GGS:บทที่ 963 มายากล
“มายากลอะไรอ่ะ” สาวๆหลายๆคนได้เข้ามาอ้อมล้อมอยู่หน้าเซียงหลงทันทีด้วยความสนใจ
“เฮ้ๆ ไม่ต้องรีบร้อนน่า เดี๋ยวก็ได้เห็นกันเอง คอยดูดีๆก็แล้วกัน” เซียงหลงได้ล้วงเข้าไปในอกเสื้อด้านในก่อนที่จะนำเอาไพ่ออกมาคู่หนึ่งและเริ่มจัดท่าทางของตัวเองก่อนที่จะทำการสับไพ่ในทันที ดูจากท่าทางในการสับไพ่ของเขานั้นดูออกได้เลยว่าตัวเขานั้นฝึกมาพอสมควร ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมืออาชีพแต่ก็ถือได้ว่าดีกว่าคนธรรมดามากนัก
เขาได้เตรียมที่จะแสดงมายากลที่เรียกว่ากลอ่านใจ เมื่อเขาสับไพ่เสร็จเขาได้ขอให้ลูลู่เลือกไพ่ขึ้นมาใบหนึ่ง แล้วเขานั้นทำทีเป็นอ่านใจของลูลู่โดยจะบอกว่าไพ่นี้คือไพ่อะไรโดยไม่ดูไพ่นี้แม้แต่น้อย
เมื่อเสร็จสิ้นการแสดง เขานั้นก็ได้บอกได้ถูกต้องว่าไพ่ที่ลูลู่เลือกไว้คือไพ่อะไรได้อย่างถูกต้อง นี่ทำให้ลูลู่และสาวๆต่างก็ประหลาดใจกันไปหมด
เมื่อเสร็จสิ้นกลอ่านใจแล้ว เซียงหลงยังคนทำการแสดงต่ออีกเล็กน้อยด้วยการเป่าลมใส่ไพ่หัวใจใบหนึ่ง หลังจากนั้นเขาได้ทำการถูกมันราวกับเซียนเกาจิ้งประหนึ่งอยากจะเสกอะไรบางอย่างขึ้นมา
จนในที่สุดแล้วจากลายไพ่รูปหัวใจนั้น อยู่ๆก็ได้กลายเป็นหัวใจดวงน้อยๆขึ้นมาหนึ่งดวง เมื่อมันปรากฎออกมาแล้ว เซียงหลงก็ได้หยิบยื่นหัวใจนี้ให้กับลูลู่ในทันที
ด้วยกลหลอกเด็กนี้ถึงแม้จะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็ดูเหมือนว่าทำให้เซียงหลงได้แต้มในการจีบลูลู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมีสาวๆบางคนเท่านั้นที่รู้สึกกรี๊ดกร๊าดไปกับการทำของเซียงหลง
แต่ยังไงซะการเสกหัวใจออกมาจากหัวใจแบบนี้ยังไงซะมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวรุ่นๆแบบนี้
“มันก็แค่การแสดงนิดๆหน่อยๆเอง จะกรี๊ดกร๊าดไปทำไมนัก” เสี่ยวรุยได้แอบบ่นพึมพำออกมาเบาๆในขณะที่จ้องไปการแสดงนี้อย่างดูแคลน แต่เมื่อเห็นท่าทีของลูลู่ที่ดูอายหน่อยๆแล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่าการกระทำของเซียงหลงนี้ไม่ได้เสียเปล่าแม้แต่น้อย
ถึงแม้ลูลู่จะไม่ใช่คนที่หลงใหลไปกับเพียงกลเล็กๆแบบนี้ก็ตาม ต่อด้วยการอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ทำให้เธอเองยากที่จะหลบเลี่ยงไม่ให้หัวใจของเธอถูกขโมยไปได้ง่ายๆเหมือนกัน
“โห่ เสี่ยวรุย นายไม่คิดที่อยากจะเตะตัดขาไอ้หมอนี่หน่อยเหรอ” ซูจิ้งถามออกมาในขณะที่มองไปยังน้องต่างเลือดของเขาที่กำลังนั่งกระสับกระส่ายด้วยเสียงเบาๆ
