GGS:บทที่ 958 มีหน้าที่ปกป้อง

เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศในตอนนี้ต่างก็ได้ทำการตรวจสอบรูปปั้นใหม่ทั้งสี่ชิ้นและวัตถุอื่นๆที่ซูจิ้งได้เพิ่มเข้ามา ของทั้งหมดนี้มีอายุอยู่ที่หนึ่งหมื่นสองพันปีเช่นเดียวกับรูปปั้นเทพธิดาทำให้พวกมันถูกถือว่าเป็นวัตถุจากเมืองแอตแลนติสไปโดยปริยาย
สำหรับซากศพโบราณที่ซูจิ้งได้แจงรายละเอียดไว้ว่าอายุห้าพันปีนั้น พวกเขาสามารถตรวจสอบแล้วก็ได้พบว่าศพนี่มีอายุราวๆห้าพันแปดร้อยปีนี่ทำให้โลกนี้สั่นสะเทือนได้เช่นเดียวกันอย่างไม่ยากเย็น ช่วงเวลานี้จะตรงกับเรื่องเล่าตามตำนานของจีนเกี่ยวกับยุคอันสุดแสนจะลึกลับของจีนที่มีชื่อว่าสามราชาห้าจักรพรรดิ์

โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติที่ถึงแม้จะไม่เชื่อแต่พวกเขาเองก็ได้ตรวจสอบซ้ำหลายรอบแล้วแต่ผลออกมาก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อก็ไม่รู้ว่าจะแย้งยังไงเหมือนกัน เรื่องนี้ทำให้ทั่วทั้งโลกจะเป็นต้องหันกลับมาคิดเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณของจีนใหม่อีกครั้ง
เรื่องทั้งสองนี้ทำให้พิพิธภัณฑ์สุดแสนมหัศจรรย์ของซูจิ้งที่พึ่งจะเปิดตัวแต่กลับกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่โด่งดังไปทั่วโลกในทันที เพียงแค่วัตถุโบราณจากเมืองแอตแลนติสและศพอายุมากกว่าห้าพันแปดร้อยปีนี้ก็ทำให้โด่งดังได้แล้ว นี่ยังไม่รวมกับสมบัติอันสุดแสนจะน่ามหัศจรรย์อย่างอื่นของซูจิ้งเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ากับซูจิ้งแล้วเรื่องพวกนี้ไม่ได้ทำให้เขานั้นสะทกสะท้านแต่อย่างใด ต่อให้โลกนี้จะเล่าลือเกี่ยวกับเขามากมายราวดั่งพายุขนาดไหนเขาก็หาสนใจไม่

ในตอนนี้เขาสนใจเพียงหยิบเหรียญตราเทวฑูตออกมาและดูดซับพลังวิญญาณจำนวนมากที่เหรียญตรานี้เก็บสะสมไว้เข้ไปเท่านั้น แต่ความจริงแล้วสิ่งที่เขาหวังไว้มากที่สุดนั่นก็คือค่าการใช้ประโยชน์ที่กำลังไหลรินเข้ามายังสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศของเขาเสียมากกว่า
“พี่จิ้ง พี่สุดยอดจริงๆเลยครับ” ฉินซูหลานที่โทรหาซูจิ้งได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นในทันที
“ใจเย็นๆก่อนไอ้น้อง จะตื่นเต้นไปทำไมเนี่ย” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“จะไปสงบเยือกเย็นได้ยังไงกันเล่าก็พี่เล่นปล่อยสมบัติออกมาให้ยลโฉมทีนึงมากมายขนาดนี้ ตอนนี้ชื่อเสียงของพี่พุ่งขึ้นสูงมากเลยนะจากเรื่องสมบัติของพี่เนี่ย จะไม่ให้ผมตื่นเต้น อิจฉา ริษยา และก็ชิงชังพี่ได้ยังไงกัน
พี่นี่ทำให้วงการสมบัติยกระดับได้เลยในคราวนี้ ผมเองเสียดายจริงๆที่ไม่สามารถไปงานเปิดตัวในรอบแรกได้ เอ้อพี่จิ้งพี่พอจะหาบัตรให้ผมสักสองใบได้ไหมอ่ะ” ฉินซูหลานถามออกมาอย่างตื่นเต้นและหน้าไม่อายที่จะขอจากซูจิ้งตรงๆ
“ซื้อเองสิเฟ้ย”
“โถ่พี่ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ยากนะ แต่พิพิธภัณฑ์ของพี่นี่น่ะสิดันขายบัตรแบบจำกัดจำนวนต่อวัน แถมบัตรของวันพรุ่งนี้ก็หมดแล้วด้วย ผมไม่อยากจะรอไปอีกวันนึงอ่ะอีกอย่างผมว่างแค่พรุ่งนี้เท่านั้นเอง พี่หาบัตรวันพรุ่งนี้ให้ผมสักสองใบไม่ได้เหรอ”
“ก็ได้ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะดูให้แล้วกัน” เมื่อได้ยินเหตุผลซูจิ้งเลยตกปากรับคำในทันที

