ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 597 ไม่มีคนกล้าตอแย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ผนึกทะเลตะวันออกจะเสถียรได้จำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง หลังจากผนึกแข็งแรงดีแล้ว พวกเยี่ยนตี๋สามารถออกมาจากด้านในได้

ในฐานะคนที่ศึกษาค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายของโลกใบนี้ได้ล้ำลึกที่สุด เยี่ยนจ้าวเกอมีวิธีนำตัวพวกเยี่ยนตี๋ออกมาก่อน

แต่ว่าผลลัพธ์หลังจากทำเรื่องนี้ก็คือผนึกจะไม่เสถียร ปีศาจอัคคีอาจจะทำลายผนึกออกมาได้อีก

ก่อหน้านี้พวกเติ้งเซินจากสำนักแสงสว่างวางแผนเช่นนี้ไว้ แต่เพราะพวกเขามั่นใจว่าจัดการปีศาจอัคคีได้

ตอนนี้ยังไม่อาจใช้ตราประทับตะวัน เยี่ยนจ้าวเกอจึงต้องตัดสินใจอย่างระมัดระวัง

แต่ว่าเขาเข้าใจค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายมากกว่าคนทั่วไป จึงมีวิชีช่วยพวกเยี่ยนตี๋ทำให้ผนึกเสถียรและออกมาจากด้านในได้ก่อน

แต่ว่าวิธีที่่ว่ามีส่วนเกี่ยงข้องกับการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณใต้ดินของโลกแปดพิภพ จำเป็นต้องรอให้การเคลื่อนไหวใต้ดินเปลี่ยนแปลง รอคอยเวลามาถึงอย่างสงบ

ในระหว่างนี้ เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มพลังฝึกปรือของตัวเองอย่างสบายใจ ในขณะเดียวกันก็จัดระเบียบของวิเศษที่ได้มา ใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

หลังจากเวลาผ่านไป คนในเขากว่างเฉิงก็รู้สึกได้ว่าวังฝูงมังกรมีสภาวะพลังสายหนึ่งที่ยิ่งมายิ่งเหี้ยมหาญ ทำให้คนหวาดกลัว

ในวังที่มีแต่ปราณมังกร เยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกนั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน

เตาผลึกหินชั้นในตั้งอยู่ระหว่างทั้งสอง ในตอนนี้เตาผลึกหินชั้นในเงียบงัน แต่ว่ากลิ่นอายอันแข็งแกร่งสายหนึ่งเหมือนกำลังถูกหมักบ่มอยู่ด้านในอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลาผ่านไป สภาวะพลังอันน่ากลัวนั้นยิ่งมายิ่งดุดัน สั่นสะเทือนขวัญวิญญาณ

เตาผลึกหินชั้นในยังคงมั่นคงดุจภูเขา แต่กลับสร้างความแตกต่างและความเข้ากันที่ทำให้คนเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ

ในตอนนี้ปราณของมังกรในวังฝูงมังกรจับตัวกันเป็นของแข็ง กลายเป็นมังกรมากมายขดเลื้อยไม่หยุด ส่งเสียงคำรามไม่ขาดหู

ในวินาทีที่สภาวะพลังอันน่ากลัวด้านในเตาผลึกหินชั้นในค่อยๆ พุ่งสู่จุดสูงสุด เยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพลันต่อยหมัดออกพร้อมกัน

เจตจำนงหมัดอันยิ่งใหญ่รวมตัวกันและกระเพื่อมขึ้น ในที่สุดเตาผลึกหินชั้นในที่เก็บกดและหมักบ่มมาโดยตลอดก็สูญเสียความสงบ สั่นไหวอย่างสะเทือนเลือนลั่น ฝาเตาเปิดออก

มิติด้านในเตาเหมือนกับถูกขยายจนไร้สิ้นสุด หอกสีทองเล่มหนึ่งวางอยู่ด้านใน บนหอกมีลวดลายมังกรกระจายอยู่เหมือนกับเกล็ดมังกร

รอบๆ ตัวหอกมีกระดูกมังกรสมบูรณ์ที่แวววาวละลานตาเหมือนกับผลึกหิน

เกล็ดมังกรบนตัวหอกสยายออก หอกเหมือนกันกลายเป็นมังกรมีชีวิตตัวหนึ่ง คิดบินออกมาจากเตาผลึกหินชั้นใน แม้แต่โครงกระดูกมังกรโครงแล้วโครงเล่าที่ติดอยู่รอบๆ ก็เหมือนคืนชีพขึ้นมาเพื่อบินตามมันไป

