บทที่ 2072 – ดิ้นรนเอาชีวิตมาเสี่ยง? คิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไป
การโจมตีที่เกิดขึ้นทำให้ฮัวหยุนบาดเจ็บสาหัส ถ้าหากชิงสุ่ยต้องการจบชีวิตพวกเขา ชิงสุ่ยสามารถทำมันได้ภายในเสี้ยววินาที อย่างไรก็ตามเขาเองก็ไม่อยากจะทำเช่นนั้น เขาไม่อยากจะกลายเป็นชนวนสงครามกับอาศรมเพลิง มันไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจ และอีกไม่นานเขาก็จะจากดินแดนฟ้าอุดร
ชิงสุ่ยไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ในดินแดนฟ้าอุดรไปตลอดกาล ตัวเขาเองก็เชื่อเรื่องกรรม ถ้าหากหว่านเมล็ดพันธุ์เอาไว้ในวันนี้ ในวันหน้า เมล็ดพันธุ์จะหวนกลับมา ความคุณธรรมย่อมส่งผล ความแค้นย่อมคืนสนอง
ชิงสุ่ยจ้องมองฮัวเล่ยหลังจากที่เขาเอาชนะฮัวหยุน “ดูเหมือนว่า เจ้าอย่าลืมสิ่งที่ข้าพูดเอาไว้เมื่อวันก่อน”
ฮัวเล่ยขาสั้นเมื่อกลับมาเชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด ฮัวหยุนคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มรุ่นเยาว์อาศรมเพลิง ในขณะที่สัตว์ประหลาดตรงหน้าของเขาก็ดูยังเด็กมาก แต่กลับสามารถเอาชนะฮัวหยุนได้ด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียว ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์ก็ไม่สามารถเอาชนะฮัวหยุนได้ภายในกระบวนท่าเดียว
นี่ก็พอจะบอกได้แล้วว่ามันน่ากลัวเพียงใด ในขณะที่ฮัวหยุนฟื้นสติ เขาก็ต้องมองชิงสุ่ยด้วยความตื่นตระหนก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความขลาดกลัวแต่ก็พยายามฝืนยิ้ม “สายตาของข้าพล่ามัว พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ ข้าหวังว่าเจ้าจะใจกว้าง”
ชิงสุ่ยไม่คิดว่าชายคนนี้จะสามารถเปลี่ยนนิสัยหน้ามือเป็นหลังมือได้ภายในชั่วพริบตา
“พวกเจ้าทุกคนต้องตบหน้าตัวเอง 2 ครั้งก่อนจะไป แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้นได้ แต่หากเลือกไม่ทำ ข้าก็ไม่รับประกันความปลอดภัยชีวิตของพวกเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ฮัวเล่ยขมวดคิ้ว “พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ทำไมถึงบีบบังคับให้พวกเราต้องอยู่ในจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีก?”
“เพราะว่าพวกเจ้าคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่น พวกเจ้าจึงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากพวกเจ้าแข็งแกร่ง พวกเจ้าก็คงจะฆ่าข้าได้โดยง่าย ตัวข้าไม่เคยคิดลงมือสังหารผู้บริสุทธิ์ และข้าก็ไม่เคยลังเลที่จะทำลายวรยุทธของคนที่เกลียดชังข้า การทำให้พวกเจ้าพิการ ก็เธอเป็นผลกรรมที่พวกเจ้าควรได้รับ ตอนนี้ทางเลือกของพวกเจ้าคือ ตบหน้าตัวเอง หรือไม่ก็บีบบังคับให้ข้าทำลายวรยุทธของพวกเจ้า แล้วอย่ามาโทษข้า ถ้าหากอสูรที่อยู่แถวนี้ออกมาเล่นงานพวกเจ้า”
หนึ่ง!!
ทันทีที่เขากล่าวจบ ชิงสุ่ยก็เริ่มนับ สีหน้าการแสดงออกของเหล่าคนจากอาศรมเพลิงเปลี่ยนเป็นวิตก โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ชอบเล่นการพนัน แต่ก็มีไม่กี่คนที่กล้าเสี่ยงโชคด้วยชีวิตของตนเองภายใต้สถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้ แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ต้องการบีบบังคับให้พวกเขาตาย แต่เขาก็มั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าเสี่ยง
สอง
เพี๊ยะ เพี๊ยะ!!
แต่ละคน ตบหน้าเสียงดังลั่น ยกเว้นเพียงแค่ชายวัยกลางคนสองคนที่อยู่ด้านข้างฮัวหยุนซึ่งกำลังเหลือบมองชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยไม่แปลกใจ เพราะชาย 2 คนนั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้พวกเขาจะไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะชายหนุ่มคนนี้ได้ แต่พวกเขาก็คงไม่ยอมถูกข่มขู่
สาม!!
