GGS:บทที่ 962 เก็บซ่อนไม่ได้

ลูลู่ มู่ติง และสาวๆเองเมื่อได้เห็นกล่องต่างก็ตื่นเต้นจนจ้องกันด้วยสายตาอันลุกวาว แค่มองดูก็รู้ว่าสาวๆในตอนนี้ต่างก็ตื่นเต้นกันไปหมด
ตื่นเต้นออกนอกหน้าจนเซียงหลงที่เห็นของในกล่องแล้ว มองซ้ายมองขวาก็แล้วยังดูไม่ออกว่ามันมีอะไรน่าตื่นเต้นตรงไหน
มีสาวคนหนึ่งได้หยิบกล่องของขวัญที่อยู่ในมือของลูลู่ก่อนที่จะพลิกแผลงตะแคงหงายกล่องดูราวกับกำลังดูของโบราณล้ำค่าก่อนจะพูดออกมาว่า

“พระเจ้า นี่มันผงเสริมความงามของบริษัทซือหยาจริงๆด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นกับตาตัวเองเลยนะ”
มีสาวอีกคนหนึ่งได้นำโทรศัพท์ออกมาก่อนที่จะทำการแสกนโค้ดที่ติดไว้ข้างกล่องในทันที หลังจากที่กดนู่นนี่ในโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง อยู่ๆเธอก็ได้พูดออกมาว่า “ของจริงด้วยอ่ะ”
มู่ติงหันหัวของเธอไปยังซูจิ้งแล้วทำการจ้องมองพักใหญ่ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ของปลอมก็แปลกแล้วล่ะ”
กับของชิ้นนี้หากคนอื่นนำมามอบให้แน่นอนว่าอาจมีปลอมได้บ้าง แต่ในเมื่อเจ้าของบริษัทมาพร้อมเสี่ยวรุยแบบนี้ล่ะก็ ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้เพื่อนของเขาต้องขายหน้าอย่างแน่นอน

อีกอย่าง ของชิ้นนี้นั้นหาได้ยากยิ่งนักสำหรับคนทั่วไปเพราะไม่ได้ผลิตขาย แต่กับซูจิ้งนั้นมีพร้อมอยู่ในกระเป๋าทุกเมื่ออยู่แล้ว
“ผงเสริมความงามที่ไม่ได้เอาไว้ขาย?” เซียงหลงและคนอื่นๆในกลุ่มของเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องไปยังผงเสริมความงามกล่องนึ้
สำหรับพวกเขาแล้ว ผงเสริมความงามแบบนี้มันเป็นของใช้ของผู้หญิง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่เคยใช้
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ได้ยินเรื่องเล่าของผงเสริมความงามนี้มาอยู่บ้างว่าผงเสริมความงามนี้ขายดีแบบเทน้ำเทท่าชนิดที่ผลิดออกมาขายไม่ทัน
ไม่เพียงแค่ดาราในประเทศเท่านั้นที่ชอบใช้ผงเสริมความงามนี้ ดาราต่างประเทศก็นิยมใช้ไม่น้อยไปกว่ากัน จนตอนนี้แบรนด์ของซือหยานั้นได้ก้าวไกลไปในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพวกเธอยังกระหน่ำโหมให้ชื่อของบริษัทเธออยู่ในโฆษณาอยู่บ่อยครั้ง

