เมื่อไม่สามารถจับใครจากกองทัพราตรีได้ กองทัพรุ่ยหลินก็ทำได้แค่แอบสังเกตการเคลื่อนไหวของกองทัพราตรี เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็เข้าใจการกระทำของกองทัพราตรี
เป้าหมายหลักของกองทัพราตรีคือวิหารที่สร้างโดยเก้าอาราม แม้แต่พวกวิหารที่ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างก็ถูกพวกเขาทำลายในเวลาสองวัน ขณะที่กองทัพรุ่ยหลินคิดว่าพวกเขาพลาด ‘โอกาสทอง’ ที่จะได้พบกับกองทัพราตรีแล้ว กองทัพราตรีก็ดำเนินแผนการขั้นต่อไป
กองทัพราตรีได้เปลี่ยนเป้าหมายแล้ว พวกเขาเริ่มโจมตีไปที่สาขาต่างๆของเก้าอาราม เลือดไหลนองเป็นสายน้ำ และสิ่งที่แปลกที่สุดก็คือคนที่ตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของกองทัพราตรีส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณสีทองจากอาณาจักรบน ส่วนที่เหลือคือพวกสุนัขทรยศที่แปรพักตร์ไปเป็นขี้ข้าของอาณาจักรบน
คนที่รอดชีวิตจากการสังหารนองเลือดคือศิษย์ของเก้าอารามที่ถูกบังคับให้เชื่อฟังอาณาจักรบน พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักคน
การปฏิบัติที่ชัดเจนนี้ แม้แต่คนธรรมดาก็มองออก
กองทัพราตรีกำลังกวาดล้างทุกคนที่มาจากอาณาจักรบน!
กองทัพรุ่ยหลินแอบปรบมือให้พวกเขา ขณะที่พยายามตามร่องรอยของกองทัพราตรี สิ่งที่พวกเขาต้องการมีแค่หาโอกาสคุยกับคนของกองทัพราตรีเพื่อตรวจสอบว่าคุณหนูของพวกเขาอยู่ที่ไหน
การเล่นไล่จับนี้ดำเนินอยู่ประมาณครึ่งเดือน
จนกระทั่งกองทัพรุ่ยหลินกลุ่มหนึ่งที่ปักหลักอยู่ที่สาขาหนึ่งของเก้าอารามคว้าโอกาสเอาไว้ได้ เมื่อกองทัพราตรีทำการสังหารนองเลือด ระหว่างการสังหารหมู่นั้น คนของกองทัพรุ่ยหลินได้วิ่งเข้าไปหากองทัพราตรีอย่างตื่นเต้น
หลังจากทำลายสาขานี้ของเก้าอารามแล้ว มือของพวกเขายังคงเปื้อนเลือดสดๆ ขณะที่กำลังเตรียมที่จะจากไป พวกเขาก็เห็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่อยู่ชุดเกราะเบาแบบเดียวกันพุ่งเข้าหาพวกเขาพร้อมรอยยิ้มดีใจ ภาพนี้ทำให้เหล่านักฆ่าเลือดเย็นจากกองทัพราตรีตะลึงงันไปชั่วขณะ
คนพวกนี้……โผล่มาจากที่ไหนกัน?
สมองของพวกเขามีปัญหารึเปล่า? ไม่เห็นหรือว่าพวกเขาเพิ่งฆ่าคนไป? ทำไมถึงได้ยิ้มดีใจขนาดนั้น?
รอยยิ้มนั้นทำให้คนของกองทัพราตรีพากันขนลุก พวกเขามองดูคนของกองทัพรุ่ยหลินที่วิ่งยิ้มแป้นเข้ามา แล้วยกดาบในมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“หยุด” เสียงเย็นชาดังขึ้นจากในกองทัพราตรี คนของกองทัพราตรีเก็บดาบเข้าฝักทันทีและยืนตัวตรง
เย่ฉาก้าวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะมองกลุ่มคนจากกองทัพรุ่ยหลินที่วิ่งเข้ามาหา
“พี่ชายเย่ฉา! ท่านคือพี่ชายเย่ฉา! พวกเราเคยเจอกันที่อาณาจักรล่างไง ข้าคือทหารกองหน้าของกองทัพรุ่ยหลิน!” เฝ้าตามอยู่นานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็มีโอกาสติดต่อกับกองทัพราตรี ทหารคนนั้นจึงแทบจะร้องไห้ออกมา
เย่ฉาไม่พูดอะไร แค่มองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา
“พี่ชายเย่ฉา พวกเราไม่ได้มีเจตนาอื่น แค่อยากถามว่าคุณหนู……นางสบายดีไหม?” ทหารกองหน้าคนนั้นระงับความตื่นเต้นในใจและมองไปที่เย่ฉาอย่างคาดหวัง
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ทุกคนในกองทัพรุ่ยหลินต่างเป็นห่วงความปลอดภัยของจวินอู๋เสียมากที่สุด พวกเขาเต็มใจที่จะอยู่ในอาณาจักรกลางด้วยความหวังว่า วันหนึ่งพวกเขาจะได้ต้อนรับจวินอู๋เสียและพานางกลับบ้าน
เย่ฉามองหน้าคนของกองทัพรุ่ยหลินที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แล้วทันใดนั้น เขาก็หลุบตาลง หันหลังกลับ และพูดกับคนของกองทัพราตรีว่า “ไปจุดหมายต่อไป”
หลังจากนั้น เขาก็ไม่ได้มองกลับไปและจากไปพร้อมกองทัพราตรี
ทุกคนในกองทัพรุ่ยหลินกระวนกระวายใจอย่างที่สุด แต่พวกเขาไม่สามารถไล่ตามกองทัพราตรีได้ทัน ทำได้แค่มองดูพวกเขาไกลออกไปเรื่อยๆ
ทุกคนต่างยืนนิ่งงันอยู่กับที่
เย่ฉาไม่กล้ามองกลับไป ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ
คุณหนู นางไม่ได้สบายดี ไม่สบายดีเลยสักนิด แต่นางไม่อยากให้พวกเจ้ารู้