GGS:บทที่ 957 ติดตามชมสิ่งที่น่าสนใจ

 

“นี่คือสิ่งที่ผมพบทั้งหมดครับนายน้อยฮัว” ในลานจอดรถของพิพิธภัณฑ์สุดแสนมหัศจรรย์มีชายหนุ่มสี่คนอยู่บนรถบีเอ็มดับบิว ชายหนุ่มเหล่านี้นั่งรับฟังรายงานอันละเอียดยิบของสิ่งที่อยู่ข้างในพิพิธภัณฑ์แบบอึ้งๆ

 

“ฉันเห็นแล้วว่าตอนนี้ผู้คนในอินเตอร์เน็ตต่างก็พูดคุยเกี่ยวกับของในพิพิธภํณฑ์อย่างบ้าคลั่ง ตอนแรกฉันเองแค่คิดว่าของข้างในมันแค่ของแปลกเฉยๆ ไม่คิดว่ามันจะสุดยอดขนาดนั้น นี่หมอนั่นไปหาสมบัติมากมายมาจากไหนกันเนี่ย” เสียงหนึ่งในรถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

“ซูจิ้งนี่มันปีศาจชัดๆ”  ชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแหยๆ

“ของข้างในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีค่ารวมแล้วประมาณเท่าไหร่กัน”

“นายน้อยครับ ผมขอบอกได้เลยว่าประเมินได้ยากจริงๆหากเป็นเรื่องของมูลค่า ของทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ไม่มีทางประเมินค่าของพวกมันได้เลย สมบัติหลายๆชิ้นเองที่พอจะประเมินค่าได้ก็มีเอกลักษณ์แบบสุดๆจนยากที่จะประเมินค่าได้เช่นเดียวกัน”

“คร่าวๆก็ได้”

“เอ่อ…. หากให้ประเมินโดยคร่าวๆล่ะก็อย่างน้อยๆของทั้งหมดนี้ขั้นต่ำควรจะมีค่ารวมกันอยู่ที่สามหมื่นล้านหยวนครับ หากนายน้อยคิดว่ามากเกินไปก็อย่าว่าผมเลยก็แล้วกัน เพราะนี่เป็นเพียงราคาขั้นต่ำที่ผมประเมินไว้ได้จากหัวผักกาดหยกนั่นเท่านั้น

แค่หัวผักกาดนั่นหัวเดียวผมคิดไว้เลยว่าราคาของมันนั้นมากกว่าสามหมื่นล้านหยวนอย่างแน่นอน แต่ราคานี้เป็นราคาที่ผมคำนวนไว้ว่าเป็นราคาที่คนจะยอมซื้อเท่านั้นแม้แต่จะอิดออดบางก็ตาม แน่นอนว่าต่อให้มีคนเสนอราคานี้ไป ซูจิ้งก็ไม่มีทางยอมขายอย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินดังนั้นฮัวหยุนชูที่ได้ยินจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ก็ได้นื่งอึ้งไป แม้แต่คนอื่นที่นั่งรออยู่ในรถเองก็นิ่งอึ้งไม่ต่างกัน ทุกคนในที่นี้เป็นคนรวยและฮัวหยุนชูคนนี้ก็เป็นคนที่รวยที่สุดในกลุ่ม

แต่ถึงกระนั้นในตอนนี้พวกเขาราวกับถูกตบหน้าด้วยสิ่งที่เขามีดีที่สุดก็ไม่ปาน

 

“คุณหวังคะ สมบัติที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ในพิพิธพัณธ์สุดแสนมหัศจรรย์ถูกเปิดเผยออกมาแล้วค่ะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่มีตำแหน่งเป็นเลขา ได้เดินเข้าในห้องทำงาน

“เอามาดูสิ” หวังหยานคือคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ เธอเองนั้นก็ไม่ได้อยากจะสนใจเรื่องของซูจิ้งสักเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามเธอเองก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้อยู่ดี และซูจิ้งเองก็ชอบมีข่าวออกมาอยู่เรื่อยๆนี่ทำให้เธอนั้นอดสนใจเขาไม่ได้ซะที

“ดิฉันได้ทำการจัดเรียงข้อมูลไว้แล้ว อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้วค่ะ” หญิงสาวในตำแหน่งเลขาได้ส่งแทบเล็ตให้กับหวังหยาน หลังจากที่เธอได้ดูไปที่ข้อมูลนี้ยิ่งเธอดูมากเท่าไหร่สายตาของเธอก็ยิ่งเบิกกว้าง

 

