ตอนที่ 869 นายน้อยอวิ๋นซิว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ? มู่เฉียนซี!” เสียงที่อันตรายมากเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของมู่หรูเหยียน

มู่หรูเหยียนเบิกตากว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นนายน้อยอวิ๋นซิวผู้สูงส่งและไร้อารมณ์ต่าง ๆ นา ๆ ต่อนาง เผยสีหน้าอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ออกมา!

“แค่กแค่กแค่ก…”

จวินโม่ซี มู่อีและพรรคพวกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าก่อนที่พวกเขาจะลงมือ อีกฝ่ายจะลงมือขึ้นมาพอดี

ซวนอีมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างมาก มู่เฉียนซี ไม่ใช่…

“นายน้อยอวิ๋นซิว รีบปล่อยธิดาศักดิ์สิทธิ์เร็วเข้า!”

“นายน้อยอวิ๋นซิว…”

“……”

เฟิงอวิ๋นซิวที่ได้เห็นในครั้งนี้แสดงออกถึงความต้องการที่จะสับผู้คนเป็นหมื่น ๆ ชิ้น ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างกังวล

“นายน้อยอวิ๋นซิว หากท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ตาย ท่านเจ้าตําหนักจะต้องโกรธอย่างแน่นอน”

“……”

ปัง!

เฟิงอวิ๋นซิวปล่อยมือ มู่หรูเยียนล้มลงกับพื้น

รอยเลือดบนคอนั้นดูน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทุกคนต่างประหลาดใจอย่างมาก เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่จวินโม่ซีและกล่าวว่า “เพื่อนของเจ้า ชื่อมู่เฉียนซี อายุสิบหกปี มีทักษะทางการแพทย์แข็งแกร่งมาก ใช่หรือไม่?”

จวินโม่ซีกล่าว “แล้วยังไงล่ะ? เจ้ารู้จักสาวน้อย แต่กลับไม่อยากแก้แค้นให้สาวน้อย เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าหลีกไปซะ!”

เมื่อสักครู่ที่ชายผู้นี้ลงมือ เขาก็พอเดาออกว่าชายคนนี้อาจจะรู้จักกับสาวน้อยผู้นี้ และความสัมพันธ์ของเขาคงลึกซึ้งมากอีกด้วย

“พวกเจ้าจะฆ่านางไม่ได้ ร่างกายของนางมีพลังวิญญาณของเจ้าตําหนักตงจี๋ระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าเต็มขั้น และไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถต้านทานได้”

จวินโม่ซีกล่าว “แล้วยังไงเล่า? เจ้ากลัว แต่พวกเราไม่กลัว!”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “เจ้าควรเชื่อใจนาง”

ครั้งนั้นที่นางตกลงไปในรอยแยกของมิติ แต่นางกลับออกมาจากสนามรบโบราณอย่างไม่เป็นอะไร

และครั้งนั้น ที่ราชาจิ่วเยี่ย…

ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง ที่ตัวเฉียนซีจะต้องมีสิ่งที่ช่วยปกปักรักษาชีวิตไว้อย่างแน่นอน

มู่อีกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเองก็เชื่อว่าผู้นำตระกูลจะไม่เป็นไร แต่สตรีผู้นี้…”

พรูด!

ดาบปลายโค้งเล่มหนึ่งทะลุผ่านด้านหลังของมู่หรูเหยียนไป

เพราะผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงผลักมู่หรูเหยียนออกไป ทําให้นางไม่ถึงแก่ชีวิต

แต่ในตอนนี้มู่หรูเหยียนเลือดเต็มตัว จวินโม่ซียิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนู เยี่ยมจริง ๆ พวกเราเก็บดอกเบี้ยให้สาวน้อยก่อน สตรีผู้นี้สาวน้อยคงจะจัดการด้วยตัวเอง!”

หากเป็นเพราะใช้อารมณ์จัดการจนทำให้พวกเขานั้นวอดวายไปทั้งกองทัพ เมื่อรอจนสาวน้อยกลับมาแล้ว เช่นนั้นมิใช่ว่าจะถูกพวกเขาโกรธจนแทบตายหรอกหรือ?

