ตอนที่ 1321 การทดสอบพลังงานขั้นสูง (2) โดย Ink Stone_Fantasy
ณ พื้นที่ห่างออกไป 15 กิโลเมตร
แท่นที่ประกอบขึ้นมาจากเหล็กกล้าตั้งอยู่ทางทุ่งหิมะที่ขาวโพลน มองดูแล้วไม่เหมือนกับสิ่งก่อสร้างในยุคสมัยนี้เลย โครงสร้างเปิดโล่งที่ดูประณีต สายเคเบิลและคานเหล็กมีที่มีน้ำแข็งจับตัวห้อยลงมา แล้วก็ลวดเหล็กที่ล้อมเป็นชั้นๆ ดูแล้วเผยให้เห็นถึงความงดงามของอุตสาหกรรม
คนหลายร้อยคนต่างกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมตัวก่อนจุดระเบิด
เนื่องจากน้ำหนักของอุปกรณ์ต่างๆ รวมกันแล้วเกือบสิบตัน อีกทั้งฮัมมิงเบิร์ดก็ไปที่แนวหน้าของสนามรบ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถทำการประกอบอุปกรณ์ต่างๆ ขึ้นที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้ พวกเขาจึงต้องขนเอาชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบขึ้นที่ลานทดสอบระเบิด
โชคดีที่โครงสร้างของมันเรียบง่ายอย่างมาก บวกกับตอนที่ออกแบบมีการคิดถึงเรื่องการขนส่งเอาไว้ด้วย ด้วยเหตุนี้ความต้องการในเรื่องฝีมือของคนงานจึงมีไม่สูงนัก
และนี่ก็เป็นจุดที่ ‘แสงแห่งอาทิตย์’ แตกต่างจากอาวุธอื่นๆ ถึงแม้จะเตรียมสถานที่และอุปกรณ์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาอีกวันสองวันในการเตรียมขั้นตอนสุดท้าย
เวลานี้โรแลนด์กับอันนากำลังยืนอยู่สั่งการเรื่องงานประกอบอุปกรณ์อยู่บนแท่น
“ต่อไปก็เป็นชิ้นส่วนแกนหมายเลข 3 คอยดูทิศทางของขั้วต่อเอาไว้ ระวังอย่าให้กระแทกกัน!”
“ทุกคนฟังสัญญาณจากข้า! 3 2 1!”
สิ้นเสียงสัญญาณจากหัวหน้าคนงาน เสาทรงกลมที่ขาวเงินแท่งหนึ่งก็ค่อยๆ ถูกดันเข้าไปในอุปกรณ์
จนกระทั่งขั้นตอนนี้เสร็จเรียบร้อย โรแลนด์ถึงได้รู้สึกโล่งใจ
สิ่งที่บรรจุอยู่ในเสาทรงกลมก็คือแหล่งพลังงานหลักที่ใช้ในการทดสอบระเบิดครั้งนี้ ยูเรเนียม 235 สองก้อนแยกบรรจุ โดยแต่ละก้อนมีมวล 20 กิโลกรัม ในตอนที่ทั้งสองรวมเข้าด้วยกันจะทำให้มวลรวม 40 กิโลกรัม ตัวเลขนี้ต่ำกว่าขีดจำกัดค่าวิกฤติ 53 กิโลกรัม ตามหลักแล้วจะไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาฟิชชันที่รุนแรง แต่มันก็เหมือนกับที่เขาได้พูดไปก่อนหน้านี้ ค่าวิกฤติไม่ใช่ตัวเลขที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เงื่อนไขต่างๆ ทั้งรูปร่าง อุณหภูมิ ความดันล้วนแต่ทำให้ค่าตรงนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ ‘อาวุธนิวเคลียร์’ ที่อาศัยข้อมูลเพียงอย่างเดียวนั้นแทบจะไม่มีคุณค่าในการใช้งานจริง อย่างเช่นยูเรเนียมทรงกลมน้ำหนัก 52 กิโลกรัมนั้นดูเหมือนจะมีความเสถียร แต่ความจริงแล้วมันเหมือนเป็นภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด ถึงแม้จะถูกกระทบหรือสั่นสะเทือนเพียงนิดเดียวก็อาจจะทำให้มันเลยค่าวิกฤติได้