ในวินาทีนี้ ภายใต้การเหนี่ยวนำของเยี่ยนจ้าวเกอ ลมปราณมังกรปริมาณมากในวังฝูงมังกรกลายเป็นมังกรยักษ์ พุ่งเข้าไปด้านในเตาผลึกหินชั้นในพร้อมกัน

ปราณมังกรจมลงเบื้องล่าง อุดหอกเล่มนั้นและโครงกระดูกมังกรที่อยู่ด้านในไว้ ทั้งสองฝ่ายรวมตัวกันในเตาผลึกหินชั้นใน

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกลุกขึ้นยืน สาวเท้ามาเบื้องหน้าเตาผลึกหินชั้นใน ยื่นสองมืออกปิดฝาเตา

เตาผลึกหินชั้นในสั่นไหวไม่หยุด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเดินอ้อมเตาผลึกหินชั้นใน ทุกครั้งที่ก้าวเท้าจะต่อยหมัดหนึ่งออก

เงาแสงของตัวคุนเผิงมากมายวนเวียนและพุ่งเข้าไปในเตาผลึกหินชั้นใน ทำให้การสั่นสะเทือนของเตาน่าตื่นตระหนกมากขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งตัวตรงอยู่ด้านข้าง สองมือยื่นออกไปด้านหน้า กลางฝ่ามือคล้ายกับมีภาพความโกลาหลกำเนิดขึ้น

หลังจากที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกต่อยหมัดออกหลายครั้ง ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็เปล่งประกาย ตวาดเสียงเบา “เปิด!”

เขากระตุ้นคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัด เติมเต็มส่วนที่ขาดหาย

ฝ่าเตาของเตาผลึกหินชั้นในเปิดออก ลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า ทะลุเพดานของวังฝูงมังกร แทงเข้าไปในหมู่เมฆ

ด้านในลำแสงสีทองเหมือนกับทะเลกว้างใหญ่ ตัวคุนเผิงและมังกรล่องลอยอยู่กลางทะเลแสง โลกเหมือนกลับสู่ยุคบรรพกาล กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และเปล่าเปลี่ยวไร้สิ้นสุดแผ่กระจายออกมา ด้านในแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล

ถ้าไม่ใช่เพราะร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสะกดไว้อย่างมั่นคง เตาผลึกหินชั้นในจะต้องแตกร้าวเพราะการสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน

เยี่ยนจ้าวเกอก้าวยาวๆ ไปด้านหน้า ยื่นมือเข้าไปในเตาผลึกหินชั้นใน จากนั้นก็หยิบหอกที่เปล่งประกายครึ่งทองครึ่งดำออกมา

หอกนั้นหนักอึ้งเหลือประมาณ เหมือนกับท้องฟ้า ท้องทะเล ความเก่าแก่ และความโดดเด่นล้วนหลอมรวมอยู่ด้านใน

และเป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอที่ฝึกฝนคัมภีร์พลิกฟ้า หากเป็นจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์คนอื่น อย่าว่าแต่ใช้หอกเล่มนี้เลย จะหยิบมันขึ้นมาได้หรือไม่ยังเป็นปัญหา

‘หอกมังกรมัจฉา เหอะ! ไม่เสียทีที่ใช้วัตถุดิบมากมาย’ เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างพอใจ ‘อาวุธนี้ต้องเป็นอาวุธที่โดดเด่นในหมู่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำอย่างแน่นอน’

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกรับหอกมังกรมัจฉาไว้ คมหอกสั่นไหว มิติเกิดการสั่นสะเทือนระลอกหนึ่ง ปลายหอกปรากฏหลุมดำขึ้นเลืองราง

พลังที่หนักอึ้งเหลือประมาณนั้นสั่นสะเทือนฟ้าดิน

กลิ่นอายของอาวุศักดิ์สิทธิ์พุ่งไปยังหมู่เมฆ ลำแสงด้านบนวังฝูงมังกรเริ่มเปล่งแสง สะท้อนเป็นสีทองและสีดำผสมกัน

เมื่อทั่วทั้งเขากว่างเฉิงมองภาพที่น่าทึ่งนี้ ทุกคนต่างรู้สึกลิงโลด ‘อาวุธศักดิ์สิทธิ์กำเนิดแล้ว!’