“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่อยากนะ ผมอยากให้ไอ้หมอนี้แค่เห็นหน้าผมก็วิ่งหางจุกตูดไปเลยด้วยซ้ำ แต่ผมจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน ผมก็แค่นักบิลเลียดไม่ใช่นักมายากลนี่นา แถมที่นี่ไม่มีโต๊ะบิลเลียดให้ผมแสดงความสามารถซะด้วยสิ” เสี่ยวรุยพูดออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ห้ะ นายจะแสดงบิลเลียดทำไมนี่ไม่ได้อยู่ในเวลางานของนายซะหน่อย อีกอย่าง ฉันขอแนะนำนายเอาไว้เลยนะว่าหากจะข่มคนน่ะนะ มันจะไร้ค่าถ้านายไปข่มคนนั้นในเรื่องที่เขาไม่เก่ง
ถ้านายคิดจะข่มจริงๆล่ะก็จะต้องข่มคนด้วยทักษะที่คนคนนั้นคิดว่าดีที่สุดต่างหาก” ซูจิ้งพูดออกาด้วยรอยยิ้ม
“ห้ะ แล้วผมจะไปขิงกับไอ้หมอนี่ได้ยังไงกันล่ะ” เสี่ยวรุยได้หันมาคุยกับซูจิ้งแบบจริงจังในทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงซูจิ้งเมื่อครู่นี้
“ฉันจะสอนมายากลให้นายกลหนึ่ง แน่นอนว่าฉันเชื่อว่านายจะเรียนรู้กลนี้ได้ในทันที ตอนแรกฉันก็ว่าจะเอากลนี้ไว้เล่นให้ชิงชิงดู แต่เห็นแก่ว่านายยังโสดนะเนี่ยฉันเลยจะยอมให้นายไปเล่นก่อนเลย”
ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนที่จะค่อยอธิบายกลของเขาด้วยน้ำเสียงเบาๆให้แก่เสี่ยวรุยฟังก่อนที่เขาจะส่งบางสิ่งเข้าไปในมือของเสี่ยวรุยแบบไม่ให้มีใครจับสังเกตได้
เสี่ยวรุยที่ได้ยินกลของซูจิ้งนั้นก็รู้สึกอัศจรรย์ในตัวซูจิ้งทันทีที่ได้ยินพลางคิดไปว่านี่จะไม่ง่ายไปหน่อยรึเปล่า กลแบบนี้น่าจะหลอกไม่ได้แม้แต่เด็กสามขวบด้วยซ้ำ
และเมื่อเสี่ยวรุยเห็นของที่ซูจิ้งส่งมาให้เขาแล้วก็ถึงกลับพูดไม่ออกเลยสักนิด ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าซูจิ้งกำลังหลอกเขาให้ทำอะไรแปลกๆแหงๆ
ถึงแม้เสี่ยวรุยถึงแม้จะยังไม่เข้าใจนักแต่เขาก็โดนซูจึ้งผลักให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะถีบส่งออกมาในทันทีที่การแสดงมายากลของเซียงหลงเกือบจะจบลง
และในทันทีที่เซียงหลงจบการแสดงของเขาด้วยความภาคภูมิใจ ทุกคนก็เพิ่งจะสังเกตุเห็นว่าเสี่ยวรุยได้มายืนอยู่ต่อหน้าทุกคนแล้วนี่ทำให้เซียงหลงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างน่าเกลียดก่อนจะพูดออกมาว่า “ทำไมนายไม่ลองมาแสดงอะไรให้พวกเราดูสักหน่อยล่ะ”
ที่เซียงหลงพูดออกมาแบบนี้ได้อย่างเต็มปากนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่าเสี่ยวรุยเป็นศัตรูความรักของเขา และเขายังรู้อีกว่าตัวเสี่ยวรุยนั้นนอกจากทักษะในการเล่นบิลเลียดที่ยอดเยี่ยมแล้ว ตัวเขาไม่ได้มีความสามารถอะไรอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย เขาจึงกล้าท้าทายเสี่ยวรุยต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้อย่างองอาจ