เครื่องสำอางของซือหยาในตอนนี้เปรียบได้ดั่งสินค้ายี่ห้อสุพรีมที่ล่ำลือกัน สินค้าของสุพรีมนั้นไม่ได้มีไว้ขาย หากแต่มีไว้เพื่อเจาะกลุ่มการตลาดหรือไม่ก็โฆษณาสินค้าอื่นต่ออีกทีหนึ่ง
พวกเขานั้นจะใช้วิธีการผลิตออกมาเพื่อขายในจำนวนน้อย หลังจากนั้นใช้วิธีการขายด้วยวิธีประมูลแทน และกล่องที่อยู่ตรงหน้าทุกคนที่อยู่ในงานในตอนนี้นั้นเป็นกล่องเครื่องสำอางที่มีราคาสูงสุดเคยขึ้นไปหยุดอยู่ที่สามแสน และแน่นอนว่าด้วยการที่กล่องผงเสริมความงามนี้ไม่ได้มีขายทั่วไป การจะได้มาสักกล่องหนึ่งถือได้ว่ายากเย็นแสนเข็ญนัก
คนที่อยู่นอกวงการนั้นย่อมไม่รู้ว่าสิ่งนี้เปรียบได้ดั่งของยี่ห้อสุพรีมที่ไม่ได้มีขายอีกต่อไป แน่นอนว่าสำหรับซูจิ้งแล้วผงเสริมความงามของบริษัทซือหยาไม่ได้หายากเย็นอะไรเลย
นั่นก็เพราะว่าของชิ้นนี้คือของที่ซูจิ้งทำขึ้นมาเองและแน่นอนว่าเขาได้คัดสรรสมุนไพรที่ใช้ในการทำอย่างดี แม้แต่บรรจุภัณฑ์เองเขาก็สั่งไว้สำหรับงานนี้เป็นพิเศษ
แน่นอนว่าสาวๆหลายๆคนไม่เคยรู้เรื่องนี้ พวกเธอรู้เพียงแต่ว่าผงเสริมความงามเม่ยหยานของบริษัทซือหยานั้นคือสุดยอดของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
และเซ็ตนี้คือผลิตภัณฑ์ที่มีผลดีกว่าผลิตภัณฑ์เสริมความงามรุ่นทั่วไปที่บริษัทวางขาย เซ็ตผงเสริมความงามนี้สำหรับสาวๆแล้วเปรียบได้ดั่งสมบัติในตำนานที่พวกเธอทำได้เพียงแค่ใฝ่ฝันถึงเท่านั้น

ทันทีที่เซียงหลงได้เห็นของขวัญชิ้นนี้ เขารู้ในทันทีว่าตัวเขานั้นได้แพ้อย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
อย่างแรกหากมองในเรื่องของมูลค่านั้นของขวัญที่เสี่ยวรุยนำมานั้นแทบจะประเมินค่าไม่ได้เพราะว่าต่อให้มีเงินมันก็ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
เทียบกับสร้อยของเขานั้นถือได้ว่าเซ็ตผงเสริมความงามนี้มาค่ากว่ามาก เพราะก่อนหน้านี้ที่มีการขายออกมา 30 ล้านชุดนั้นได้หมดอย่างไว และก็ไม่มีท่าทีว่าจะทำขายอีก
มีหลายๆคนที่เสนอราคาซื้อกว่าหนึ่งล้านหยวนต่อให้มีการใช้ไปแล้วก็ตามแต่ก็ไม่มีใครคิดจะขายเลยแม้แต่น้อย นี่แสดงให้เห็นว่าเซ็ตผงเสริมความงามนี้มีค่าแค่ไหน
อย่างที่สอง เขาเองก็ได้สังเกตุเห็นท่าทางของลูลู่เหมือนกันในตอนที่เขานั้นมอบสร้อยคอของเขาให้ เมื่อเทียบกับท่าทีของลูลู่ที่เพียงแรกเห็นเซ็ตผงเสริมความงามนี้มันช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตาของเธอจับจ้องที่เซ็ตของขวัญนี้ชนิดไม่วางตาแม้แต่ตอนที่เพื่อนของเธอหยิบไปเล่นราวกับว่ากลัวจนโดนเพื่อนของเธอจกไปใช้หรือทำหล่น
ต่อให้มันแพงขนาดไหนแต่ดูท่าทีแล้วยังไงเธอก็ต้องรับมันมาใช้อย่างแน่นอน