ในปัจจุบัน แค่เขากว่างเฉิงเคลื่อนไหวเล็กน้อยเหมือนลมพัดหญ้า ก็ดึงดูดความสนใจของขุมกำลังอื่น ขณะเห็นท้องฟ้าเหนือเขากว่างเฉิงส่องสว่าง พลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์สั่นไหวสี่ทิศ จิตใจของขุมกำลังอื่นก็อดครั่นคร้ามไม่ได้

เมื่อข่าวส่งมา ขุมกำลังระดับหนึ่งและระดับสองคิดอย่างไรยังไม่ต้องพูดถึง แดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามที่ยังเหลืออยู่ต่างมีอารมณ์ซับซ้อน

หอคลื่นโหมยังไม่จำเป็นต้องพูดถึง พยายามเตรียมตัวมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายสุดท้ายยังไม่อาจสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองได้

เขาไร้พรมแดนรู้ว่าขวานจามสวรรค์เสียหายไม่อาจฟื้นฟู จึงอดสะท้อนใจไม่ได้

ส่วนเมืองทะเลมรกตคิดถึงความลำบากยากเข็ญในตอนที่สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ กระบี่สัตยาทะเลมรกต จิตใจเกิดอารมณ์ความรู้สึกมากมาย

โดยเฉพาะเมื่อจอมยุทธ์เมืองทะเลมรกตคิดใคร่ครวญอีกครั้ง ในตอนนั้นที่สร้างกระบี่สัตยาทะเลมรกตสำเร็จ ยังมีคุณงามความดีของเยี่ยนจ้าวเกอยู่ด้วย อารมณ์จึงซับซ้อนกว่าเดิม

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บหอกมังกรมัจฉา เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อมต่อความคิดกับมัน สัมผัสกับหอกมังกรมัจฉา คล้ายกับมีความรู้สึกสายเลือดแผ่ขยาย หอกเป็นส่วนหนึ่งหนึ่งของตน เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระราวกับแขน

เยี่ยนจ้าวเกอคำนวณวันเวลา ห่างจากวันที่สร้างผนึกทะเละตะวันออกเกือบหนึ่งปีแล้ว

ตามปกติ ต้องใช้เวลาราวๆ สามปี ผนึกถึงจะเสถียร

กระนั้นสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ เวลาในตอนนี้สุกงอมแล้ว

หลังจากบอกกล่าวกับสำนัก ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกพร้อมกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

ระหว่างทาง เยี่ยนจ้าวเกอเร้นกายบนเมฆ คนอื่นไม่อาจพบร่องรอยของเขา

ทว่าระหว่างทางนั้น บางครั้งเขากลับได้ยินคำสนทนาของจอมยุทธ์คนอื่น

จนกระทั่งถึงตอนนี้ แปดพิภพค่อยๆ รับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ใหญ่ในใต้หล้า และตำแหน่งของเขากว่างเฉิงได้บ้างแล้ว

จอมยุทธ์พเนจรที่อาศัยอยู่ด้านนอกทะเลนับว่าเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ไร้กฎเกณฑ์ที่สุด พวกเขาถือทิฐิและอันตราย ไม่ยอมรับผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์ เพียงให้ความสำคัญกับพลัง ไม่สนใจเบื้องหลังของศัตรู หากเจออันตรายก็จะหลบเข้าไปในทะเลชั้นนอกหรือไม่ก็ท้องทะเลไร้สิ้นสุด

กระนั้นในปัจจุบัน ต่อให้จะเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับคนของหอคลื่นโหม เมืองทะเลมรต เขาไร้พรมแดน ก็ยังคงต่อสู้ด้วย ทว่าในตอนที่พบผู้สืบทอดของเขากว่างเฉิง มักจะเจียมเนื้อเจียมตัว หากหลบได้ก็หลบ

เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก มาถึงทะเลชั้นนอกทะเลตะวันออก ไกลออกไปมียอดเขาที่เปล่งแสงสีขาวลูกหนึ่งจมลงไปในมหาสมุทร กดทับก้นทะเลเอาไว้ มีเพียงยอดเขาที่โผล่พ้นทะเลออกมา

เหนือยอดเขามีตราอาคมขนาดยักษ์ที่กว้างใหญ่ไพศาลกำลังเปล่งแสงอันอ่อนโยน

เทียบกับในตอนที่เพิ่งสร้างผนึกขึ้นแล้ว ขนาดของยอดเขาและตราอาคมหดเล็กลงไม่น้อย ทว่าพลังที่อยู่ด้านในเกาะกลุ่มกันมากกว่าเดิม

ชายหนุ่มสั่งความคิด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง พลันมาถึงเบื้องหน้ายอดเขา