หลังจากวางสายไป ซูหยาก็ได้โทรหาซูจิ้งในทันที “พี่ชายสุดที่รักขา…. พี่ไปหาเด็กๆ(สมบัติ)พวกนี้มาจากไหนกันถึงได้มามากมายขนาดนี้อ่ะ”
“ช่องทางลับน่ะ เรื่องอะไรจะบอกล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ขี้เหนียวอ่ะ บอกน้องสาวคนดีคนนี้หน่อยไม่ได้รึไงกัน ช่างมันเถอะ หนูไม่ถามแล้วก็ได้ ว่าแต่วันมะรืนนี้เป็นวันหยุดโรงเรียนหนูอยากได้ตั๋วไปดูพิพิธภัณฑ์ของพี่อ่า….”
“กี่ใบล่ะนั่น”
“ได้สิบใบเลยก็ดีนะ”
“ห้ะ เอาไปทำไมเยอะแยะเนี่ย”
“พอดีว่าน้องพี่อ่ะสวยไงก็เลยมีเพื่อนผู้หญิงเยอะหน่อย แถมเรื่องนี้หนูก็ปฏิเสธพวกเธอไม่ได้ด้วยเพราะราคาบัตรของพี่อ่ะแพงหูฉี่เลย แถมบัตรวันมะรืนนี้ก็ขายหมดไปแล้วด้วย ต่อให้เพื่อนของหนูอยากซื้อก็ซื้อไม่ได้อ่ะ”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่จะบอกคนของพี่ไว้แทนก็แล้วกันว่าเธอสามารถนำคนเข้าไปด้วยสักกี่คนกี่ครั้งกี่หนก็ได้โดยไม่ต้องมีบัตรก็แล้วกัน”
“พี่นี่ใจดีที่สุดเลย”
หลังจากวางสายไป สักพัก หวังจ้าวก็ได้โทรหาซูจิ้งในทันที “อาจิ้ง ไอ้เด็กนี่ จะขี้อวดไปไหนกันเนี่ย”
“ห้ะ นี่ผมไปอวดอะไรตอนไหนกัน” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้ทั่วทั้งประเทศ….ไม่สิทั่วทั้งโลกต่างก็พูดถึงพิพิธภัณฑ์สุดแสนจะมหัศจรรย์ของนายกันทั้งนั้น และจะให้บอกว่าไม่ได้ขี้อวดอีกรึไง”

“ก็ไม่ใช่ผมสักหน่อยที่ตีข่าว เป็นคนอื่นต่างหากที่เอาไปพูดกันเองให้เวอร์วังไปก็เท่านั้น”
“เออสิ ทั้งวัตถุโบราณจากแอตแลนติส ซากศพสมบูรณ์อายุห้าพันแปดร้อยปี หัวผักกาดหยกขนาดเกือบสี่เมตร ของที่ชวนตกตะลึงแบบนี้ถ้าไม่เอาไปพูดกันนี่สิแปลก
ของล้ำค่าขนาดนี้เนี่ยนะที่นายจะบอกว่าเขาเอาไปพูดให้เวอร์วังกันไปเอง เอาเถอะฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าต่อให้นายมีปูมหลังดีขนาดไหนก็ตามแต่ตอนนี้นายโคตรจะเด่นเลย นายต้องระวังพิพิธภัณฑ์ของนายให้มากๆก็แล้วกันเพราะว่ามีหลายฝ่ายเพ่งเล็งอยู่”
“ฉันรู้น่า ฉันเตรียมตัวเรื่องนี้ไว้แล้ว”
“อ้อแล้วก็ขอบัตรสักสองใบสิ”
“พี่สามที่เคารพ แค่พี่ก้าวเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ อย่าว่าแต่พวกเขาจะกล้ามาขอดูตั๋วจากพี่เลย คนของฉันแทบจะปูพรมแดงให้พี่ซะด้วยซ้ำ”