เสี่ยวชีกล่าวเสียงเย็นชาว่า “กล้าลอบทําร้ายนายท่าน ตายซะ!”

“นักฆ่า!” ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็มีสีหน้าตกตะลึงงันเช่นกัน

ร่างกายของมู่หรูเหยียนเต็มไปด้วยเลือด เฟิงอวิ๋นซิวไม่ได้มองนางแม้แต่น้อย เขาเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้น ค่ายกลส่งระยะไกล!”

ตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวต้องการที่จะกลับไปทางทิศตะวันออกเพื่อตามหานาง เพื่อให้แน่ใจว่านางปลอดภัยดี!

“ค่ายกลส่งระยะไกล ให้ข้าดูค่ายกลส่งระยะไกลหน่อย!” เจ้าสํานักเฝินได้เชิญท่านปรมาจารย์เฉียมา

ปรมาจารย์เฉียก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน “ใครกันที่มีตาหามีแววไม่ ทําลายค่ายกลส่งระยะไกลที่อาจารย์ข้าซ่อมไว้จนอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากรุนแรงกว่านี้อีกหน่อย นอกเสียจากอาจารย์จะลงมือ ก็คงไม่มีใครสามารถซ่อมได้แล้ว”

โม่จิ่นกล่าว “ตอนนี้ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถซ่อมได้ นายท่านของพวกเราไม่ได้อยู่ในแดนใต้แล้ว”

ปรมาจารย์เฉียกล่าว “เพราะสูญเสียไปไม่มากนัก จึงสามารถซ่อมแซมได้ แต่ต้องใช้หินแห่งมิติชั้นยอดหนึ่งร้อยก้อน”

เขาอยากที่จะคารวะมู่เฉียนซีเป็นอาจารย์ของเขา ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะเรียกราคาสูง!

มู่อีตะลึงงัน “ท่านผู้นําตระกูลไม่อยู่ หอหมอปีศาจของพวกเรา ไม่มีหินแห่งมิติแล้ว”

“ข้ามี!” จวินโม่ซีกล่าว

ก่อนหน้านี้เขาเป็นคู่หูจอมกวาดล้างกับสาวน้อยผู้นั้น และแน่นอนว่าเขาต้องได้รับหินแห่งมิติมาไม่น้อย!

เขาหยิบหินแห่งมิติออกมาหนึ่งร้อยก้อนและกล่าวว่า “รีบซ่อมแซมให้เรียบร้อย พวกเราต้องพยายามให้มากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าสาวน้อยมีปัญหาอะไรหรือไม่!”

“เพื่อท่านอาจารย์ ข้าจะตั้งใจเต็มที่!” จวินโม่ซีมองมู่หรูเหยียนด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า “พวกเจ้าควรจับตาดูนางไว้ให้ดี หากไม่ฆ่าเจ้าตําหนักของพวกเจ้าตายก็ไม่น่าจะแสดงพลังนั้นออกมาได้ ดังนั้นพวกเราอาจจะให้นางได้เห็นสักสองสามกรับวนดาบ และวางยาพิษนางเสียหน่อย หอหมอปีศาจของเรา ไม่ได้ถูกรังแกง่ายดายเช่นนั้นอย่างแน่นอน!”

เหตุผลที่กองกําลังสำนักนิกายระดับสามได้รับการจัดอันดับให้เป็นกองกําลังระดับสามดาว เพราะมียอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิขั้นที่เก้าเต็มขั้นอยู่

เพราะยากระดูกมังกร พวกหอหมอปีศาจจึงมียอดฝีมือระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกมากพอ และไม่ค่อยมีศัตรูในแดนใต้ แต่เหนือระดับหกกลับไม่มีแม้แต่คนเดียว จึงไม่สามารถต่อกรกับกองกําลังสำนักนิกายระดับสามได้!

ผู้อาวุโสเหล่านั้นโกรธมาก “พวกเจ้าอย่าได้อวดดีเกินไปนัก เชื่อหรือไม่ว่าเดี๋ยว…”

“หุบปาก!” เขายังพูดไม่ทันจบ เฟิงอวิ๋นซิวก็ขัดจังหวะ

“พาคนไปรักษาตัวก่อนเถอะ! จะให้ค่ายกลส่งระยะไกลซ่อมจนเสร็จเกรงว่าคงต้องใช้เวลาหลายวัน!”