นี่ขนาดเธอนั้นยังเตรียมใจไว้บ้างแล้วแต่เธอก็ยังต้องตกตะลึงในสุดยอดสมบัติที่ซูจิ้งครอบครองเอาไว้อยู่ดี หวังหยานไม่รู้จริงๆว่าซูจิ้งนั้นไปได้สมบัติพวกนี้มาจากไหนตั้งมากมายขนาดนี้

ท่าที่เธอรู้มาเขานั้นวุ่นอยู่กับการพัฒนาธุรกิจของตัวเองแทบจะตลอดเวลา และดูแล้วไม่มีทางที่จะไปหาเวลาออกตามล่าสมบัติมาได้อย่างแน่นอน หากจะมีก็มีอยู่อย่างเดียวคือเขานั้นต้องแยกร่างไป

ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติทั้งหมดล้วนแล้วแต่ยากต่อการซื้อมาได้ด้วยเงิน แค่ชิ้นเดียวในรายการนี้ก็ยากแล้วแต่นี่คือมันเป็นของแบบนี้ทั้งพิพิธภัณฑ์เลยนะ

หากว่าเธอไม่ได้รู้มาก่อนว่าซูจิ้งนั้นมาจากบ้านนอกและเกิดจากตระกูลธรรมดาสามัญล่ะก็ เธอเองต้องคิดว่าซูจิ้งนั้นมาจากตระกูลนักล่าสมบัติหรือไม่ก็เป็นนักล่าสมบัติอัจฉริยะอะไรพวกนั้นเป็นแน่

 

“คุณหวังคะ มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ของคุณซูค่ะ” ในห้องทำงานของหวังซือหยา หวังซือหยา หยินหนิงหนิง เชิงชิเหยา และคนอื่นๆกำลังลองเสื้อผ้าพร้อมทั้งคุยกันเกี่ยวกับแนวคิดของเสื้อผ้าชุดนี้กันอย่างเข้มข้น และเลขาของเธอก็ได้เข้ามาและพูดเรื่องของซูจิ้งขึ้นมา

“โอ้ วันนี้เขาเปิดพิพิธภัณฑ์นี่เนาะ ก็ไม่แปลกที่จะเป็นข่าวล่ะนะ” หวังซือหยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“แต่ว่าข่าวที่ออกมามัน…มากเกินไปนะคะ” เลขาของเธอพูดออกมา

“ฮืม ขอดูก่อนนะ” หวังซือหยาได้นำโทรศัพท์ของเธอออกมาและก็พบข่าวของซูจิ้งอย่างไว หยินหนิงหนิงและเชิงชิเหยาเองก็เข้ามาดูข่าวบนมือถือของซือหยาใกล้ๆ เพียงพวกเธอเห็นเนื้อหาข่าวเท่านั้นต่างก็อึ้งจนนิ่งเงียบกันไปหมด

 

และข่าวเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ของซูจิ้งยังเพื่มมากขึ้นเรื่อยๆและเผยแพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ตไปหมด ตอนนี้วงการต่างๆตั้งแต่ในระดับตำบลยันระดับประเทศต่างก็ตื่นเต้นเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของซูจิ้งกันไปหมด

“พระเจ้า นี่ฉันดูไม่ผิดไปใช่รึเปล่า หม้อสามสีนับร้อยใบ ภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนี่อีก”

“ฉันไม่คิดเลยว่านอกจากหนูหยกเลือดและกระต่ายหยกเลือดแล้ว ซูจิ้งยังแพะหยกเลือดอีก”

“ปะการังแดงน้ำลึกนั่นใหญ่ยังกับเป็นกับแพงเลยนะ สุดยอดไปเลย”

“ดูหัวผักกาดหยกอันยักษ์นั่นสิ แถมยังใสอีกต่างหาก นี่จะไม่ทำให้วงการหยกจักรพรรดิ์ต้องสั่นสะเทือนเหรอ”

“นี่นี่ ศพที่ยังดูราวกับมีชีวิตที่มีอายุกว่าห้าพันปีนี่ของจริงรึเปล่า”

 

ในตอนนี้อย่าว่าเหล่าผู้เชื่ยวชาญในสาขาต่างๆไม่ว่าจะเป็นจากวงการวัตถุโบราณ เครื่องประดับ หรือนักโบราณคดีเลย แม้แต่คนธรรมดาและชาวเน็ตเองก็อยากจะเห็นสมบัติล้ำค่าพวกนี้ด้วยตาตัวเองแล้ว

“พระเจ้า ซูจิ้งมีสมบัติมากมายขนาดไหนกันเนี่ย”

