บทที่ 2075 – หุบเขาวิหคเพลิง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 2075 – หุบเขาวิหคเพลิง
  “ฮ่าฮ่าฮ่าา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้จูบก้นคนอื่น…..”
  “ไปตายซะ!!”เฉินหวงตอบกลับด้วยความโกรธ ใบหน้าของเธอแดงก่ำและจ้องมองชิงสุ่ยโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังปลดปล่อยเสน่ห์ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยแรงดึงดูดมหาศาลที่ไม่อาจพรรณาเป็นคำพูดได้
  “แค่จูบข้าอีกครั้ง…..”
  เฉินหวงไม่ตอบกลับ เธอรู้ดีว่าการสนทนาในหัวข้อนี้จะยิ่งทำให้เธออภัยมากขึ้น แต่จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้เกลียดเขา ในใจของเธอยังรู้สึกวูบวาบ ในแบบที่เธอไม่เคยเป็น
  ชิงสุ่ยยิ้ม “ท่านตัวหรือไม่ แม่หญิงของข้า?”
  “ใครเป็นผู้หญิงของท่าน!!?”เฉินหวงไม่สนใจและเดินออกไปข้างหน้า
  “แต่ว่า ข้าจำได้ว่าท่านบอกกับข้าว่าท่านคือผู้หญิงของข้าและเป็นคนของข้าคนเดียว”ชิงสุ่ยกล่าวพลางยิ้มพลางขณะที่เขาจ้องมองรูปร่างอันแสนงดงามของเธอราวกับนางฟ้าในร่างมนุษย์
  “ข้าไม่เคยพูดแบบนั้น ไม่ว่าจะในอดีตหรืออนาคต เจ้าคนชั่ว”เฉินหวงยังคงอารมณ์ฉุนเฉียว
  คำพูดของชิงสุ่ยกระตุ้นความอับอายของเธอ
  “ก็ได้ก็ได้ ข้ายอมเป็นคนชั่ว อย่าโกรธข้าเลย ว่าแต่ท่านต่างหากที่เป็นคนยอมให้ข้าจูบก้น”
  “ข้าไม่ต้องการ ท่านช่างน่ารังเกียจจริงๆ”เฉินหวงกำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ ชายคนนี้ไม่รู้จักขอบเขตจริงๆ
  เฉินหวงตัวแข็งทื่อ เธอหันไปมองชิงสุ่ยโดยรู้ตัวเองดีว่าเธอกำลังถูกเขาแกล้ง จากนั้นเธอก็กระทืบเท้าเบาๆ “ท่านรู้วิธีการกลั่นแกล้งข้า ข้ารู้ว่าท่านแค่ล้อเล่น แต่ถ้ามันจริง ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านมีชีวิตรอด ครั้งหน้าอย่าได้พูดแบบนี้อีก”
  ชิงสุ่ยได้แต่หัวเราะโดยจินตนาการถึงเฉินหวงกลายมาเป็นคนจูบก้นเขา และแล้วเฉินหวงก็ดึงหูของเขาอย่างแรงและกล่าวว่า “ลบล้างความสกปรกพวกนั้นไปเลยนะ”
  ………………..
  “เอาจริงสิ บนภูเขาวิหคเพลิงไม่มีสมบัติเลยเหรอ?”ชิงสุ่ยต้องมองภูเขาที่มีขนาดกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา
  “แน่นอนว่ามันจะต้องมี ภูเขาวิหคเพลิงดึงดูดผู้คนมากมาย จุดประสงค์หลักเพื่อตามหาสมบัติ”เฉินหวงตอบกลับโดยไม่ลังเล
  “แล้วทำไมพวกเราไม่ออกตามหาบ้าง? เราจะปล่อยให้มันหลุดมือไปหรือ?”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับเรียกอสูรสยบมังกรออกมา
  “สมบัติไม่ได้หากันง่ายๆอย่างที่ท่านคิด ถ้ามันหาง่ายขนาดนั้น สมบัติก็คงไม่เหลือแล้ว”เฉินหวงถอนหายใจ
  “มันก็จริง แต่ข้าไม่เหมือนคนอื่น ข้ามีสัตว์อสูรที่โดดเด่นด้านตามหาสมบัติ”ชิงสุ่ยชี้นิ้วไปยังอสูรสยบมังกร
  ไม่มีใครรู้ว่าอสูรสยบมังกรครั้งหนึ่งเคยเป็นสัตว์อสูรที่ใช้ในการตามล่าสมบัติหรือยาปราณจิต
  “พวกเราก็ลองหาดูแล้วกัน ตอนนี้เรายังไม่มีอะไรให้ต้องทำ ตามข้ามา บางทีอาจจะมีสมบัติขนาดใหญ่อยู่ที่นั่นก็เป็นได้”เฉินหวงส่งสัญญาณนิ้ว
  ดวงตาของชิงสุ่ยส่องเป็นประกาย ขุมกำลังของเฉินหวงตั้งอยู่บนภูเขาวิหคเพลิง เธอจึงเข้าใจในสถานที่แห่งนี้ดีมากกว่าคนภายนอก นอกจากนี้ ทุกขุมกำลังย่อมมีหน่วยตามล่าสมบัติ พวกเขาจะเรียกว่าหน่วยค้นหาสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นนิกายเล็กหรือใหญ่ หรือแม้กระทั่งตะกูลต่างก็มีคนที่เก่งกาจเชียวชาญทักษะค้นหา
  กลุ่มราชวิหคเพลิง ได้ออกสำรวจพื้นที่หุบเขาวิหคเพลิงนับไม่ถ้วนและค้นพบสมบัติมหาศาล ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นสมบัติธรรมดา แต่บางชิ้นก็อยู่แล้วที่ดี ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาได้ค้นพบพื้นที่แปลกประหลาดมากมาย
  หุบเขาวิหคเพลิง!!
