บทที่ 2076 – ทำลายค่ายกล มอบเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ วิหารโบราณ
“ท่านรู้สึกถึงอะไรบางอย่างผิดปกติจากต้นอู้ท้งใช่หรือไม่?”เฉินหวงกล่ามถามขณะจ้องมองชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยส่ายหน้าและกล่าวว่า “มันไม่ได้คิดไปเอง ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ นี่มันจะต้องเป็นค่ายกลที่แปลกประหลาดมาก”
“มันจะช่วยอะไรไหมถ้าพวกเราโคนต้นไม้เหล่านั้นทิ้ง?”เฉินหวงเปล่าถาม
“ข้าจะบอกให้แม่หญิงของข้า ถ้าหากพวกเราตัดต้นไม้ทิ้ง ปริศนาที่อยู่ตรงหน้าจะกลายเป็นปริศนาไปตลอดกาล ทุกอย่างอาจจะถูกฝังหรือทำลายได้ หากพวกเราทำผิดพลาด”ชิงสุ่ยตอบ
“ถ้าเช่นนั้น ท่านทำลายค่ายกลนี้ได้หรือไม่? เหมือนว่าก่อนหน้านี้ท่านจะบอกว่าท่านสามารถทำลายทุกค่ายกลได้?”เฉินหวงกล่าวพลางยิ้มพลาง “แน่นอนว่า ข้าสามารถทำลายมันได้…ฮ่าฮ่า เพียงแต่ข้าต้องการเวลา”ชิงสุ่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เขาเริ่มเดินขึ้นไปบนท้องฟ้า และตั้งใจมองรูปแบบค่ายตนลงมาจากด้านบน ตัวของเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถในการเข้าใจค่ายกลที่เก่งที่สุดในมหาทวีป
ความรู้เกี่ยวกับค่ายกลของเขาถูกถ่ายทอดมาจากยุคบรรพกาล แม้ว่าค่ายกลในปัจจุบันจะมีความเปลี่ยนแปลง แต่มันก็มีรากฐานมาจากยุคบรรพกาลซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน ฉะนั้นชิงสุ่ยจึงมั่นใจมากว่าเขาจะสามารถทำลายรูปแบบได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมัน
หลังจากศึกษามาเป็นเวลาพักใหญ่ ชิงสุ่ยก็ยังไม่สามารถหาหนทางสู่ผลลัพธ์ได้ เฉินหวงเองก็ไม่ได้คาดหวังมาก ฉะนั้นเธอเองจึงไม่รู้สึกผิดหวัง……..ชิงสุ่ยปล่อยให้เธอนั่งอยู่บนอสูรสยบมังกรเพื่อตรวจหาสมบัติที่อยู่บริเวณโดยรอบ
ส่วนชิงสุ่ยยังคงนั่งอยู่บนพื้นดินจ้องมองไปที่ต้นอู้ท้ง ปล่อยให้เวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อเฉินหวงกลับมาแล้วเห็นชิงสุ่ยนั่งอยู่บนพื้น เธอก็เดินยิ้มเข้ามาหาและกล่าวว่า “ถ้าหากท่านมองไม่เห็นอะไรเลยก็ไม่เป็นไร ท้ายที่สุดแล้ว ดูเหมือนที่นี่จะมีค่ายกลที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยมียอดยุทธสมัยโบราณ มันคงกำลังรอเวลาและคนที่เหมาะสมมาเปิดมัน”
“ข้ามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มันเหมือนเป็นเวลาที่ไม่ถูกต้องหรือกำลังรออะไรบางอย่าง พวกเรารอกันไปก่อนเถอะ”ชิงสุ่ยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตอนนี้เป็นเวลาช่วงบ่าย ดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนที่เข้าหาทิศตะวันตก แสงอาทิตย์สีทองสาดส่องเข้ามาในหุบเขา ทำให้ต้นอู้ท้งสว่างไสวเป็นหย่อมๆ
เมื่อทั้งป่าถูกอาบด้วยแสงอาทิตย์ ชิงสุ่ยก็ลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาเปล่งประกายทันทีที่เปิดใช้ทักษะเบิกเนตรสวรรค์ เขายิ้มและอุทานว่า “ฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว”