“หมอนี่ทั้งน่าอิจฉาและริษยาจริงๆ”

“ไม่แปลกใจเลยที่เขาได้ฉายาจ้าวแห่งของขวัญมา เขานั้นมีของสุดยอดตั้งหลายอย่างแน่ะ”

“พี่จิ้งสุดยอดไปเลย เขาทรงพลังจริงๆ”

“พี่จิ้ง พี่อยากจะขึ้นสวรรค์ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”

“นี่เขาไม่กร่างเกินไปหน่อยเหรอ เขาไม่กลัวถูกตรวจสอบเลยรึไงกัน”

“นั่นสิ ต่อให้เขามีภูมิหลังดีขนาดไหนแต่นี่ก็ยังต้องถูกจับตามองอยู่ดี”

“ฉันอยากจะไปขโมยสมบัติของเขาบางชิ้นเสียจริงๆ ฮ่าฮ่า ล้อเล่นนะ”

“ข่าวใหญ่ พิพิธภัณฑ์สุดแสนมหัศจรรย์ของซูจิ้งนั้นได้จัดแสดงสมบัติชุดใหม่ออกมา” นี่คือข่าวที่ทำให้บรรยากาศในวงกรนั้นร้อนแรงและโกลาหลราวกับพายุเพลิงสายฟ้าเลยทีเดียว

แค่ข่าวที่ว่าซูจิ้งผู้ถือครองสมบัติแห่งแอตแลนติสได้เปิดพิพิธภัณฑ์ขึ้นมานี่ก็ร้อนแรงพอแล้ว แต่นี่นอกจากสมบัติแอตแลนติสแล้วยังมีสมบัติชิ้นอื่นอยู่อีก ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียวแต่ยังมากมายหลายชิ้นอีกด้วย

 

“ผู้อาวุโสเอี้ย คุณทราบข่าวแล้วหรือครับ” ในรถแท็กซี่คันหนึ่ง โจวฉือเซียนได้รับสายคนๆหนึ่ง เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้น

“อ้อ ตอนนี้ผมกำลังนั่งรถกลับไปยังสถาบันวิจัยของเราเพื่อเตรียมทีมเพื่อทำการพิสูจน์ในเรื่องนี้ ผมได้รับอนุญาตให้สามารถตรวจสอบศพนั่นได้แล้วน่ะครับ ผมคิดว่าจะนำทีมเข้าตรวจสอบหลังพิพิธภัณฑ์ปิดแล้ว” โจวฉือเซียนได้พูดออกมา

“ฉันไม่ได้จะพูดถึงเรื่องนั้น ฉันจะพูดถึงข่าวที่ออกมาหลังจากนายออกมาจากที่นั่นแล้วต่างหาก”

“ห้ะ ข่าวอะไรเหรอครับที่ออกมา”

“ก็ข้างๆรูปปั้นเทพธิดาแอตแลนติสในตอนนี้นั้นมีรูปปั้นเสมือนมีชีวิตอยู่อีกสี่ชิ้น ถึงแม้จะมีสภาพไม่สมบูรณ์นักแต่ก็ดูเหมือนว่าพวกมันเองก็มาจากแอตแลนติสเช่นเดียวกัน แถมดูเหมือนว่าจะมีของอย่างอื่นเพิ่มเติมมาอีกด้วยอย่างอ่างน้ำ ตำรา งานไม้แกะสลัก และของอย่างอื่นอีก และพวกนั้นเท่าที่ดูคร่าวๆแล้วก็น่าจะมาจากแอตแลนติสเช่นเดียวกัน”

“ว่าไงนะครับ” โจวฉือเซียนในตอนนี้สายตาเบิกโพลงในทันทีที่ได้ยิน เขานั้นทั้งโกรธและตื่นเต้นยินดีเช่นเดียวกัน “เยี่ยม ซูจิ้ง นายบอกว่านายบอกว่าไม่เจอของอย่างอื่น แต่ตอนนี้กับมีของเพิ่มมากกว่าเดิม พวกฉันนั้นต้องกุลีกุจอไปไปเก็บกู้ถึงกลางทะลึกแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย หมอนี่น่าจะเป็นคนไปเหมามาเรียบเลยสินะ ถึงว่าตอนบอกว่าพบซากเรือนั้นไม่มีท่าทีว่าจะสนเลย กลับรถ กลับรถเดี๋ยวนี้”

 

“ห้ะ” ในรถอีกคันหนึ่ง อลันที่ได้รับโทรศัพท์ก็ได้อุทานออกมาดังลั่นทันทีที่ได้ยินข้อมูลจากปลายสาย

