บทที่ 1774 แสงสีดําในดวงตา

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1774 แสงสีดําในดวงตา

 

ภูเขานิรนาม ร่างหลักของฟางหยวนนั่งอยู่บนกิ่งสนบนหน้าผาน้ําตก

 

แรงบันดาลใจบนเส้นทางมนุษย์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ฟางหยวนให้ความสําคัญกับมันมาก ร่างหลักและร่างแยกของเขาหยุดทําทุกสิ่งเพื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยกัน

 

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

กองทัพภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งนับแสนยืนอยู่บนพื้นหญ้าราวกับรูปปั้น

 

ทั้งหมดมีใบหน้าคล้ายกับร่างหลักของฟางหยวน พวกมันยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบโดยมีระยะห่างระหว่างแต่ละคนเท่าๆกัน

 

นี่คือกองทัพภูตมนุษย์ที่ฟางหยวนสร้างขึ้นจากวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน

 

หลังจากนั้นเขาเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเพื่อสร้างกองทัพภูตมนุษย์ขึ้นมาอีกครั้ง

 

ฟางหยวนคิดก่อนจะสร้างกองทัพภูตมนุษย์ขึ้นมาเป็นครั้งที่สามด้วยท่าไม้ตายระดับมนุษย์

 

เนื่องจากพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยท่าไม้ตายระดับมนุษย์ พวกมันจึงอ่อนแอกว่า กองทัพภูตมนุษย์ก่อนหน้า

 

ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจบนเส้นทางมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงต้องการตรวจสอบแหล่งที่มาและแก้ไขรากฐานของท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน

 

ร่างหลักและร่างแยกของฟางหยวนอนุมานพร้อมกัน

 

ในไม่ช้าท่าไม้ตายก็ถูกแก้ไข ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนระดับมนุษย์เป็นครั้งที่สี่

 

เขาสร้างกองทัพภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง แตกต่างจากสามกลุ่มแรกแม้พวกมันจะยืนอยู่อย่างเงียบๆ แต่พวกมันก็มีการแสดงออกที่หลากหลาย

 

บางคนกําลังร้องไห้ บางคนหัวเราะ บางคนขมวดคิ้ว บางคนยิ้ม บางคนเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร บางคนไม่แสดงอารมณ์ บางคนปิดเปลือกตา บางคนสงบนิ่ง บางคนอยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งรอบตัวบางคนถอนหายใจ บางคนคําราม และบางคนแสดงออกด้วยความเบื่อหน่าย

 

เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความคิดนับไม่ถ้วนปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน

 

หลังจากไม่นาน ร่างหลักและร่างแยกของฟางหยวนก็เลิกสนใจกองทัพภูตเหล่านี้และใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาสรุปผล

 

กระบวนการนี้ใช้เวลาหกชั่วโมง

 

หลังจากเสร็จสิ้น ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายหมื่นตัวตนระดับมนุษย์ที่ซับซ้อนขึ้นหลายเท่า

 

เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายใหม่

 

ครั้งนี้กองทัพภูตมนุษย์มีจํานวนน้อยกว่าเดิม แต่ทั้งหมดมีลักษณะเฉพาะตัว

 

ภูตมนุษย์บางคนกําลังวิ่ง บางคนกระโดด บางคนนั่ง บางคนเล่นไปรอบๆ บางคน โกรธ บางคนโจมตีคนอื่นๆ

 

ความโกลาหลท่ามกลางกองทัพภูตมนุษย์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากไม่นาน กองทัพภูตมนุษย์กลุ่มนี้ก็เข้าสู่การทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ แม้บางคนจะไม่ต้องการเข้าร่วมแต่พวกมันก็ไม่มีทางเลือก

 

ภูตมนุษย์เหล่านี้มีความแข็งแกร่งไม่เท่ากัน บางคนแข็งแกร่ง บางคนอ่อนแอ

 

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาพบว่าในการต่อสู้ที่วุ่นวาย ภูตมนุษย์ที่ได้รับชัยชนะจะแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ผู้แพ้จะอ่อนแอลงหรือกระทั่งถูกทําลาย

 

จํานวนภูตมนุษย์ลดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายมันเหลือภูตมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวยืนอยู่ในสนามรบ

 

ภูตมนุษย์ตนนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าหลายสิบเท่าแต่มันยังอยู่ในระดับมนุษย์

 

รูปลักษณ์ของภูตมนุษย์ตนนี้เหมือนร่างหลักของฟางหยวนแต่มันเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง มันคํารามไปที่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนด้วยเจตนาสังหาร อย่างไรก็ตามมันไม่กล้าโจมตี มันพุ่งเข้าหากองทัพภูตมนุษย์ดั่งเดิมที่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ

 

โดยไม่ได้รับคําสั่งจากฟางหยวน กองทัพภูตมนุษย์เหล่านั้นก็ไม่เคลื่อนไหว พวกมันปล่อยให้ตมนุษย์ที่ดุร้ายโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

 

หลังจากสังหารภูตมนุษย์ทั้งหมด ภูตมนุษย์ที่บ้าคลั่งทําลายขีดจํากัดระดับมนุษย์และกลายเป็นผู้อมตะระดับหก

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ร่างหลักและร่างแยกของฟางหยวนต่างแสดงออกอย่างมีความสุข

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสะบัดมือส่งกองทัพภูตมนุษย์ออกไปปิดล้อมภูตมนุษย์ที่บ้าคลั่งอีกครั้ง

 

มันต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

 

ในที่สุดมันก็ทะลวงเข้าสู่ระดับเจ็ด ร่างหลักของฟางหยวนต้องเคลื่อนไหวในที่สุด เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อสังหารภูตมนุษย์ระดับเจ็ดตนนี้ด้วยตนเอง

ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนครั้งที่สี่ของฟางหยวนสามารถสร้างภูตมนุษย์ที่มีความคิดและบุคลิกเป็นของตนเองกระทั่งร่างหลักของเขาก็ไม่สามารถควบคุม

 

สิ่งที่น่าประหลาดใจคือพวกมันมีศักยภาพในการเติบโตที่น่าสะพรึงกลัว

 

ภูตมนุษย์ที่บ้าคลั่งเริ่มต้นจากระดับสี่ สุดท้ายมันก้าวไปถึงระดับเจ็ด

 

เนื่องจากมันเป็นเพียงภาพมายา มันจึงมีสติปัญญาที่จํากัดและไม่สามารถใช้วิญญาณ มันใช้เพียงสัญชาตญาณในการต่อสู้เท่านั้น

 

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนหรือท่าไม้ตายหมื่นตัวตน พวกมันล้วนพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้า มันมีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถแก้ไข

 

“เนื่องจากภูตมนุษย์เหล่านี้มีต้นกําเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน พวกมันจึงสามารถหลอมรวมกันและแข็งแกร่งขึ้นด้วยการกลืนกินกัน

 

“ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนครั้งสุดท้ายที่ข้าใช้งานไม่ได้เป็นเพียงการบรรจบกันของเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางความแข็งแกร่งอีกต่อไป แต่มันก้าวเข้าสู่เส้นทางมนุษย์

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอาบแสงแห่งปัญญาและวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น

 

เมื่อถึงจุดนี้ท่าไม้ตายหมื่นตัวตนกลายเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางมนุษย์ไปแล้ว วิญญาณอมตะหมื่นตัวตนได้รับการยืนยันว่าเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์

 

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนรู้สึกเสียใจที่เขาขาดวิธีการและรากฐานบนเส้นทางมนุษย์

 

แต่ความจริงก็คือเขาครอบครองมันมาตลอด เขาเพียงไม่มีเวลาที่จะพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น

 

ดังคํากล่าวที่ว่าเส้นผมบังภูเขา ในความเป็นจริงการสํารวจเส้นทางมนุษย์ของเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ห้าร้อยปีในชีวิตแรก มันเป็นเพียงว่าเขาไม่ตระหนักถึงเท่านั้น

 

ชีวิตของคนผู้หนึ่งคือการสํารวจเส้นทางมนุษย์ของพวกเขาเอง”

 

“นอกจากวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน ข้ายังมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์อีกหน งดวงนั่นคือวิญญาณอมตะความพยายาม

 

“เดี๋ยว! ไม่เพียงเท่านั้นแต่วิญญาณทารกอมตะที่ข้าขโมยมาก็เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์เช่นกัน!”

 

หากพิจารณาจากตํานานมนุษย์คนแรก บางที่วิญญาณแห่งความหวัง วิญญาณตัว ตน วิญญาณความเด็ดเดี่ยววิญญาณความหวาดกลัว และอื่นๆก็อาจเป็นวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์เช่นกัน

 

“ไม่แปลกใจเลยที่ตํานานมนุษย์คนแรกได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางมนุษย์มันมีความลึกซึ้งของเส้นทางมนุษย์ซ่อนอยู่ภายใน” ฟางหยวนถอนหายใจ

 

ฟางหยวนได้รับข้อสรุปนี้หลังจากมีชีวิตอยู่มาเกือบหกร้อยปี

 

แรงบันดาลใจบนเส้นทางมนุษย์ไม่ได้มาจากการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์แต่มันเป็นความก้าวหน้าเชิงคุณภาพของประสบการณ์ชีวิตที่เขาสะสมมาตลอด

 

นี่ทําให้ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของเขายกระดับขึ้น

 

มันคือความก้าวหน้าหลังจากฝึกฝนมาอย่างยาวนาน

 

ภาคกลาง วังสวรรค์

 

ในห้องโถงใหญ่

 

แสงสีม่วงค่อยๆเลือนหายไป

 

เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้วบาง “ปีศาจฟางหยวนกําลังวางแผนใดอยู่?”

