อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 829 ฐานะต้อยต่ำ
กู้ชูหน่วนสบตากับเสี่ยวลู่ที่หนึ่ง

เผ่าเทียนเฟิ่นมีระดับเจ็ดอยู่ตามคาด

ดูท่าการจะกำจัดเผ่าเทียนเฟิ่นอาจลำบากกว่าที่คิดไว้บ้างแล้ว

“แล้วพวกเจ้าได้ยินมาหรือยัง รองหัวหน้าเผ่าซือคงได้หญิงงามกลับมาอยู่ยาวด้วยคนหนึ่ง เห็นว่าจะตบแต่งกับนางผู้นั้นด้วย”

“อะไรนะ…รองหัวหน้าเผ่าซือคงชอบฮองเฮาแคว้นฉู่ไม่ใช่หรือ? ตั้งแต่พระนางฆ่าตัวตายอารมณ์ท่านรองหัวหน้าเผ่าก็เปลี่ยน ไม่เพียงแต่กลัดกลุ้มใจ แถมยังกระหายเลือดโหดเหี้ยมอีก คนในเผ่าเราตายด้วยน้ำมือเขาตั้งหลายคนแล้ว”

“ชู่ เจ้าไม่อยากอยู่ต่อแล้วหรือ พูดเสียงดังขนาดนี้ ท่านหัวหน้าเผ่าไม่อยู่ สุดยอดผู้อาวุโสหลายท่านก็ดับอนาถอยู่ที่เผ่าหยก ตอนนี้เผ่าเทียนเฟิ่นตกอยู่ในมือของท่านรองหัวหน้าเผ่ากับผู้อาวุโสฝ่ายของเขา ถ้าถูกคนที่มีใจคิดกลั่นแกล้งได้ยินแล้วไปบอกท่านรองหัวหน้าเผ่า ข้าว่าชีวิตน้อยๆ ของเจ้าต้องไม่เหลือแน่”

“ใช่ๆๆ ข้าลืมไปได้อย่างไร ดีที่เจ้าเตือน”

คนที่กล่าวหันซ้ายแลขวา แล้วจึงกดเสียงต่ำเอ่ย “ใครก็รู้ว่าท่านรองหัวหน้าเผ่ามีใจรักมั่นกับฮองเฮาแคว้นฉู่ ก่อนหน้านี้ยังถึงขั้นผิดต่อกฎของเผ่า ลักพาตัวพระนางมาที่นี่ การตายของพระนางคราวนี้ส่งผลกับเขามาก ตามหลักเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชอบผู้หญิงคนไหนอีก แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ ผู้หญิงที่เพิ่งมาคนนั้นหน้าตาเหมือนฮองเฮาแคว้นฉู่เปี๊ยบ”

“เหมือนเปี๊ยบ? จะเป็นไปได้อย่างไร…นอกเสียจากเป็นพี่น้องฝาแฝด”

“เจ้าเดาได้ถูกต้อง ท่านรองหัวหน้าเผ่าส่งคนไปสืบมาแล้ว พวกนางเป็นพี่น้องฝาแฝดกันจริงๆ แต่พลัดพรากจากกันแต่เล็ก ด้วยเหตุนี้ฮองเฮาแคว้นฉู่จึงไม่รู้ว่าตัวเองยังมีน้องสาวฝาแฝดอีกคน”

“นี่จะน้ำเน่าไปแล้วกระมัง คงมิใช่มีคนแปลงโฉมจงใจทำให้ท่านรองหัวหน้าเผ่าลุ่มหลงกระมัง”

“ท่านรองหัวหน้าเผ่าก็เคยสงสัยเหมือนกัน จึงส่งคนมากมายไปตรวจสอบให้แน่ชัด แต่ผลที่ได้จากการตรวจสอบก็ถูกต้องทั้งหมด ตอนที่พวกนางยังเด็กเกิดภัยพิบัติก็เลยพลัดพรากจากกัน ฐานะผู้หญิงที่มาใหม่นี่สะอาดหมดจด ไม่มีปัญหาแน่นอน”