แต่ก็แบบเดียวกัน ถึงแม้การใช้ยูเรเนียมขนาดเล็กหลายๆ ก้อนจะมีความปลอดภัย แต่มันก็ทำให้ความยากในการจุดระเบิดเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่าตัว ในเสี้ยววินาทีที่ยูเรเนียมหลายๆ ก้อนรวมเป็นหนึ่งเดียว จริงอยู่ที่การรวมเป็นหนึ่งเดียวจะทำให้เลยค่าวิกฤติได้ แต่อุณหภูมิสูงที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาฟิชชันจะทำให้ยูเรเนียมขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นการลดความหนาแน่นของมันลงในทางอ้อม ซึ่งการระเบิดที่รุนแรงจะผลักวัตถุดิบให้กระเด็นออกไปจนทำให้ปฏิกิริยาหยุดลง
สรุปแล้วก็คือการจะทำให้ได้โครงแบบที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะต้องทำให้ธาตุยูเรเนียมถึงค่าวิกฤติเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้มันรักษาสภาพนั้นให้ได้นานที่สุดด้วย มันถึงจะแสดงอานุภาพของปฏิกิริยาฟิชชันอย่างที่ควรจะมีออกมาได้
สาเหตุที่การจัดเรียงแบบกระบอกปืนถูกเรียกว่าการจัดเรียงแบบกระบอกปืนนั้นเป็นเพราะหลักการของมันคล้ายกับปืนโบราณอย่างมาก เมื่อระเบิดถูกจุด ยูเรเนียมก้อนหนึ่งจะพุ่งเข้าไปหายูเรเนียมอีกก้อนหนึ่ง ภายใต้แรงดันมหาศาล ความหนาแน่นของยูเรเนียมจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อให้มีมวลที่ต่ำ มันก็สามารถก้าวข้ามค่าวิกฤติได้
ในตอนที่เปลือกนอกของอุปกรณ์ถูกประกบปิดเข้าไป อันนาก็เสียบกระป๋องที่มีป้ายคำเตือนสารกัมมันตรังสีปิดเอาไว้เข้าไปในช่องด้านท้ายของอุปกรณ์
และนี่ก็เป็นชิ้นส่วนสำคัญสุดท้ายของการทดสอบระเบิด
พริบตานั้นเอง โรแลนด์พลันรู้สึกเหมือนบนใบหน้าถูกอะไรมามัดเอาไว้ แม้แต่ลมหายใจก็หยุดไปชั่วขณะ
‘แหล่งกำเนิดนิวตรอนโพโลเนียม – แบริลเลียม’
ก็เหมือนกับชื่อของมัน มันสามารถผลิตนิวตรอนอิสระจำนวนมหาศาลให้กับปฏิกิริยาฟิชชันได้ แล้วก็เป็นวิธีที่ช่วยลดค่าวิกฤติได้ง่ายที่สุด ในภาชนะโลหะที่รูปทรงเหมือนกระป๋องน้ำอัดลมมีวัตถุทรงกลมที่ด้านในกลวงอยู่แถวหนึ่ง ขนาดของวัตถุทรงกลมแต่ละลูกมีขนาดประมาณลูกปิงปอง ด้านในวัตถุทรงกลมเหล่านั้นมีโพโลเนียมทรงกลมขนาดประมาณลูกแก้วอยู่ลูกหนึ่ง โดยมันถูกแผ่นฟอยล์ห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนา ส่วนรอบๆ ลูกโพโลเนียมก็มีแผ่นแบริลเลียมที่มีลักษณะเป็นเหมือนรังผึ้งล้อมเอาไว้
ในตอนที่ยูเรเนียมทั้งสองส่วนปะทะกัน มันจะกระแทกให้กระป๋องเล็กๆ ที่อยู่ตรงด้านล่างของ ‘ลำกล้องปืน’ แตกละเอียดด้วย วัตถุทรงกลมทั้งหมดจะถูกแรงละเบิดอันรุนแรรงบีบอัดจนมีบางเสียยิ่งกว่ากระดาษ และเมื่อแผ่นฟอยล์ถูกฉีกขาด แผ่นแบริลเลียมก็จะสัมผัสเข้ากับลูกโพโลเนียม แล้วก็ปล่อยอนุภาคอัลฟ่าออกมา ซึ่งมันจะไปกระตุ้นให้เกิดการปล่อยนิวตรอนออกมาเป็นจำนวนมาก
โดยนิวตรอนเหล่านี้มันจะเข้าไปอยู่ในปฏิกิริยาฟิชชันของยูเรเนียม 235 และถ้าโชคดีล่ะก็ มันก็จะสามารถเผาผลาญวัตถุดิบเพิ่มขึ้นอีก 20 – 30% ก่อนที่ปฏิกิริยาจะหยุดลง แล้วก็จะทำให้อานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์รุนแรงขึ้น
