คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1185

แดร์ริลทำได้เพียงพยักหน้าและกล่าวกับจักรพรรดินีอย่างขมขื่น “ผมจะลองดู”

จากนั้นเขาก็ส่งกระแสจิตไปหาผ่างตงที่อยู่ในเจดีย์เจ็ดมหาสมบัติอีกครั้ง “ผ่างตง ฉันขอโทษที่ทำให้คุณลำบากใจ ช่วยฉันคิดบทกวีเพิ่มอีกสักสองสามบทสิ”

“ได้เลยนายท่าน!” ผ่างตงตอบแดร์ริลอย่างสุภาพ

จากนั้นแดร์ริลก็เริ่มท่องบทกวีของผ่างตงให้จักรพรรดินีฟัง บทกวีหลายบทที่แดร์ริลท่องก็ล้วนแต่เป็นบทกวีชั้นยอดที่แต่งโดยผ่างตง!

จักรพรรดินีอารมณ์ดีและรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เธอค่อย ๆ จิบน้ำชาและดื่มดำไปกับวิวทิวทัศน์ในขณะที่เธอได้รับฟังบทกวีอันไพเราะของแดร์ริลอย่างผ่อนคลาย เขาช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์ยิ่งนัก!

จนกระทั่งเวลาพลบค่ำ ในที่สุดจักรพรรดินี้ก็ยอมปล่อยแดร์ริลไป

แดร์ริลถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะโค้งคำนับเพื่อทำความเคารพจักรพรรดินี “ผมขอลาก่อนครับ”

จากนั้นแดร์ริลก็หันหลังเดินจากไป

หัวใจของจักรพรรดินีสั่นไหวเมื่อเธอมองดูแผ่นหลังของแดร์ริลที่ค่อย ๆ เดินหายไป

แดร์ริลเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เขาจะต้องเป็นเพียงขันทีผู้น้อย เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็จะสามารถแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้

“แดร์ริล เดี๋ยวก่อน” จักรพรรดินีเรียกแดร์ริลก่อนที่เขาจะหายไปจากสายตา

แดร์ริลหันหลังกลับมา จากนั้นเขาก็ได้เห็นจักรพรรดินียืนขึ้นอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ เดินเข้ามาก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วคืนนี้มาพบฉันที่ตำหนักเพื่อดื่มด่ำแสงจันทร์และท่องบทกวีให้ฉันฟังอีก”

ในเวลานั้น ภายในวิหารเก่าแก่ในทวีปโลกใหม่

ในที่สุด อีเวตต์ก็ผล็อยหลับไป ด้านนอกวิหารยังคงมีเสียงฝนตกและฟ้าร้องอย่างต่อเนื่อง ไม่นานอีเวตต์ก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่น เธอลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียก่อนจะเหลือบมองแอมโบรสที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ

“แอมโบรส!” อีเวตต์ เบิกตากว้างและกอดเขาเอาไว้แน่น “แอมโบรสเป็นอะไรไป?”

อีเวตต์ตื่นตระหนกเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษของแอมโบรส ศีรษะของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ มือและเท้าของเขาก็เย็นยะเยือกจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง

“อีเวตต์…” แอมโบรสเปิดปากพูดอย่างอ่อนแรงราวกับว่าเขากำลังรู้สึกเจ็บปวด “ผมหนาว ผมหนาวมาก…”

เสียงของแอมโบรสสั่นสะท้านขณะที่เขาเอ่ยเช่นนั้น

อีเวตต์รู้สึกวิตกกังวลและเจ็บปวดเมื่อได้เห็นเช่นนั้น “หนาวเหรอแอมโบรส? ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะช่วยขจัดมันเอง”

แอมโบรสกำลังหนาวสั่นเพราะมีไข้

แอมโบรสถูกขังเอาไว้ในห้องขังอันมืดมิดและอับชื้นก่อนที่เขาจะได้รับการช่วยเหลือจากอีเว็ตต์

แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับเด็กอายุเพียงแค่สองขวบ

อีเวตต์กระตุ้นพลังภายในของเธอและกำลังจะใช้มันเพื่อช่วยทำให้แอมโบรสหายจากอาการหนาวสั่น

อย่างไรก็ตาม แอมโบรสยังเด็กเกินไป ดังนั้นเด็กจะมีขีดจำกัดในการรับมือกับพลังภายในที่ได้รับเข้าไปในร่างกาย เพราะถ้าหากว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา พลังภายในของอีเวตต์อาจจะไปทำลายเส้นลมปราณของแอมโบรสได้

เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น อีเวตต์ก็รู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

‘แล้วฉันจะช่วยเขาได้ยังไง?’ แอมโบรสยังเป็นเด็กดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้คือการพาเขาไปหาหมอเพื่อรักษาเท่านั้น

ทว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในวิหารเก่าแก่ แล้วเธอจะไปหาหมอมาจากที่ไหน?

มีเพียงทางเดียวที่จะสามารถหาหมอมารักษาเขาได้ นั่นคือการกลับไปยังเมืองหลวง! อย่างไรก็ตาม ภายในเมืองหลวงมีทหารองครักษ์มากมายที่กำลังตามล่าตัวเธอและแอมโบรสอยู่

อีเวตต์กัดฟันแน่น เธอไม่สนใจความคิดเหล่านั้นอีกต่อไปเพราะว่าชีวิตของแอมโบรสสำคัญกว่า! เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็รีบอุ้มเขาขึ้นมาและวิ่งออกจากวิหารเก่าแก่เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงทันที

ร่างของอีเวตต์เปียกโชกไปด้วยสายฝนขณะที่เธอโอบอุ้มแอมโบรสเอาไว้ในอ้อมแขน

“แอมโบรส อดทนหน่อยนะ เราใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว ฉันจะรีบพาเธอไปหาหมอให้เร็วที่สุด…” อีเวตต์เร่งฝีเท้าในขณะที่เธอปลอบโยนแอมโบรสเบา ๆ

แอมโบรสนอนอยู่ในอ้อมแขนของเธออย่างอ่อนแรง จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมยังทนไหว”

เมื่อแอมโบรสพูดจบ เขาก็หมดสติไป