ชิงสุ่ยรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปภายในระหว่างต้นอู้ท้ง และทุกครั้งที่ก้าวเดินต้นไม้ก็จะล้มลง หลังจากเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม ชิงสุ่ยก็กลับมา ด้วยการขยับมือทุกครั้งของเขาต้นไม้ที่อยู่ไม่ห่างไกลก็จะโค่นล้มลง
เมื่อต้นไม้โค่นล้ม ภาพทุกอย่างก็เริ่มชัดเจน ต้นไม้ที่สูงที่สุดในป่ากลายสภาพเป็นพระราชวังขนาดยักษ์ มันทั้งยิ่งใหญ่เลย แม้จะเป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่ดูเรียบง่าย
สถานที่แห่งนี้ไม่เคยปรากฏพระราชวังมาก่อน และเมื่อพระราชวังปรากฏมันทำให้หวนนึกถึงวิหารโบราณที่ถูกสร้างขึ้นบนต้นไม้โลก แค่จินตนาการภาพสถานที่โบราณกาล ก็เพียงพอจะทำให้ผู้คนที่มีความขาดกลัวตกใจกลัวอย่างมาก
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยและเฉินหวงก็ไม่ได้รู้สึกกลัว พวกเขารีบเดินเข้าไปภายในพระราชวังโบราณ
“ท่านทะลวงค่ายกลได้จริงๆเลย?”เฉินหวงจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“ก็อย่างที่ข้าเคยบอกท่าน ไม่มีค่ายกลหรือรูปแบบใดที่ข้าทำลายไม่ได้ ท่านคิดว่า ข้าน่าประทับใจแล้วหรือยัง?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะคุยโม้โอ้อวด
“แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องประทับใจได้อย่างไร?”เฉินหวงเบือนหน้าหนีชิงสุ่ย
………….
ชิงสุ่ยและเฉินหวงเดินเข้าไปในพระราชวังลึกลับพร้อมกับอสูรสยบมังกรและแมงมุมมังกร อสูรทั้งสองจะคอยคุ้มกันชิงสุ่ยจากเบื้องหน้า เนื่องจากทั้งสองคนไม่รู้ว่าข้างหน้ามีภัยอันตรายใดรออยู่
ประตูทางเข้าพระราชวังสร้างขึ้นจากวัตถุสีดำสนิทให้ความรู้สึกน่าประทับใจ ชิงสุ่ยเอื้อมมือออกไปอย่างช้าๆ และผลักประตูตรงหน้าจนเปิดออก
เอี๊ยดดดด!!
เสียงแรงเสียดทานดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เริ่มขยับ ลมหนาวพัดออกมาจากข้างใน ทำให้ชิงสุ่ยเกิดความไม่สบายใจ สีหน้าการแสดงออกของเฉินหวงก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเช่นกันจนถึงขั้นที่ชิงสุ่ยสังเกตและกล่าวถามว่า “ท่านกลัวหรือ?”
“ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตัวข้าเองก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย”เฉินหวงกล่าวขณะขมวดคิ้ว
“ที่นี่ต้องมีบางสิ่งบางอย่างแฝงความอันตรายอยู่อย่างแน่นอน ความรู้สึกของข้าถูกต้องเสมอ พวกเราจะต้องระวัง”เฉินหวงกล่าวเสริม
“รอเดี๋ยวก่อน ข้ามีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะมอบให้ท่าน”ชิงสุ่ยครุ่นคิดก่อนจะหยิบเอาเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ออกมาแล้วยื่นให้กับเฉินหวง
เมื่อมองไปที่เจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์อันแสนงดงาม เฉินหวงก็ได้แต่งงและถามว่า “นี่คืออะไร?”