เนื่องจากครึ่งชีวิตของโพโลเนียม 210 นั้นมีแค่ 138 วัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการออกแบบช่องสำหรับเปลี่ยนเอาไว้ นอกจากนี้การเก็บแหล่งกำเนิดนิวตรอนเอาไว้ในอาวุธยังเป็นวิธีที่อันตรายอย่างมากด้วย เพราะขอเพียงโพโลเนียมกับแบริลเรียมสัมผัสกัน มันก็จะปล่อยนิวตรอนออกมาโดยอัตโนมัติ ทันทีที่แผ่นฟอยล์เกิดความเสียหาย ผลลัพธ์ที่ตามมาถึงแม้ไม่พูดก็คงนึกภาพออก
หลังเอาแหล่งกำเนิดนิวตรอนโพโลเนียม – แบริลเลียมใส่เข้าไปในอุปกรณ์แล้ว มันก็จะเปลี่ยนจากวัตถุที่ไม่มีพิษมีภัย กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่พร้อมจะกลืนกินมนุษย์ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ได้ตลอดเวลา
ถึงแม้โรแลนด์จะรู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันเป็นการคิดไปเอง เพราะมนุษย์ไม่มีทางที่จะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจำนวนนิวตรอนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ แต่ลมหายใจของเขาก็ยังผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิม
เมื่อมาถึงตอนนี้ ในที่สุดอุปกรณ์ต้นแบบก็ถือได้ว่าเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย
อันนาจับมือของเขาเอาไว้
“สั่งการเถอะเพคะ”
โรแลนด์มองดูดวงตาที่นิ่งสงบและมั่นคงของอีกฝ่าย ก่อนจะพยักหน้าออกมาเบาๆ
ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ในที่สุดโปรเจคแสงแห่งอาทิตย์ก็ดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว
และหลังจากก้าวผ่านจุดนี้ไปแล้ว มนุษย์ก็มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งใหม่
เขามองไปทางองครักษ์ฌอน “ถ่ายทอดคำสั่งข้าไป แจ้งทางศูนย์บัญชาการให้นับถอยจุดระเบิด 6 ชั่วโมง!”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
‘6.00’
“อูววว…..อูววววว….อูววววว….อูวววว….”
“อุปกรณ์หมายเลขหนึ่งเข้าสู่ขั้นตอนรอจุดระเบิด ย้ำ อุปกรณ์หมายเลขหนึ่งเข้าสู่ขั้นตอนรอจุดระเบิด ให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่รีบเก็บข้าวของแล้วออกไปจากพื้นที่ตามที่ได้ซ้อมเอาไว้! ระวัง นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อม ลานทดสอบระเบิดจะปิดในเวลา 1 ชั่วโมงหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยก่อนที่ลานทดสอบระเบิดจะปิดลง!”
ประกาศแจ้งเตือนอพยพดังไปทั่วทั้งลานทดสอบหลังเสียงสัญญาณดังขึ้น
“เร็วๆๆ ทุกคนไปรวมกันที่ลานหน้าอาคาร อย่าดึงกัน!”
“ทีมก่อสร้างที่สองนับจำนวน 1, 2, 3….”
“ประตูแท่นทดสอบระเบิดปิด!”
“สมาชิกในหน่วยแม่มดอาญาสิทธิ์มากันครบแล้ว เริ่มอพยพได้”
ที่ราบหิมะที่เงียบสงบเหมือนเดือดพล่านขึ้นมา เสียงตะโกนของผู้คนกับเสียงแจ้งเตือนดังสอดรับกัน บรรยากาศดูตื่นเต้นและคร่ำเคร่ง ภายในใจทุกคนต่างรู้ดีว่าพวกเขากำลังจะได้เห็นการทดสอบอาวุธที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
‘3.00’
ภายในศูนย์บัญชาการ โรแลนด์กับอันนาหยิบเอากุญแจขึ้นมาคนละดอก ก่อนจะเปิดฝาปิดบนแท่นควบคุมขึ้นมาพร้อมกัน
ในตอนที่สวิทช์แต่ละอันถูกกดลง ไฟสีเขียวบนหน้าปัดแผงควบคุมก็สว่างขึ้นมาตามลำดับ
“เคเบิลหลักกำลังส่งกระแสไฟ!”