“เกิออะไรขึ้น” แอนนาและคนอื่นๆที่ได้ยินคำอุทานของอลันหัวควับไปมองเป็นตาเดียวกันอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“มีรูปปั้นเมืองแอตแลนติสตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สุดแสนมหัศจรรย์เพิ่มเข้ามาอีกสี่ชิ้น” อลันพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น

“พระเจ้า กลับรถเดี๋ยวนี้ พวกเราต้องไปดูให้ได้”

 

“รูปปั้นแอตแลนติสอีกสี่ชิ้น?” หนุ่มเจาะหูนิ่งอึ้งยิ่งกว่าเดิมในทันทีที่ได้ยินข่าวนี้

“หมอนี่หามันพบจริงๆ” ชายใส่แว่นในตอนนี้ได้กัดฟันเล็กน้อยและแสดงท่าทีเกลียดชังไปชั่วเวลาหนึ่ง เขาเองเมื่อได้ยินข่าวก็อดไม่ได้ที่จะวกรถกลับไปในทันทีเช่นเดียวกัน

 

ในตอนนี้ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่เขาชมเสร็จไปแล้วในช่วงเช้า ในตอนที่ได้ยินข่าวนี้ถึงกับพูดไม่ออกในทันที ถึงแม้พวกเขานั้จะเข้าไปดูรอบแรกฟรีก็จริงแต่ในรอบสองนี้ไม่ฟรีอย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือค่าบัตรเข้าไม่ถูกๆเลย อย่างน้อยก็มากกว่าพิพิธภัณฑ์ทั่วไปสองสามเท่าเลยทีเดียว

ผู้เข้าชมในรอบเช้านี่ถึงกับกัดฟันกันทั่วหน้า ซูจิ้งคนนี้ที่ไม่ยอมนำรูปปั้นแอตแลนติสมาตั้งแสดงตั้งแต่แรกนั้นเป็นเพราะว่าอยากจะหาเงินจริงๆสินะ หรือไม่ก็เขานี้นอาจจะอยากได้ค่าตั๋วเพิ่มอีกซะหน่อย หรือไม่แกล้งเขาเล่นเป็นแน่ ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ทุกคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลับไปดูอยู่ดี

 

ทันทีที่ข่าวก่อนเพิ่มรูปปั้นแอตแลนติสอีกสี่ชิ้นไว้ในพิพิธภัณฑ์ของซูจิ้ง เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศต่างก็อยู่กันไม่สุขในทันที

เพียงแค่ซากศพอายุกว่าห้าพันปีและการมีโอกาศได้เห็นรูปปั้นแห่งแอตแลนติสนั้นเพียงแค่สองอย่างนี้ก็อยากจะทำให้พวกเขามุ่งหน้าไปยังพิพิธภัณฑ์ของซูจิ้งในจะขาดแล้ว แต่เมื่อมีข่าวเกี่ยวกับเมืองที่สาบสูญแอตแลนติสเพิ่มเติมนี้ออกมา พวกเขาได้ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวที่เร็วที่สุดเพื่อมาเมืองจีนในทันทีที่เป็นไปได้

 

ตอนนี้ข่าวของซูจิ้งนั้นร้อนแรงราวกับเปลวเพลิงในพายุ ถึงแม้จะมีเรื่องให้เขานั้นโดนก่นด่าไปบ้างแต่ชื่อเสียงของเขานั้นก็ยังเพิ่มขึ้นสูงอยู่ดี แถมเรื่องของเขาเองก็ถูกพูดถึงต่อไปอีกหลายๆวันเลยทีเดียว

ต้องรู้กันก่อนว่าในครั้งสุดท้ายที่มีข่าว ซูจิ้งก็ได้ขึ้นไปอยู่ในรายการคนมีชื่อเสียงของประเทศจีนในระดับหนึ่งอยู่แล้ว นี่ขนาดเขานั้นไม่ได้เป็นดาราด้วยซ้ำหากเขาเป็นจะขนาดไหน

ดาราบางคนใช้เวลามากกว่าสองปีถึงจะไต่อันดับกว่าสองปีถึงจะขึ้นมาได้ และหากไม่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องพวกเขาก็จะตกจากอันดับนี้อย่างงายดาย

และเมื่อซูจิ้งได้เปิดพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้นมา ชื่อเสียงของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับว่าชื่อของเขานั้นเคยมีชื่อในระดับหนึ่งนี้อยู่เป็นประจำก็ว่าได้

นี่ทำให้คนทั้งวงการบันเทิงถึงกับต้องตกตะลึงอีกครั้ง