจอกับศัตรูไม่ใช่การโจมตี แต่เป็นการหาวิธีที่จะปกป้องตนเอง ไม่อย่างนั้น มันไม่จำเป็นต้องเป็นถึงเซียนสวรรค์หรอก แค่เซียนปฐพีหรือแม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษก็สามารถใช้การโจมตีที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตกับพวกนั้นได้” ในขณะที่เจี้ยนเฉินพึมพำกับตนเอง เขาก็ไปถึงข้างหน้าบอลแสง 3 ลูกขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เขาดึงจี้โบราณออกมาจากหน้าอกเสื้อของเขาและแตะมันอย่างนุ่มนวลไปที่แสงนั้น ทันใดนั้นมันก็หายเข้าไปในจี้หยก