“ลูน่าหมายเลข 1 ทำงานปกติ พลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“ตอนนี้สลับไปที่สาย 1”
“รับทราบ สาย 1 เชื่อมต่อแล้ว การจ่ายไฟของอุปกรณ์ต้นแบบปกติ!”
เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์รายงานสถานการณ์ของระบบจุดระเบิด จนกระทั่งในตอนที่ไฟเขียวดวงสุดท้ายสว่างขึ้น นั่นหมายความว่ากระแสไฟได้ถูกส่งไปถึงแท่นทดสอบที่อยู่ห่างออกไป 15 กิโลเมตรแล้ว
‘1.00’
ด้านบนฐานบัญชาการเองก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นมา มันหมายความว่ากระบวนการจุดระเบิดเหลืออีก 1 ชั่วโมงสุดท้าย
หน้างต่างประตูบังเกอร์ถูกปิดลงทั้งหมด ตะเกียงไฟเองก็ถูกดับลง เพื่อจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นจากการสั่นสะเทือน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเนเวอร์วินเทอร์เข้าไปอยู่ในห้องสังเกตการณ์ที่จัดเอาไว้เฉพาะ จากคำสั่งของโรแลนด์ ภายนอกของมันถูกสร้างให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเหมือนที่จะได้แรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น ส่วนด้านในนั้นถูกสร้างให้ลึกขึ้นเพื่อที่จะได้รองรับร่างกายขนาดใหญ่ของร่างต้นแบบ
พาซาร์และแม่มดคนอื่นๆ รอคอยมาเป็นเวลานานแล้ว
‘15.00’
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง
ในที่สุดสัญญาณเตือนรอบสุดท้ายก็ดังขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทหารหรือว่าคนงานก็ล้วนแต่ต้องสวมใส่แว่นตาสีดำเพื่อป้องกันแสงที่รุนแรงตามที่ได้ฝึกซ้อมเอาไว้ก่อนหน้านี้
ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจว่าทำให้ถึงต้องใส่แว่นตาแบบนี้ในวันที่มีหิมะตกหนัก
แบบนี้มันก็มองอะไรไม่เห็นน่ะสิ
‘0.05’
“นับเวลาถอยหลัง 5 นาที!”
ในตอนที่เสียงประกาศดังขึ้น ภายในพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบ
การพูดคุยทุกอย่างหยุดลง สายตาทุกคนจับจ้องไปยังด้านหน้าที่อยู่ในความมืดมิดพร้อมทั้งกลั้นหายใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“นับถอยหลัง 3 นาที!”
โรแลนด์รู้สึกกลางฝ่ามือมีเหงื่อออก
อันนามองเขาพร้อมยิ้มออกมา ส่วนมือก็กุมมือของเขาเอาไว้
“นับเวลาถอยหลัง 1 นาที!”
อีกด้านหนึ่งก็มีมืออีกข้างหนึ่งยื่นมา นิ้วทั้งห้าสอดประสานกัน
“นับถอยหลัง 10 วินาที!”
“9!”
ถึงแม้จะน่าเสียดายที่ไม่ได้ปุ่มจุดระเบิดด้วยตัวเอง แต่โรแลนด์ก็รู้ว่าหนทางแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานเส้นนี้มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“3!”
“2!”
“1!”
“จุดระเบิด!”
บนที่ราบหิมะอันเงียบสงบที่อยู่ไกลออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาเหมือนหยุดนิ่งลง คล้ายว่าผ่านไปนาน แล้วก็คล้ายว่าผ่านไปแค่นิดเดียว
จากนั้นแสงสีน้ำเงินอันเจิดจ้าก็เบ่งบานขึ้นมาจากเส้นสายตา ความมืดที่อยู่ตรงหน้าพลันถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ!
……………………………………………………….