หลังจากนั้นซูจิ้งยังคงวนเวียนกับการรับโทรศัพท์จากเพื่อนๆและคนที่เขามีสายสัมพันธ์อันดีด้วย และทุกคนที่โทรมาล้วนแล้วแต่มาขอบัตรเข้าพิพิฑภัณฑ์แห่งนี้กันทุกคน
ถึงแม้ซูจิ้งจะรู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้แต่เขานั้นแน่นอนว่าย่อมจะให้บัตรพวกเขาฟรีอยู่แล้ว เพราะยังไงซะเขาเองก็เป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ต่อให้บัตรขายหมดไปแล้วก็ตามแต่บัตรก็สมควรจะมีสำรองไว้อยู่แล้ว
อีกอย่างถึงแม้ว่าตั๋วในการเข้าพิพิธภัณฑ์นี้จะจำกัดเพียงแค่พันใบต่อวัน แต่หากต้องเพิ่มอีกสักโหลนึงหรือร้อยใบก็ไม่ได้เสียหายอะไรสักนิด
มีอีกคำถามยอดฮิตที่เกือบจะทุกคนถามซูจิ้งนั่นก็คือซูจิ้งไปหาสมบัติพวกนี้มาจากไหนกันไม่ก็สอบถามช่องทางที่พอจะทำให้พวกเขาได้ครอบครองสมบัติประเภทนี้ไว้ได้บ้างก็ยังดี
แน่นอนว่าซูจิ้งนั้นขี้เกียจอธิบายเลยตัดบทไปโดยบอกไปว่าเดินๆแล้วก็เจอมาก็เท่านั้น นี่ทำให้ทุกคนที่ถามถึงกับพูดไม่ออก
แต่ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าที่ซูจิ้งพูดนั้นเป็นความจริง เพราะซูจิ้งเองก็เพียงแค่เดินไล่ดูและขุดคุ้ยแล้วเก็บมาจากกองขยะห้วงเวลาฯของเขาก็เท่านั้น

หม้อสามสีและภาพเขียนพู่กันจีนสมัยราชวงศ์ถังนั้นซูจิ้งได้มาจากขยะห้วงเวลาฯไซอิ๋ว ในตอนแรกที่เขาได้ของเหล่านี้มานั้นพวกมันไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ขนาดนี้
หลายชื้นแตกหักและฉีกขาด เขาเองก็เคยพยายามหาคนมาซ่อมแล้วแต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์มากมายนัก แต่หลังจากที่เขาได้เสวี่ยไป๋มาทำการซ่อมให้ ของเหล่านั้นก็ถูกซ่อมโดยสมบูรณ์ที่สุดตราบเท่าที่จะมีชิ้นส่วนหลงเหลืออยู่
สำหรับแพะหยกเลือดและแมลงหยกเลือดนั้นเขาก็ได้มาจากการใช้ผงวิเศษที่ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯวิถีแห่งจอมปีศาจ คราวนี้เขาได้ใช้ผงดังกล่าวจนหมดเลยทีเดียว
สำหรับรูปปั้นเสมือนมีชีวิตนั่นเขาเองก็ได้มาจากขยะห้วงเวลาฯวิถีแห่งจอมปีศาจเช่นเดียวกัน รวมถึงภาพวาดเขียนพู่กันจีนราชวังและบีงในสระนั้นเขาได้มาจากขยะห้วงเวลาฯอภินิหารกระบี่สามภพ
สำหรับปะการังแดงนั้นเขาได้มาจากขยะห้วงเวลาฯล่าลี้ลับตำนานจีน ส่วนของอย่างอื่นเขาก็ได้มาจากห้วงเวลาต่างๆนั่นเอง
ในส่วนของหัวผักกาดหยกนั่นเขาพึ่งจะให้เสี่ยวไป๋ซ่อมเสร็จเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง เขาได้มันมาจากขยะห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าแห่งทะเลสาบเทพธิดา ตอนนี้แรกที่เขาได้เห็นมันตอนสมบูรณ์ก็ตกตะลึงไม่น้อยเหมือนกัน
สำหรับศพห้าพันแปดร้อยปีนี่เขาก็เพิ่งจะได้มาเหมือนกัน ตอนแรกเขาเองก็เสียดายชุดหยกไหมทองคำนั่นไม่น้อยเลย แต่พอมาคิดๆดูเขาก็คิดว่าเอาไว้อย่างนี้น่าจะได้ผลดีกว่าเขาเอาไปใช้เอง

