ตอนที่ 868 มิติปั่นป่วน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีหันหน้ามามองก็ได้เห็นกับมู่หรูเหยียนที่ใบหน้านางในตอนนี้เต็มไปด้วยการเข่นฆ่า!

นึกไม่ถึงเลยผ่านมาเพียงแค่ไม่กี่วันก็ได้เจอมู่หรูเหยียนอีกครั้ง ทว่า……

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ค่ายกลส่งระยะไกลหยุดเดี๋ยวนี้!” มู่หรูเหยียนตะโกน

“แม่นางท่านนี้ ค่ายกลส่งระยะไกลได้เปิดขึ้นแล้ว ไม่อาจหยุดได้!”

“เช่นนั้นพวกเจ้าคิดหาวิธีขวางมัน!” มู่หรูเหยียนชี้นิ้วสั่งผู้อาวุโสเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายนาง

ผู้อาวุโสเหล่านี้ก็รู้สึกลำบากใจมาก “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุมิติ ไม่สามารถขัดขวางได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ทำให้พวกเราลำบากใจแล้ว”

“เช่นนั้น ก็ทำลายค่ายกลส่งระยะไกลนี่ซะ! ทำลายมันซะ!”

“หากทำลายไป เช่นนั้นพวกเราก็ไม่สามารถเดินทางกลับแดนตะวันออกได้” ผู้อาวุโสกล่าวเสียงขรึม

“ค่ายกลส่งระยะไกลพัง ก็ซ่อมใหม่ได้ แต่หากปล่อยให้มู่เฉียนซีหนีไปได้ ข้าก็จะนอนไม่หลับในทุก ๆ คืนวัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้นางตายให้ได้”

ค่ายกลส่งระยะไกลได้เปิดขึ้นเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถออกมารับมือกับมู่หรูเหยียนได้ และตอนนี้ข้างกายมู่หรูเหยียนมีผู้อาวุโสเหล่านั้น และยังฟังคำสั่งของนาง เริ่มลงมือทำลายค่ายกลส่งระยะไกลนี้แล้ว!

ผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านี้มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก จู่ ๆ ก็ลงมือทำลายค่ายกลส่งระยะไกล และนี่เป็นเรื่องที่พวกเขาคิดไม่ถึงจริง ๆ

มู่เฉียนซีถูกส่งไปแล้ว ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

เดิมทีเส้นทางมิตินั้นปลอดภัยมาก แต่จู่ ๆ มิติก็เกิดลมมรสุมพัดกระโชกขึ้นอย่างรุนแรง

ลมมรสุมในมิตินี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดผู้หนึ่งก็เกรงว่าต้องเสียชีวิตเป็นแน่ และมู่เฉียนซีที่เป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามนั้น ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!

ทันใดนั้นเองตรงหัวใจของนางก็ปรากฏแสงสีฟ้าขึ้นสองแสง และได้ห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้และข้ามเส้นทางมิติเหล่านี้ไป

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “บัดซบยิ่งนัก มู่หรูเหยียน นึกไม่ถึงจริงว่าจะเสียสติจนลงมือทำลายค่ายกลส่งระยะไกล หากไม่มีสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ เกรงว่าคงจะโดนนางลอบทำร้ายจนไร้ซากศพไปแล้ว!”

ค่ายกลส่งระยะไกลถูกทำลาย มิติด้านในเกิดความปั่นป่วนและเกิดมิติลมมรสุมขึ้นเกินกว่าที่คนจะจินตนาการได้

“ท่านผู้นำตระกูลมู่!”

“ท่านผู้นำตระกูล!”

“……”

องครักษ์ที่เฝ้าค่ายกลส่งระยะไกลโกรธเกรี้ยวขึ้น “ขวางพวกมันเอาไว้!”

“รีบไปแจ้งท่านผู้ดูแลโม่จิ่นเร็วเข้า!”

“ท่านเจ้าสำนักเฝิน!”

“ท่านนักปรุงยาจวิน!”

“……”

ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครมาจากไหน การที่พวกเขากล้าทำลายค่ายกลส่งระยะไกลในแดนใต้ และลอบทำร้ายท่านผู้นำตระกูลของพวกเขาเช่นนี้ หอหมอปีศาจของพวกเขาจำเป็นต้องจัดการให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!