แต่พามู่หรูเหยียนไปที่โรงเตี๊ยม สุดท้ายโรงเตี๊ยมทั้งหมดก็ถูกหอหมอปีศาจเหมาเอาไว้ และปฏิเสธไม่ให้ใครเข้าพัก!

ผู้อาวุโสเหล่านั้นหน้าซีดเผือด จะให้พวกเขาคนของตำหนักตงจี๋นอนบนถนนหรือไร?

เป็นร้านขายยาขนาดเล็ก ๆ กลับมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้ รนหายที่ตายชัด ๆ!

หอหมอปีศาจต้อนรับแขกผู้หนึ่ง เป็นชายร่างสมบูรณ์แบบที่ทั้งมีเสน่ห์และสง่างามจนผู้คนต้องอิจฉา

จวินโม่ซีกล่าว “นี่ไม่ใช่นายน้อยของตําหนักตงจี๋หรอกหรือ? เจ้ามาทําอะไรที่หอหมอปีศาจของเรา? ร้านของเราเล็กมาก คงไม่สามารถรองรับผู้ยิ่งใหญ่อย่างเจ้าได้”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “ข้าเพียงรู้มาว่าหอหมอปีศาจแห่งนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉียนซี ดังนั้นข้าจึงมาดู! ยาของเฉียนซีดีมากและข้าต้องการซื้อสักหน่อย”

จวินโม่ซีตอบ “ไม่ขาย!”

เมื่อชายผู้นี้กล่าวถึงสาวน้อยแววตาก็ดูแปลก ๆ เขาไม่ชอบมัน!

โม่จิ่นกล่าว “หัวหน้านักปรุงยาจวิน เจ้าทำไม่ถูกแล้วกระมัง! เงินมาถึงที่ไม่ทำก็ไม่ได้”

โม่จิ่นยิ้ม “แต่เจ้า! เนื่องจากพวกเรากับตําหนักตงจี๋ของเจ้าขัดแย้งกันมาก หากอยากจะซื้อยาในหอหมอปีศาจของข้าล่ะก็ จำเป็นต้องเสนอราคาสูงสิบเท่า!”

ซวนอีโกรธ “เจ้ากําลังหลอกลวงนายท่านของเรา!”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา!”

สีหน้าของโม่จิ่นและจวินโม่ซีหม่นคล้ำลง ชายผู้นี้…

ท่ามกลางความวุ่นวายของห้วงมิติที่ไม่มีที่สิ้นสุด มู่เฉียนซีรู้สึกว่าพลังจิตของนางกําลังจะหมดไป และนางก็ได้หมดสติไป

แสงสีฟ้าได้เปิดช่องมิติและพามู่เฉียนซีออกไป แต่ระยะทางจากค่ายกลส่งระยะไกลเดิมนั้น เกรงว่าจะห่างกันมากถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้!

ปัง!

มู่เฉียนซีร่อนลงสู่แดนทุรกันดาร

หญ้าแคระที่อยู่รอบ ๆ มีสีเหลืองเหี่ยวเฉาและไม่ค่อยมีชีวิตรอด

มู่เฉียนซีหลับสนิทอย่างสงบนิ่ง ไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใด ๆ ของรอบข้างแม้แต่น้อย

ในตอนนั้นเอง หญิงสาวผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาและเห็นเงาร่าง!

“พี่เย่ ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีคนหมดสติอยู่ผู้หนึ่ง รีบมาดูเร็วเข้า”

“ที่นี่รกร้างว่างเปล่าไม่มีใคร แม้แต่สัตว์วิญญาณก็ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว ฉีเอ๋อร์เจ้ามองผิดไปหรือเปล่า”

“มีจริง มีจริง ๆ พี่เย่ ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าก็จะไม่สนใจเจ้าอีก” หญิงสาวกล่าวด้วยความตื่นเต้น ชายผู้นั้นเดินไปหาหญิงสาวและกล่าวว่า “มีคนจริง ๆ หรือ?”