“….เฮ้อ ในเมื่อนายท้ามาแบบนี้ฉันก็คงจะอยู่เฉยๆไม่ได้สินะ ฉันเองการมีมายากลเล็กๆน้อยมาแสดงให้ทุกคนดูเหมือนกัน” เสี่ยวรุยพูดออกมาได้ทำการจัดท่าทางของตนเองเพื่อเป็นการสงบจิตใจของตัวเองลง
ถึงแม้ในใจของเขาในตอนนี้จะตื่นเต้นแบบสุดๆก็ตามแต่เขาเองก็ไม่สามารถถอยหลังกลับได้อีกแล้ว พลางนึกถึงกลที่ซูจิ้งอธิบายให้เขาฟังอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนหน้านี้ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันจะออกมาแบบไหนแต่เขาก็เชื่อมั่นในตัวพี่ชายต่างเลือดของเขาคนนี้อยู่ดี จนในที่สุดเขาก็คิดออกมาอีกครั้งว่า เอาวะ ลองดูสักตั้ง
“คุณพี่รุยก็เล่นกลเป็นด้วยเหรอ” สาวน้อยคนหนึ่งจ้องออกมาอย่างสงสัย
“อื้ม แต่ก็ได้แค่อย่างสองอย่างล่ะนะ ฉันเองก็เพิ่งจะเริ่มฝึกเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ดีมากมายอะไรแต่ในเมื่อโดนท้าทายมาอย่างนี้แล้วก็ทนๆดูกันหน่อยแล้วกันนะ” เสี่ยวรุยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันจะรอชมนะ” ลูลู่เองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มหวานให้กับเสี่ยวรุย แน่นอนว่าเธอเองต้องสนใจอย่างแน่นอนเพราะเธอประทับใจในตัวของเสี่ยวรุยพอสมควรเลยกับเรื่องก่อนหน้านี้
เมื่อได้ยินแบบนั้นพร้อมทั้งเห็นท่าทีของสาวที่ตัวเองชอบนี่ยิ่งทำให้เขานั้นถึงกับหนักใจในทันที พลางคิดในใจว่าเมื่อเป็นแบบนี้นอกจากไม่มีทางให้ถอยแล้วยังพลาดไม่ได้อีกด้วยสินะ ไม่งั้นเขาคงทำให้ลูลู่ต้องผิดหวังแล้ว
เซียงหลงที่เห็นท่าทางของลูลู่ที่มีต่อเสี่ยวรุยก็ได้แต่นิ่งไปเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆนั้นได้ทำการกระซิบกระซาบนินทากันในทันที
“ไอ้เด็กนี่เล่นกลได้ด้วยเหรอ ดูเหมือนหมอนี่ตั้งใจแข่งกับพี่เซียงจริงๆสินะ”
“ก็นะ เดี๋ยวนี้กลหลอกเด็กก็มีสอนกันทั่วแล้วนี่นา หากเขาได้เรียนไว้บ้างก็ไม่ได้แปลกอะไร”
“ฉันว่าแม้แต่กลระดับเด็กประถมหมอนี่ก็ทำไม่ได้หรอก เขาออกมาทำให้ตัวเองขายหน้าจริงๆ”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า พอเขาแสดงกลจบเราออกไปเฉลยกลของเขากันไหม”
“ก็ดีนะ งั้นเราต้องจับดูเขาดีๆกันดีกว่า พอกลเด็กๆของหมอนี่จบลง เมื่อถึงเวลานั้นเราจะได้เห็นหมอนี่อายจนร้องไห้ออกมาแน่ๆ”
“หึหึหึ เรื่องนั้นอย่าไปสนใจเลยน่า ใครจะไปรู้กลของหมอนี่อาจจะดีก็ได้ล่ะนะ” เซียงหลงพูดออกมาอย่างยิ้มเยาะส่วนในใจของแข็งนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยคำดูถูกที่พร้อมจะถากถางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาเองก็คิดที่จะเปิดเผยวิธีเล่นกลของเสี่ยวรุยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพียงแต่แสดงท่าทีให้ดูดีไปเท่านั้นเอง