“พี่รุย ผงเสริมความงามนี้หาซื้อไม่ได้แล้วนะ พี่จะให้ฉันจริงๆเหรอ” ลูลู่เองนั้นอยากจะเก็บเซ็ตผงเสริมความงามนี้เก็บไปโดยเร็ว แต่เธอเองก็อดวางท่าไม่ได้อยู่ดีจึงถามออกมา
ตอนที่ถามเธอก็ได้มองไปที่ซูจิ้งไปด้วยเพราะเธอรู้ดีว่าของชิ้นนี้เสี่ยวรุยเอามาจากใคร ซูจิ้งนั้นก็หาได้สนใจไม่เพียงสนใจกับเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าราวกับขี้เกียจวุ่นวาย หากเธอไม่รับไว้ก็ดีเขาจะได้เอาคืนมา
“แน่นอนสิคะคนดี” เสี่ยวรุยพูดออกมาพลางพยักหน้าเสริมความตั้งใจของเขา
“แต่มันล้ำค่ามากนะ” ลูลู่เองยังคงไว้ท่าอีกเล็กน้อย แต่ใจเธอตอนนี้บอกกับตัวเองไว้ว่าต่อให้เสี่ยวรุยจะขอคืนเธอก็ไม่ยืมคืนให้เป็นแน่
เพราะเธอเองก็ทุ่มเงินไปมหาศาลเพื่อควานหาต่อก็ยังไม่ได้มาเลยสักชิ้น การที่อยู่ๆของที่เธออยากได้ที่สุดมาอยู่ในเงื้อมมือแบบนี้ราวกับความฝันของเธอเป็นจริงเลยทีเดียว
“ลู่น้อย รับไว้เถอะน่า” สาวๆหลายๆคนในงานในตอนนี้พยายามยุยงลูลู่อย่างเต็มที่ พวกเธอนั้นเป็นเพื่อนในวงการนางแบบไม่ก็เพื่อนร่วมบริษัทของเธอทั้งนั้น

ในกลุ่มของพวกเธอมีเพียงคนเดียวที่ได้มีโอกาสได้ผงเสริมความงามของซือหยามา ด้วยการที่ผงนี้ใช้ง่ายมากๆและดูดีได้ตั้งแต่แรกเห็นจนมีคนทักในทันที
นี่ทำให้ทุกคนในกลุ่มเพื่อนของเธอนั้นหลงรักผงเสริมความงามนี้กันไปเลย และทุกคนต่างก็ได้มีโอกาสใช้กันไปอย่างน้อยๆก็คนละครั้ง
ด้วยการที่ผงเสริมความงามนี้ใช้แนวคิดเดียวกับผลิตภัณฑ์ของสุพรีมทำให้พวกเธอไม่มีโอกาสได้ซื้อมันมาครอบครองอีก การได้มันมาไว้อย่างนี้ราวกับความฝันไป
การที่เพื่อนของพวกเธอได้มาอยู่ในมือแบบนี้แล้วมีท่าทีจะปล่อยให้หลุดมือไป ถ้าเสี่ยวรุยดันจะเอากลับไปจริงๆล่ะก็ พวกเธอพร้อมจะสู้ตายถวายชีวิตในทันทีเพื่อให้ได้มันมาครองแทน
“ลู่น้อย ความจริงแล้วราคาของเซ็ตผงเสริมความงามนี้ไม่ได้แพงอะไรเลยนะ เพียงแค่มันนั้นไม่ได้ทำมาขายบ่อยก็เท่านั้นเอง ด้วยการที่ในตลาดมีพวกมันเพียงน้อยนิดทำให้ราคาสูงเกินจริงไปก็เท่านั้น
พี่เองก็หาซื้ออยู่พักใหญ่แต่หาไม่ได้ก็เลยทำได้เพียงขอให้พี่สามของพี่หามาให้ก็เท่านั้นเอง หากลู่น้อยไม่ต้องการจริงๆพี่ก็คงมีแต่ต้องให้คนอื่นแล้วล่ะ” เสี่ยวรุยในตอนนี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราวกับเริ่มตัดใจจริงๆ
“ห้ะ ถ้าน้องไม่ได้ไปแล้วพี่จะเอาไปให้สาวที่ไหนกัน” ลูลู่ถามออกมาอย่างสงสัยในทันที
“ฮ่าฮ่า หากลู่น้อยไม่รับไปพี่ก็คงนำไปให้แม่ของพี่ล่ะนะ” เสี่ยวรุยที่เห็นท่าทีของลูลู่ก็แสดงความดีใจขึ้นมาในทันทีแล้วตอบออกไปอย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้มละไม