“มิน่าล่ะช่วงนี้ท่านรองหัวหน้าเผ่าถึงเอาแต่อยู่ในตำหนักนอนไม่ยอมออกมา ที่แท้ก็ซ่อนหญิงงามอยู่ในหอทองคำนี่เอง”

“ก็นั่นนะสิ นางผู้นั้นไม่เพียงหน้าตาเหมือนฮองเฮาแคว้นฉู่ แม้แต่อากัปกิริยาก็ยังเหมือนกันราวกับแกะ ท่านรองหัวหน้าเผ่าไม่หวั่นไหวก็แปลกแล้ว น่ากลัวว่าจะเทความรักมาให้นางผู้นี้จนหมดสิ้นแล้ว”

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์

ครั้นผู้ดูแลผ่านมาแล้วได้ยินการสนทนาของพวกเขาก็อดตวาดไม่ได้ “แต่ละคนปากยาวกันนัก จะบีบให้ข้าต้องไปรายงานใช่หรือไม่”

“อย่าๆๆ พวกเราจะไม่พูดมากกันอีกแล้วขอรับ ท่านอภัยให้พวกเราสักครั้งเถิด”

“ยังไม่รีบไปทำงานอีก หากยังกล้าอู้งาน ระวังข้าเจอแล้วจะไปรายงานเล่า”

“ขอรับๆๆ”

หลังจากกู้ชูหน่วนและเสี่ยวลู่ขนย้ายผักแล้วก็เดินเขยกจากไปเช่นกัน

ทว่าผู้ดูแลกลับเรียกหยุดพวกนาง

“เจ้า ยกอาหารพวกนี้ไปให้หัวหน้าเผ่าน้อย ส่วนเจ้า ผ่าฟืนพวกนั้นเสีย ต่อไปเผ่าเทียนเฟิ่นจะมีนายเพิ่มอีกคนแล้ว ท่านรองหัวหน้าเผ่าสั่งมาแล้ว อาหารของแม่นางเฉินต้องทำแยกเป็นพิเศษ แต่ละจานต้องประณีตบรรจง จะสะเพร่าไม่ได้เป็นอันขาด คนในครัวไม่พอ พวกเจ้าก็อยู่ช่วยงานก่อนแล้วกัน”

กู้ชูหน่วนกวาดตามองอาหารที่ผู้ดูแลชี้ อาหารแต่ละอย่างล้วนสดใหม่ยิ่ง อีกทั้งแต่ละอย่างยังเป็นอาหารล้ำค่าที่ยากจะพบพานในโลกหล้า

แล้วดูอาหารของเวินเส้าหยี

มีเพียงข้าวต้มหนึ่งถ้วย เต้าหู้และผักอย่างละจาน เรียบง่ายกระทั่งเนื้อสักชิ้นก็ยังไม่มี

กู้ชูหน่วนนึกว่าตัวเองเข้าใจผิด จึงชี้ชุดที่อยู่ตรงหน้าตนแล้วชี้วัตถุดิบอาหารที่อยู่ข้างเสี่ยวลู่เหล่านั้น

ผู้ดูแลตอบด้วยความหงุดหงิด “ไอ้ขยะที่ถูกเลาะกระดูกสะบักคู่ควรกับอาหารดีเท่าไหนกัน มีเท่านี้ก็ดีหนักหนาแล้ว เจ้าไปส่งอาหารเสร็จก็รีบกลับมาทันที ฟืนในห้องครัวยังรอให้พวกเจ้าผ่า”

ความเดือดดาลในใจกู้ชูหน่วนปุดๆ ขึ้นเล็กน้อย

นี่ก็คือพยัคฆ์ลงสู่พื้นราบถูกสุนัขรังแกหรือ?

เป็นถึงหัวหน้าเผ่าน้อยยังสู้ผู้หญิงแปลกหน้าที่เพิ่งมาใหม่ไม่ได้เลย