ขวับ ขวับ ขวับ!

เมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับมู่เฉียนซี องครักษ์เงาของตระกูลมู่ที่ประจำอยู่ที่เหยียนโจวทั้งหมดก็รีบมาทันที

แม้กระทั่งจวินโม่ซีก็รีบมา และเมื่อได้เห็นกับค่ายกลส่งระยะไกลที่พังนั้น เขาก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเลย

เขาเหลือบไปมองร่างชุดขาวผู้นั้น และรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาคนผู้นี้เป็นอย่างมาก “เจ้าก็คือมู่หรูเหยียนผู้นั้น!”

“……”

มู่หรูเหยียนและพวกได้ถูกห้อมล้อมเอาไว้ แต่นางกลับหัวเราะและยิ้มพลางกล่าวว่า “ค่ายกลส่งระยะไกลถูกทำลายแล้ว และมู่เฉียนซีก็เพิ่งจะถูกส่งตัวออกไป นางต้องตายแล้วเป็นแน่ ราชาโอสถจวินโม่ซี ความสามารถเช่นเจ้า ไม่จำเป็นต้องติดตามมู่เฉียนซีอย่างตายใจเช่นนี้ก็ได้ ไปอยู่กับข้าไหมล่ะ!”

จวินโม่ซีกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “พูดจาเหลวไหล สาวน้อยผู้นั้นดวงแข็งจะตาย นางจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ตอนนี้สาวน้อยไม่อยู่ เช่นนั้นพวกเราจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้”

มู่หรูเหยียนกล่าวถากถางว่า “พวกเจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ ด้วยความสามารถของพวกเจ้าเพียงเท่านี้ จะฆ่าข้าได้อย่างนั้นเหรอ?”

ผู้อาวุโสข้างกายนางเหล่านั้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก รับมือกับมดปลวกเหล่านี้มีกำลังเหลือเฟือ!

ตูม ปัง ปัง!

จวินโม่ซีกับองครักษ์เงาลงมือ สิ่งนี้ทำให้มู่หรูเหยียนและพวกต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดเป็นอย่างยิ่ง

“อะไรนะ มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก!”

“เหตุใดจู่ ๆ ก็มีมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกมากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นรุ่นหนุ่มอีกด้วย!”

“นี่มัน……”

ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ไม่มัวแต่ประหลาดใจ รีบปกป้องมู่หรูเหยียนทันที ชั่วครู่หนึ่งทางด้านค่ายกลส่งระยะไกลก็เกิดการต่อสู้กันอย่างไม่มีทางสิ้นสุด!

ตัวแทนของกองกำลังหลายกองกำลังก็รีบพากันมา พวกเขาต่างโกรธเกรี้ยวขึ้น “ใคร ใครกันที่มาทำลายค่ายกลส่งระยะไกล!”

พวกเขาจะไม่โกรธเกรี้ยวเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาสูญเสียไปไม่น้อยกว่าจะซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกลนี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ นี่เพิ่งจะไม่กี่วันเองก็ถูกทำลายเช่นนี้แล้ว

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกข้าเป็นคนของตำหนักตงจี๋ ท่านนี้คือธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋ หากพวกเจ้ากล้าทำอันใดผลีผลาม ก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ!”

“ตำหนักตงจี๋!” เดิมทีต้องการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่เมื่อได้ยินชื่อตำหนักตงจี๋พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าร่วม

ตำหนักตงจี๋เป็นถึงหนึ่งในสามของกองกำลังระดับสามในดินแดนสี่ทิศ ไม่ใช่สิ่งที่สำนักระดับสองอย่างพวกเขาจะเปรียบเทียบได้

คนอื่น ๆ ล้วนแต่เกรงกลัวในอำนาจของกองกำลังระดับ แต่หอหมอปีศาจนั้นกลับไม่สนใจแต่อย่างใด สีหน้าของจวินโม่ซีนั้นยิ่งเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ

“ตำหนักตงจี๋แล้วอย่างไร กล้าแตะต้องคูปองอาหารระยะยาวของข้า ต่อให้เป็นกองกำลังระดับห้า ข้าก็ไม่มีทางถอยหนีแน่นอน!”

ตูม!