ชิงสุ่ยหันไปมองชายวัยกลางคน 2 คนที่เหลือทันทีที่นับจบ “เอาล่ะ เนื่องจาก พวกเจ้าได้เลือกแล้วจงไปซะ ส่วนอีก 2 คนที่เหลือจงอยู่ต่อ “
ฮัวเล่ยตกอยู่ไหนสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม การจะจากไปโดยทิ้งพวกพ้องเอาไว้ มันก็ดูไม่ใช่เรื่องดี
“ถ้าหากเจ้าไม่ไป เจ้าจะต้องต่อรองกับข้าอีกครั้งหลังจากที่ค่าจัดการพวกมันจะสิ้น อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ แต่ถ้าหากพวกเจ้าอยากจะลองเชื่อใจคนของเจ้าทั้งสองคนนั้นก็ลองดู”
มันช่างเป็นเรื่องตลก พวกเขาที่ยอมตบหน้าตัวเองแต่ยังศรัทธาในชายทั้งสองคนอีกหรือ? ถ้ามันเป็นเช่นนั้นการตบหน้าตัวเองคงจะเสียเปล่า คนอื่นจึงพากันหลบหนีอย่างรวดเร็ว
ชายวัยกลางคนทั้งสองไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ไม่แปลกใจเลยที่นายน้อยหนุ่มแห่งอาศรมเพลิงจะปฏิบัติเช่นนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก
ชิงสุ่ยกำลังจะเข้าไปหาชายทั้งสองคน แต่พวกเขารุกเข้าหาชิงสุ่ยก่อนโดยไม่ต้องพูดต้องจา ทั้งสองถือกระบี่ยาว เข้าท้าทายชิงสุ่ย
ก้าวพสุธาเอราวัณ ภาพเงาเกิดขึ้นที่ฝ่าเท้าของชิงสุ่ย
ในมือของเขาปรากฏให้เห็นเป็นง้าวทองทะลวงศัตรู ก่อนจะกระแทกออกไปด้วยคลื่นพลังมหาศาล
การโจมตีของชิงสุ่ยมันทำให้ชายวัยกลางคนทั้งสองคนรู้สึกเหมือนภูเขายักษ์ถล่มลงมาจากบนฟ้า
ปังงงง!!
ง้าวทองทะลวงศัตรู ฟาดฟันเข้ากับกระบี่เพลิงทั้ง 2 เล่มอย่างจัง แรงสะท้อนมันทำให้ขาของพวกเขาถึงกับสั่นคลอน
เมื่อเทียบกับระดับพลังของคนตระกูลอวี้จากเมืองรุ้งคราม พวกเขาเทียบกับชายวัยกลางคนสองคนนี้ไม่ได้เลย เพียงแค่ข้ารับใช้ของอาศรมเพลิงก็มีระดับพลังสูงส่ง ดูเหมือนว่าอาศรมเพลิงจะมีพลังมากมายแข็งแกร่งตามคำร่ำลือ
ชิงสุ่ยยังไม่ได้ใช้ปราณจักรพรรดิ ทักษะล่าสังหาร หรือแม้กระทั่งเนตรสวรรค์ เขาใช้เพียงแค่ง้าวทองทะลวงศัตรูเขาหันกลับคู่ต่อสู้
ทุกครั้งที่ร่างกายพัฒนา กระดูกของชิงสุ่ยก็ยิ่งแข็งแกร่ง หลังจากบรรลุดินแดนเต๋าแห่งสวรรค์ เขาจำเป็นต้องทดสอบพลังและปรับความเสถียร ชาย 2 คนที่อยู่ตรงหน้าก็เหมาะจะเป็นอาสาสมัครในการปรับเปลี่ยนพลังของเขา น่าเสียดายที่พลังของพวกเขาอ่อนแอ ชิงสุ่ยจึงจำเป็นต้องใช้เพียงแค่กำลังกายอย่างเดียวในการตอบโต้ศัตรู เพื่อให้เขาสามารถรักษาความเสถียรร่างกายได้
ยิ่งการต่อสู้ดำเนินนานมากเท่าไหร่ ร่างกายของเขาก็เริ่มคุ้นชินกับโครงกระดูกที่ถูกปรับแต่ง
ในทางกลับกัน ชายวัยกลางคนทั้งสองคน ยิ่งแสดงสีหน้าตกใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มคนนี้สามารถต่อกรกับพวกเขาทั้งสองคนในเวลาเดียวกันได้อย่างไร มันเหมือนกับว่า ชายที่อยู่ตรงหน้ามีพลังที่ไร้ขีดสุด
ปังงง!!
กระบี่เพลิงแหลกสลาย ง้าวทองถ้าดวงศัตรูของชิงสุ่ยตัดผ่ากระบี่เพลิง ฟันเข้าไปที่ไหล่ข้างซ้ายของชายวัยกลางคนคนนึง ส่งผลให้เขากลายเป็นคนพิการทันที