“ฟังข้า ทำสัญญากับสมบัติชิ้นนี้ แล้วในไม่ช้าท่านจะรู้เอง สิ่งนี้เป็นของที่ดี”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินหวงปฏิบัติตามคำแนะนำของชิงสุ่ย เธอเชื่อจากใจจริงว่าชิงสุ่ยไม่มีทางทำร้ายเธอ เพราะตัวของเธอเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากชิงสุ่ยมาหลายต่อหลายครั้ง ถ้าหากชิงสุ่ยต้องการชีวิตของเธอ เธอก็พร้อมเต็มใจจะมอบให้ ถึงเขาจะหลอกให้เธอไปสู่ความตาย เธอก็จะไม่แค้นเขา
เมื่อกระบวนการทำสัญญากับวัตถุเสร็จสิ้น เฉินหวงถึงขั้นตกตะลึงกับความสามารถอันแสนน่าทึ่งของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ การโจมตีของเธอเคยอยู่เหนือกว่าระดับพลังป้องกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้กลายเป็นผู้ถือครองมรดกแห่งบุปผาสวรรค์ แต่สำหรับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ มันได้สร้างคลื่นพลังป้องกันอันแข็งแกร่งบริเวณผิวร่างกายของเธอ พร้อมกับเพิ่มพูนระดับพลังการป้องกันให้ก้าวกระโดด
“ชิงสุ่ย นี่คือขุมทรัพย์ ยิ่งไปกว่านั้นมันก็มีค่ามาก มันทั้งไม่เหมาะสมและมากเกินกว่าที่ข้าจะรับได้”เฉินหวงกล่าวกับชิงสุ่ย
“ไม่เหมาะสมได้อย่างไร?”ชิงสุ่ยยิ้ม
“มันมีค่าเกินไป ท่านจะสูญเสียประโยชน์มหาศาลหากท่านมอบให้ข้า”
“ข้าไม่ได้รู้สึกสูญเสียอะไรเลย และการได้มอบให้ท่านก็ทำให้เขามีความสุข ความสุขเช่นนี้แม้จะมีเงินทองก็ซื้อไม่ได้ “ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเป็นกันเอง
ในความเป็นจริงแล้ว เฉินหวงก็ยอมรับอยู่ในจิตใจ ความคิดของเธอได้พัฒนาไปข้างหน้าเมื่อไม่นานมานี้ ความสัมพันธ์ของเธอกับชิงสุ่ยยืนอยู่บนความซับซ้อน แต่เนื่องจากเธอนะตัดสินใจแล้วและยอมรับเหตุผล เธอจึงรับเอาของขวัญจากชิงสุ่ยมาโดยไม่รู้สึกผิด
ชิงสุ่ยเปิดใช้ดอกบัวสำแดงลำดับที่ 9 ในขณะที่เฉินหวงก็เปิดใช้งานกลีบพิรุณใต้ฟ้า
ค่ายกลปราการดอกไม้ที่เฉินหวงใช้แข็งแกร่งกว่าตอนที่ปีศาจดอกไม้ใช้ กลีบดอกไม้ที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเธอเป็นสีทองสดใสและมีพลังทำลายล้างมากกว่าปีศาจดอกไม้หลายเท่า
ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในสวนที่อยู่ข้างใน สิ่งที่พวกเขาพบคือพายุยักษ์ขนาดใหญ่ มันมีวัตถุลึกลับบางอย่างพวกมาหาพวกเขา ลักษณะคล้ายกับฝนกลีบดอกไม้ ชิงสุ่ยรีบเรียกภูเขา 9 เทวาออกมา และเรียกอสูรสยบมังกรและแมงมุมมังกรด้านหลังภูเขา
ครึ้นนนนน ครึ้นนนน พรวดดดดด………
พายุโหมกระหน่ำที่เข้าโจมตีมันทำให้เขาอึดอัด ราวกับว่าเขาไม่อาจขยับได้ มันเป็นความรู้สึกประหลาด แต่โชคดีที่เขามีภูเขา 9 เทวาเป็นโล่ห์ปราการ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวของเขาจะหลบหนีโดยไม่บาดเจ็บได้หรือไม่…..แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่คือคมดาบดอกไม้ที่แฝงไปด้วยพิษและเข็มพิษมากมายที่สร้างขึ้นจากวัตถุที่เกินจินตนาการ เหล็กปีศาจ แม้แต่ตัวของชิงสุ่ยที่เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษ ก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเข็มที่ส่องประกายความอันตรายเย็นยะเยือก
��