ลูลู่หัวเราะคิกคักในทันทีที่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวรุย เธอเองก็ถึ่งจะรู้ว่าเสี่ยวรุยเป็นคนตลกแบบนี้เหมือนกัน แต่เพียงเท่านี้ลูลู่ก็ประทับใจในนิสัยของเสี่ยวรุยไปเรียบร้อยแล้ว
และนี่ทำให้เธอเลิกเกรงใจเสี่ยวรุยอีกต่อไป เธอได้แย่งเซ็ตผงเสริมของงามกลับมาจากมือเพื่อนของเธอในทันทีก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ขอบคุณค่ะ”
“คุณพี่รุยคะ โคตรลำเอียงเลยอ่ะ ลู่น้อยได้ไปแล้วไม่เห็นมีให้พวกเราบ้างเลย” สาวๆบางคนเริ่มค่อนขอดเพราะความอิจฉาและริษยาที่เห็นลูลู่ได้สมบัติสำหรับพวกเธอไปอย่างง่ายดาย
“นี่มันวันเกิดของลู่น้อยนี่ ไม่ใช่วันเกิดของพวกเธอซะหน่อย” เสี่ยวรุยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็หมายความว่าหากถึงวันเกิดของพวกเราคุณพี่จะมอบผงเหมยหยานนี้ให้พวกเราใช่ไหม” สาวๆหลายคนก็เริ่มคุยกับเสี่ยวรุยอย่างหัวร่อต่อกระซิก

“ไม่มีทางน่า ฉันมีเซ็ตนี้แต่เซ็ตเดียวเท่านั้นแหล่ะ มีเพียงหนึ่งไม่มีชิ้นที่สอง” เสี่ยวรุยเองก็พูดออกมาอย่างอายๆเล็กน้อย เขาก็รู้ดีว่าสาวๆเหล่านี้คือเพื่อนสนิทของลูลู่
แน่นอนว่าเขาเองก็มีความจำเป็นต้องเอาใจคนพวกนี้อยู่เหมือนกัน เขาจึงเลือกที่จะใช้สายตาตอบคำถามแทนด้วยการขยิบตาให้สาวๆก่อนที่จะพยักหน้าไปทางซูจิ้งในทันที
เขานั้นยอมแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยการยอมขายซูจิ้งเลยทีเดียว
เมื่อเห็นดังนั้น สาวๆหลายๆคนก็เข้าใจในทันทีก่อนที่จะรีบไปแย่งกันนั่งข้างซูจิ้งก่อนจะอ้อนซูจิ้งในทันที และด้วยเหตุนี้เองพวกเธอก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะกีดกันเสี่ยวรุยในการจีบลูลู่อีกต่อไป

พวกเธอนั้นก็อยากจะขอเซ็ตผงเสริมความงามชุดพิเศษนี้กับซูจิ้งเหมือนกัน แต่พวกเธอเองก็อายเกินกว่าที่จะถามตรงๆจึงได้แค่ออดอ้อนเรียบเรียงเตียงถามเขาเท่านั้น
แน่นอนว่าซูจิ้งนั้นแสดงท่าทีไม่รู้ไม่เห็นราวกับเขานั้นอยู่คนละโลกกับพวกเธอ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าพวกเธอพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