ณ ตอนนั้นเอง ประตูของห้องที่มีการจัดงานเลี้ยงวันเกิดอยู่นี้ก็ได้ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนตัวสูงคนหนึ่งได้เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาววัยกลางคนผมสั้นอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับประคองเค้กก้อนใหญ่เข้ามาด้วย
“พ่อ แม่ แปลกจังทำไมมากันได้เร็วนักอ่ะ” ลูลู่แสดงความยินดีออกมาในทันทีพร้อมรอยยิ้มราวกับสาวน้อยที่ดีใจเมื่อจเอขนมหวาน
“ฮ่าฮ่า วันเกิดลูกสาวทั้งทีจะไม่ให้พวกเรามากันเร็วได้ยังไงกันล่ะ ลูกต่างหากล่ะที่แปลก เห็นตอนแรกว่าจะจัดงานที่บ้าน ทำไมอยู่ๆถึงได้มาจัดงานแบบนี้ได้กัน” ลูฉินหมิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะวางเค้กแล้วใช้นิ้วจิ้มไปที่น่าผากของหญิงสาวอย่างเอ็นดู
“นี่คุณ ลูกก็โตป่านนี้แล้วยังจะไปหวงไว้ทำไมเนี่ย ดีแล้วน่าที่ปล่อยให้ลูกออกมาฉลองวันเกิดกับเพื่อนข้างนอกแบบนี้ เรามาตัดเค้กกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาให้หนุ่มๆสาวๆได้เล่นสนุกกันบ้าง” ลูมู่หรือก็คือแม่ของลูลู่ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อย่าพึ่งทิ้งหนูไปกันซี่ อยู่เล่นกับหนูก่อนน้า….” ลูลู่ได้ทำการออดอ้อนในทันที
“นั่นสิคะคุณลุงคุณป้า อยู่ร่วมงานกับเรากันดีกว่า” สาวๆเพื่อนของลูลู่ๆต่างก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งขยั้นขยอให้ทั้งสองอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
ในตอนนี้ลูลู่ได้ทำการแนะนำพ่อแม่ของเธอให้ทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นกันเองนี่ทำให้ทั้งสองคนถึงกับยิ้มออกมาด้วยความน่ารักของลูกสาว
ถึงแม้ทั้งสองจะพูดจากันอย่างห้วนๆและดูแล้วไม่ได้สนิทอะไรกับลูกสาวมากนัก แต่สิ่งที่ทั้งสองแสดงออกมาด้วยภาษากายนั้นแสดงให้เห็นว่าทั้งสองมีความสุขจริงๆที่ได้มางานนี้
“แล้วนี่พวกลูกกำลังทำอะไรกันอยู่ล่ะ ต่อได้เลยนะอย่าให้การมาของพ่อกับแม่ขัดจังหวะเลยแล้วกัน” ลูมู่ได้พูดออกมา
“อ้อ พวกเราพึ่งจะดูการแสดงมายากลของพี่ชายของหนูไปกันน่ะค่ะ มันยอดมากเลย ตอนนี้คุณพี่รุยเองก็กำลังจะแสดงมายากลให้เราดูเหมือนกัน” หญิงสาวคนหนึ่งพูดออกมาพลางแนะนำพี่ชายของเธอและเสี่ยวรุยให้ทั้งสองได้รู้จัก
“คุณลุงครับคุณป้าครับ อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของน้องผมเลยดีกว่า ที่ผมแสดงออกมาก็เพียงกลเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง” เซียงหลงเองได้พูดออกมาด้วยท่าทีอันแสนถ่อมตนจนหน้าเหยียบ