หลังจากโทรคุยกับบรรดาเพื่อนพ้องและคนที่เขามีสัมพันธ์อันดีจนเสร็จสิ้นแล้ว เฉินฮงก็ได้โทรเข้ามาหาพร้อมพูดออกมาว่า “หัวหน้าครับ มีชาวต่างชาติบางคนต้องการจะขอเช่าสมบัติแอตแลนติสและศพในตำนานครับ” ศพในตำนานที่ว่าก็คือศพโบราณที่คาดว่าจะอยู่ในช่วงยุคสมัยที่เปรียบได้ดั่งตำนานเรื่องเล่าของจีน ตอนนี้คนทั่วไปจึงเรียกมันว่าศพในตำนาน
“ห้ะ ขอยืม” ซูจิ้งถามออกมาพร้อมกับอดหัวเราะเสียไม่ได้
“ใช่ครับ พวกเธอต้องการจะขอยืมไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์นานาชาติเพื่อจัดแสดง ชาวต่างชาติคนนี้เองก็สวยซะด้วยสิ เอ่อ… จะให้ผมปฏิเสธไปเลยรึเปล่าครับ” เฉินฮงถามออกมา
“รอแป๊บนึงนะ ศพในตำนานนั่นแน่นอนว่าไม่มีทางให้ยืม แต่รูปปั้นแอตแลนติสนั่นยังพอเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน
รูปปั้นแอตแลนติสนั้นพึ่งจะจัดแสดงได้ไม่นานและพิพิธภัณธ์ของเราเองยังไม่ขึ้นถึงขีดสุดเลย ตอนนี้แน่นอนว่ายังไม่สามารถให้ยืมได้แต่ในอนาคตนั้นก็ยังไม่แน่ บอกพวกเขาไปว่าในอนาคตนั้นหากใครเสนอเงินสูงสุดฉันก็จะให้ยืมไป หากว่าพวกนั้นบอกว่าต้องการเดี๋ยวนี้ล่ะก็ให้บอกไปว่า หากรอไม่ได้ก็ไปแขวนคอตายซะ”
“ได้ครับ” เฉินฮงพยักหน้ารับคำก่อนจะถามออกไปว่า “อ้อ ผมจะถามอีกเรื่องว่าเราควรจะเพิ่มการป้องกันของพิพิธภัณฑ์ให้แน่หนาขึ้นอีกดีรึเปล่าครับ
ผมกลัวว่าการที่เราจัดแสดงสมบัติมากมายขนาดนี้จะเป็นการล่อโจรมาปล้นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับศพในตำนานนั่น ไอ้พวกชาวต่างชาตินี่จ้องแทบจะตาเป็นมันกันอย่างแน่นอน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องนี้นายวางใจได้เลย ฉันเตรียมการป้องกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” ซูจิ้งยิ้มออกมา หากเป็นพิพิธภัณฑ์ทั่วไปนั้นก็คงทำได้เพียงหวังเพิ่งเทคโนโลยีในการป้องกัน
อย่างไรก็ตามกับซูจิ้งนั้นไม่เหมือนกัน เขามีสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆน่ารักของเขาคอยป้องกันพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว ต่อให้หัวขโมยจะตัวโตเป็นยักษ์ แค่เหยียบเข้าไปก็จะไม่ได้กลับออกมาอย่างแน่นอน
ในส่วนที่เฉินฮงกังวลเป็นพิเศษนั่นคือศพในตำนานนั้นเขาเองก็เข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงได้กังวลนัก แต่กับเรื่องนี้เขาก็อยากจะบอกไปตรงๆจริงๆว่าไม่จำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด
ผีดิบตัวนี้ถูกควบคุมโดยสมบูรณ์ด้วยซูจิ้งเอาไว้แล้ว เขาได้สั่งมันไว้ว่าหากเป็นยามปกติอย่าได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
แต่หากมีใครต้องการที่จะพามันออกมาจากพิพิธภัณฑ์ล่ะก็แน่นอนว่าไม่จะเป็นต้องเกรงใจที่จะจัดการได้ ด้วยการที่มันนั้นแข็งแรงกว่าคนทั่วไป
หากมีโชคหน่อยก็คงจะทำให้มันออกมาได้เล็กน้อย หลังจากนั้นก็รอดูผลงานของผีดิบตัวนี้ก็พอ