ทางด้านนี้เกิดการสู้รบขึ้น และชายผู้รูปงามและสูงศักดิ์ผู้หนึ่งก็กำลังรีบมุ่งหน้ามาทางนี้เช่นกัน

องครักษ์ข้างกายของเขากล่าวว่า “นายท่าน นั่นไม่ใช่ทางด้านค่ายกลส่งระยะไกลหรอกหรือขอรับ นึกไม่ถึงว่าจะมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของผู้อาวุโสเหล่านั้นที่เป็นองครักษ์ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นอยู่ด้วย!”

“น่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น รีบไปดูเถอะ!”

ร่างในชุดดำรีบพรวดไปทางด้านค่ายกลส่งระยะไกลนั้นอย่างรวดเร็ว นึกไม่ถึงว่าจะพบกับคนของตำหนักตงจี๋ของพวกเขากำลังต่อสู้อยู่มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกอยู่กลุ่มหนึ่ง

แดนใต้มีมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกมากมายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน อีกอย่างแต่ละคนก็ดูเหมือนมีอายุยังไม่ถึงสามสิบปีเลย

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” น้ำเสียงอันงดงามเสียงหนึ่งดังขึ้น

เมื่อองครักษ์เหล่านั้นได้ยินเสียงนายน้อยอวิ๋นซิวก็จำต้องหยุดทันที ส่วนมู่หรูเหยียนก็หงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เฟิงอวิ๋นซิว นี่เจ้าหมายความว่าเช่นไร?”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย”

ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะดูเหมือนอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่า กำลังในการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามนั้นกลับปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยิ่งทรงพลังมากขึ้น

ตำหนักตงจี๋หยุดมือ แต่จวินโม่ซีนั้นกลับไม่คิดจะหยุดเลย เขาพุ่งเข้าหาเฟิงอวิ๋นซิวด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า

ชายหนุ่มผู้รูปงามล่มบ้านล่มเมืองผู้นี้ต่างหากถึงจะเป็นตัวการสำคัญ จะกำจัดคนเลวก็ต้องกำจัดตัวการสำคัญนี้ก่อน

ปัง!

นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงมือกับนายน้อยของพวกเขา และแน่นอนว่าซวนอีไม่ยอมเด็ดขาด

พลังของจวินโม่ซีกับซวนอีปะทะกัน และร่างของทั้งสองก็ถอยหลังไปหลายสิบก้าว

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “พวกเราตำหนักตงจี๋มาแดนใต้ก็เพื่อตามหาสิ่งของ ไม่อยากจะมีความขัดแย้งใดกับทุกท่านในแดนใต้ทั้งสิ้น”

จวินโม่ซีขำขึ้น “ไม่อยากมีเรื่องขัดแย้งอย่างนั้นเหรอ ผู้หญิงคนนี้สั่งให้คนของเจ้าทำลายค่ายกลส่งระยะไกลแดนใต้ของพวกเรา อีกทั้งสหายข้าก็เพิ่งจะใช้ค่ายกลส่งระยะไกลนี้เดินทางด้วย ข้าว่าเจ้าก็คงจะรู้ดีนะว่ามันอันตรายเพียงใด”

มู่อีกล่าวอย่างเย็นชา “คนผู้นี้ทรยศต่อตระกูลมู่ วางแผนลอบทำร้ายท่านผู้นำตระกูลมู่ของพวกเราหลายครั้งหลายครา ครั้งนี้ นึกไม่ถึงว่าจะลงมืออย่างโหดร้ายทำลายค่ายกลส่งระยะไกล แล้วยังทำให้ท่านผู้นำตระกูลตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้”

“คนผู้นี้จำเป็นต้องฆ่า ต่อให้ต้องล่วงเกินตำหนักตงจี๋กองกำลังระดับสาม ข้าก็ไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด” แววตาของมู่อีเผยเจตนาแห่งการสังหารออกมา!

มู่หรูเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าต้องการให้มู่เฉียนซีตาย การที่ข้าทำให้นางตกอยู่ในมิติที่ปั่นป่วนถูกลมมรสุมในมิติฉีกร่างออกเป็นชิ้น ๆ มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ หากว่านางอยู่ในกำมือของข้า ข้าจะ……”

“ค่อก ค่อก ค่อก!” ตอนนี้คอของนางถูกบีบแน่น!