“เอ่ออออ ไหนๆเค้กก็มาแล้วล่ะก็ การแสดงของผมไม่ต้องแล้วก็ได้นะครับ เรามาตัดเค้กกันก่อนดีกว่า ถึงไว้นานเดี๋ยวมันจะละลายซะก่อน” เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของลูลู่แบบนี้ นี่ยิ่งทำให้เสี่ยวรุยนั้นรู้สึกกดดันมากขึ้นจนรู้สึกเริ่มจะไม่อยากแสดงอะไรออกมาพร้อมทั้งหาทางถอยแบบดีๆอยู่
หากว่าเขาพลาดต่อหน้าพ่อแม่ของลูลู่แบบนี้ นี่จะยิ่งทำให้เขาเข้าหน้าของลูลู่ได้ยากกว่าเดิมหากเกิดพลาดขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอทั้งคู่เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเขาก็อยากจะสร้างความรู้สึกดีๆให้ทั้งคู่ประทับใจมากกว่าจะเป็นตัวตลกในสายตาของคนทั้งคู่ไปตลอดชีวิต
“หึหึ ไม่เอาน่า อย่ากังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนั้นไปเลย เค้กนี่ไม่ละลายเร็วอะไรขนาดนั้นหรอก ต่อให้เธอแสดงเสร็จแล้วค่อยตัดเค้กยังไม่สาย พ่อหนุ่ม ไหน ลองแสดงให้ฉันดูหน่อยสิว่าเธอจะแสดงกลแบบไหนออกมา ฉันเองก็เคยเล่นกลมาอยู่บ้างเมื่อตอนยังหนุ่ม แต่ตอนนี้ก็ลืมๆมันไปหมดแล้ว ขอดูหน่อยแล้วกันว่ามายากลเดี๋ยวนี้ไปถึงไหนกันแล้ว” ลูฉินหมิงพูดออกมาด้วยท่าทีที่สนใจมากกว่าใครเพื่อนเลย
เสี่ยวรุยที่ได้ยินดังนั้นแทบจะร้องไห้ในทันทีอยู่ในใจ ตอนนี้ทั้งลูฉินหมิง ลูมู่ ลูลู่ เซียงหลง และคนอื่นๆต่างก็เริ่มจ้องเขาอย่างไม่วางตา
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้อย่าว่าแต่ถอยเลย แม้แต่ทางหนีก็โดนปิดไปโดยปริยายแล้ว เสี่ยวรุยได้ลอบมองไปยังซูจิ้งเพื่อขอให้เขาช่วยหาทางลงให้หน่อย
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือซูจิ้งแสดงท่ามือโดยการชูมือโดยหันด้านหลังมือให้เขาก่อนจะกำเป็นกำปั้นแน่นเชิงบอกเป็นนัยว่า สู้ๆ
“….ช่างแม่…งเถอะ เอาวะ ยังไงพี่สามก็ไม่มีทางเล่นตลกกับฉันอยู่แล้ว อย่างน้อยๆมายากลที่พี่สอนให้ฉันมาคงไม่ทำให้ฉันต้องขายหน้ามากนัก แสดงให้ดูแล้วเผชิญหน้ารับผลตรงๆก็ยังดีกว่าหนีไปแบบยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”
เสี่ยวรุยได้คิดขึ้นมาแบบนี้ในใจพลางกัดฟันไว้แน่นก่อนที่จะตัดสินใจว่าไม่ว่าจะดีหรือร้าย ยังไงซะเขาก็ต้องแสดงกลนี้ให้สำเร็จให้จงได้ ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นค่อยวัดดวงกันไป
“คุณลุงครับ คุณป้าครับ งั้นผมขอเริ่มเลยก็แล้วกัน แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่ากลของผมก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนัก อย่ามาหัวเราะเยาะผมทีหลังก็แล้วกัน” เสียวรุยในตอนนี้พยายามยิ้มออกมาเพื่อข่มในตัวเอง ก่อนที่เขาจะภายมือซ้อยออกเพิ่มจะแสดงให้เห็นว่าในมือของตนนั้นมีอะไรอยู่ข้างใน