  นี่คือสถานที่ลึกลับ มันเหมือนจะเป็นภาพลวงตาที่จับต้องไม่ได้ ป้องกันผู้คนจากเมืองวิหคเพลิง แม้แต่เฉินหวงก็มองไม่เห็นความผิดปกติ อย่างไรก็ตาม จากสัญชาตญาณของพวกเขา มันบอกอย่างชัดเจนเลยว่าที่นี่จะต้องซ่อนสมบัติ
  “ไปที่หุบเขาวิหคเพลิงกันเถอะ!! ก่อนหน้านี้มีใครบางคนที่มีทักษะสูงส่งได้วางค่ายกลลวงตาเอาไว้ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นไปอย่างที่ข้าคิด ท่านสนใจไปตรวจสอบมันดูหรือไม่? ตามตำนานเคยบอกว่ามันมีรังนกวิหคเพลิงอยู่ แน่นอนว่ามันมีต้นอูท้งอยู่ที่นั่นด้วย”เฉินหวงกล่าว
  “ดีเลยไปดูกัน ไม่ต้องกังวล ข้าเองต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ข้าก็สามารถทำลายได้หมด”ชิงสุ่ยโอ้อวด
  ในมุมมองของเฉินหวง เขาอาจจะดูโอ้อวด แต่เธอก็เข้าใจดีว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการวางค่ายกล ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยช่วยชีวิตเธอคือการทำร้ายคน เธอจึงพาเขาไปยังหุบเขาวิหคเพลิง โลกใบนี้มียอดยุทธที่เชี่ยวชาญด้านการวางค่ายกลรูปแบบอยู่มากซึ่งเธอก็ได้ทดลองแล้ว แต่สำหรับค่ายกลโบราณ คงมีคนไม่มากนักที่จะเข้าใจ ซึ่งคนที่เข้าใจค่ายกลดีที่สุดและเป็นคนที่เธอรู้จักมากที่สุดก็ได้ยืนอยู่ข้างเธอแล้ว
  หุบเขาวิหคเพลิง อยู่ห่างจากภูเขาขนาดใหญ่ที่เป็นที่ตั้งของเมืองวิหคเพลิงไม่ไกลนัก ด้วยความเร็วของสัตว์อสูร มันทำให้การเดินทางไปยังหุบเขาวิหคเพลิงกินเวลาอันสั้น
  หินถูกย้อมด้วยสีแดงเข้ม สภาพแวดล้อมอบอุ่นขึ้นอีกเล็กน้อย ทว่าอากาศยังคงสดชื่น ถึงจะอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่หุบเขาวิหคเพลิงก็ยังคงร้อนระอุตลอดปี
  อากาศที่อยู่บริเวณโดยรอบไม่ต่างอะไรจากการเอาตัวเองไปอบในหม้อน้ำ แต่อย่างไรก็ตามพวกมันก็ไม่มีผลอะไรกับชิงสุ่ยและเฉินหวง ซ้ำยังทำให้พวกเขารู้สึกสบายเพราะสายลมที่พัดผ่านด้วยซ้ำ ด้วยพลังในการปรับตัวจึงทำให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ
  “พวกเรามาถึงแล้ว ที่นี่มีค่ายกลซ่อนเร้นอยู่หรือไม่?”เฉินหวงชี้นิ้วไปที่ทางเข้าภูเขาด้านหน้า
  ชิงสุ่ยมองดูแล้วไม่เห็นรูปแบบหรือค่ายกลใดๆทั้งสิ้น “เข้าไปดูกันเถอะ”
  หลังจากเดินเข้าไปข้างใน พวกเขาก็ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่แตกต่างจากเดิม มันดูเหมือนหุบเขาธรรมดาที่เต็มไปด้วยพืชและสัตว์ ต้นอู้ท้งขนาดใหญ่จำนวนมากกระจัดกระจาย โดยเฉพาะต้นที่อยู่ตรงกลาง เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วมันใหญ่กว่าเป็น 2 เท่า และมันก็น่าจะเป็นต้นอู้ท้งที่ใหญ่ที่สุดในหุบเขาวิหคเพลิง
  หากนับตามตำนาน ที่นี่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของวิหคเพลิงจำนวนมาก แต่อาจจะมีเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่อยู่ที่นี่และเป็นผู้ครอบครองหุบเขา
  สายพันธุ์มังกรวิหคเพลิงสวรรค์ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ วิหคเพลิงทมิฬของชิงสุ่ยก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ แต่สายเลือดของมันยังคงห่างไกลค่ะเทียบกับวิหคเพลิงสวรรค์ในอดีต สายเลือดของวิหคเพลิงแบ่งออกเป็น 3 ระดับที่แตกต่างกันไป ยิ่งมีความเข้มข้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่ง สายเลือดที่สืบทอดยิ่งไหลเวียนอยู่ในสายเลือดน้อยก็ยิ่งอ่อนแอ
  ชิงสุ่ยส่องสายตาก่อนจะหยุดตรงที่ต้นอู้ทง สีหน้าของเขาจริงจังมากขึ้น ต้นไม้ที่เขามองเห็นมีอยู่เกือบ 1 หมื่นต้น การมองครั้งแรกเขาไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่เขารู้สึกแปลกรู้สึกคลุมเครือ แต่ยิ่งพยายามตรวจสอบเขากลับมองไม่เห็นความผิดปกติ มันคือความผิดปกติที่ซ้อนอยู่กับความผิดปกติ
  “ท่านรู้สึกถึงอะไรบางอย่างผิดปกติจากต้นอู้ท้งใช่หรือไม่?”เฉินหวงกล่ามถามขณะจ้องมองชิงสุ่ย