ในระหว่างนี้ เซียงหลงได้เก็บสร้อยคอที่เขานำมากลับไปด้วยอย่างเงียบๆ พร้อมด้วยใบหน้าที่ราวกับบิดงอและรู้สึกอับอายอย่างที่สุด ถึงแม้ของขวัญของเขาจะเป็นที่ยอมรับแต่ตัวเขาก็ไม่ได้คิดว่าเขาพ่ายแพ้ต่อเสี่ยวรุยแต่อย่างใด
เรื่องนี้ทำให้เซียงหลงนั้นขุ่นเคืองใจไม่น้อย เขามีความคิดอยู่เหมือนกันว่าจะหาของขวัญที่ทำให้ลูลู่ดีใจและยอมรับมันไว้โดยไม่อาจปฏิเสธได้แบบนี้แล้วเขาจะได้มีแต้มต่อในการจีบเธอเหมือนกัน
แต่ทันทีที่เขาหันไปมองซูจิ้งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาเองก็ได้เห็นซูจิ้งมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมเหมือนกัน นี่ทำให้เซียงหลงตกใจจนขนลุกในทันทีราวกับว่าเขากำลังเป็นสัตว์ตัวน้อยที่ถูกจับจ้องด้วยสัตว์นักล่าเลยก็ว่าได้

นี่ทำให้เซียงหลงพลันนึกขึ้นมาได้ถึงฉายาจ้าวแห่งของขวัญของซูจิ้ง นอกจากจะได้ยินเขาเองก็ยังได้เคยเห็นฉากอันน่ามหัศจรรย์ที่ซูจิ้งได้นำของขวัญของเขามอบให้คนอื่นอยู่หลายหน
โดยเฉพาะในตอนนี้พิพิธภัณฑ์ของซูจิ้งที่เพิ่งเปิดเองก็ล้วนแล้วแต่มีสมบัติล้ำค่าอันประเมินค่าไม่ได้จนทำให้ทั่วทั้งโลกต้องจับตามอง เขาตระหนักได้ทันทีว่าไม่ว่าเขาจะเอาอะไรออกมาแต่เมื่อเทียบกับของขวัญที่ซูจิ้งหามาได้คงไม่ต่างจากของเล่นธรรมดาสามัญเท่านั้น
ต่อให้ไม่คิดถึงเรื่องนั้นเพียงแค่เซ็ตผงเสริมความงามชุดพิเศษที่เสี่ยวรุยเอามานี้ เขากลัวว่าต่อให้เขาไปเหมาเครื่องประดับมาทั้งวงการก็ไม่อาจจะทำให้ลูลู่สนใจเขาได้
ในตอนนี้เขาคงได้แต่อยู่เฉยๆไม่เอาตัวเองไปขวางทางปืนสินะ

เมื่อนานมาแล้วมีใครสักคนสบประมาทไว้ว่าการที่ซูจิ้งไปงานเลี้ยงต่างๆแบบนี้เขาไม่เคยขาดของขวัญที่จะมอบให้เจ้าของงาน และที่เขาทำแบบนั้นเป็นเพราะเขาเองแค่จะโอ้อวดสมบัติที่เขามีไว้ก็เท่านั้น แถมเขายังเคยบอกเองว่าหากเขาไม่มอบอะไรให้เลยก็จะรู้สึกไม่สบายใจที่เข้าไปร่วมงานเลี้ยงเฉยๆ
หากอยู่ๆเขายังคิดจะก่อกวนซูจิ้งล่ะก็ ไม่เพียงจะไม่ได้มอบของขวัญแล้ว เขาอาจต้องหน้าแตกละเอียดยับจากของขวัญที่ซูจิ้งนำมามอบให้ก็เป็นไปได้

เมื่อคิดได้ดังนี้ เซียงหลงก็เลือกที่จะตัดใจเรื่องของขวัญในทันที แต่เขาเองก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆเช่นเดียวกัน นี่ทำให้เขาตัดสินใจพูดออกมาว่า “ลู่น้อย ในเมื่อเธอไม่รับของขวัญของฉันก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็ขอให้ฉันแสดงอะไรบางอย่างให้เธอแทนก็แล้วกัน
ฉันจะแสดงมายากลเล็กน้อยให้เธอชม แต่ด้วยความสามารถอันเล็กน้อยของฉันก็ได้แต่หวังว่าเธอจะสนุกกับมันเท่านั้นล่ะนะ”