 

หลังความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเผยข้อมูลของฟางหยวนออกไป แต่ฟางหยวนกลับไม่มีการตอบสนอง มันค่อนข้างแปลก

 

ตามตรรกะ ฟางหยวนควรเปิดเผยท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดารารวมถึงความตายของเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเพื่อโจมตีชื่อเสียงของวังสวรรค์และทําให้อีกสี่ภูมิภาคตื่นตัวต่อภัยคุกคามของวังสวรรค์

 

แต่ฟางหยวนไม่ได้ทําเช่นนั้น

 

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกไม่สบายใจมาตลอด หลายวันที่ผ่านมานางให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของฟางหยวนอย่างใกล้ชิด แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้น นางก็จะอนุมานอย่างเต็มที่

 

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้การเคลื่อนไหวที่ภาคใต้ของฟางหยวนแล้ว แต่เหตุใดฟางหยวนถึงเล็งเป้าไปที่ตระกูลจือ เขามีแรงจูงใจใด เขาเพียงต้องการปล้นสะดมทรัพยากรของตระกูลจืองั้นหรือ?

 

ก่อนหน้านี้ค่ายกลวิญญาณอมตะของรอยแยกปล้นเงาถูกทําลาย ผู้อมตะลึกลับผู้นั้นคือฟางหยวนหรือไม่?

 

“บางทีเขาอาจต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะหลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและได้รับรากฐานที่ยิ่งใหญ่

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่แล้ว เขากําลังใช้ข้อได้เปรียบจากการกําเนิดใหม่เพื่อรับผลประโยชน์ทั้งหมด!”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่แน่ใจ

 

หลังจากวิญญาณกาลเวลาถูกเปิดเผย ศัตรูทั้งหมดของฟางหยวนต้องพิจารณาถึงเรื่องนี้

 

“หากฟางหยวนกําเนิดใหม่ วิญญาณกาลเวลาต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว นั่นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา”

 

“ในขณะเดียวกันฟางหยวนจะรู้แผนการที่ข้าเคยใช้ ดังนั้นข้าต้องเปลี่ยนกลยุทธ์”

 

ฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่หรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องสําคัญมาก

 

หากเขาทําเช่นนั้น เทพธิดาจื่อเว่ยต้องหยุดแผนการทั้งหมดของนางและเริ่มต้นจากศูนย์

 

อย่างไรก็ตามแม้นางจะใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาว นางก็ไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้

 

ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบและไม่เปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนช่วยได้มากในเรื่องนี้

 

การเกิดใหม่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ฟางหยวนต้องคํานึงถึงผลกระทบหยดน้ําหมึกตลอดเวลา

 

“ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์ เขาทิ้งข้อมูลที่มีค่าไว้น้อยเกินไป!”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยครุ่นคิดด้วยความโกรธ หลังจากนั้นนางก็เดินทางไปพบเทพปีศาจจิตวิญญาณค้นวิญญาณ!

 

ความทรงจําของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกดึงออกมา

 

“ความลับของการเลี้ยงปลามังกรทอง?” เทพธิดาจอเว่ยตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกผิดหวัง

 

หากเป็นก่อนหน้า เทพธิดาจื่อเว่ยจะมีความสุขมากที่สามารถทําลายธุรกิจของฟางหยวนแต่ตอนนี้เขาได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ธุรกิจทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกยึดครองโดยเขา

 

แผนการทําลายธุรกิจของเทพธิดาจอเว่ยไม่มีประโยชน์มากนัก

 

“ถึงกระนั้นข้าก็ไม่สามารถละทิ้งโอกาสที่จะปราบปรามฟางหยวน” เทพธิดาจื่อเว่ยกัดฟันและตัดสินใจ

 

แต่นางไม่รู้ว่าขณะที่นางกําลังคิดเรื่องเหล่านี้ ดวงตาของนางกลับส่องแสงสีดําที่น่าขนลุกออกมาเล็กน้อย