บทที่ 2078 – ยาศักดิ์สิทธิ์นิพพาน จากวิหคเพลิงผนึกนิรันดร์เยือกแข็ง
เขาหมกมุ่นอยู่กับการจดจำภาพบุคคลมากเกินไปจนไม่ได้สังเกตเลยว่าเฉินหวงนั้นยืนนิ่งเงียบมาโดยตลอด ชิงสุ่ยส่ายหน้าเพื่อกำจัดความคิด และมองไปรอบๆ ก่อนจะสังเกตเห็นห้องโถงภายใน
“ไปดูห้องโถงข้างในกันเถอะ ที่นี่เป็นเพียงห้องโถงบรรพบุรุษจ้าวปีศาจ ที่แสดงให้เห็นแค่เพียงว่าที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์รวมของจ้าวปีศาจ สำหรับสมบัติ มันมีโอกาสพบเจอได้ขึ้นอยู่กับวาสนา”ชิงสุ่ยคาดหวังเอาไว้สูง
“เอาล่ะในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้ว ถ้าหากเราโชคดีอาจจะเจอสมบัติอย่างน้อย 1 ชิ้นหรือ 2 ชิ้น “เฉินหวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินหวงรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ของเธอนั้นคุ้มค่า ถึงเธอจะรู้ว่าชิงสุ่ยเก่งกาจด้านการวางค่ายกล แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเกินความคาดหมายของเธอ เขาทำให้เธอตกใจโดยการทำลายรูปแบบค่ายกลจากยุคโบราณได้ นี่ก็เป็นข้อบ่งบอกแล้วว่าเขาคือยอดปรมาจารย์ด้านการวางค่ายกลที่เก่งกาจเพียงใด
ในสมัยโบราณ ไม่มีใครกล้ายุ้งผู้สร้างค่ายกลที่น่าเกรงขาม เพราะพวกเขาเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายนิกายให้พินาศเป็นหน้ากลองได้ภายในคืนเดียว การวางข้างบนจะต้องใช้วัสดุจำนวนมากในการก่อสร้าง เมืองที่เป็นเป้าหมายในการทำร้ายจึงต้องเป็นเมืองที่มีผู้คุ้มกันอยู่ระดับดินแดนสวรรค์เท่านั้นถึงจะคุ้มค่า ถ้าหากสำเร็จสิ่งเดียวที่รอคอยอยู่คือความตายของศัตรู แต่ถ้าหากล้มเหลวผู้วางค่ายคนก็จะต้องยอมรับความตาย
ฉะนั้นยอดปรมาจารย์ค่ายกลที่แข็งแกร่งก็ยังต้องการขุมกำลังที่น่าเกรงขามคอยปกป้อง เนื่องจากพวกเขาแข็งแกร่งจึงกลายเป็นที่ต้องการของคนหมู่มาก เมื่อเกิดการทรยศ สงครามครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้น หลายต่อหลายตระกูลได้ถูกทำลายเพราะคนเหล่านี้มาก่อน ส่งผลให้ปัจจุบัน ยอดยุทธผู้เชี่ยวชาญค่ายกลที่อยู่บนโลกจึงเหลือไม่มาก
ชิงสุ่ยจ้องมองเฉินหวง เขาเองก็ไม่รู้ว่าเทพธิดาตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อไม่นานมานี้เธอเหมือนคนฟุ้งซ่าน แต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ซึ่งทำให้เขาสับสนจริง
ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่สับสนของชิงสุ่ย เธอก็รู้สึกเขินอาย แต่แล้วชิงสุ่ยก็ถามว่า “ท่านกำลังคิดอะไรอยู่ เรื่องไม่ดีหรือเปล่า?”
“อะไรนะ?”เฉินหวงสับสนมากขึ้น
“ข้าก็เพียงแค่รู้สึกแต่มันก็ดูหยาบคายไปหน่อย”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
“ท่านยังจะกล้าพูดอีกหรือ?”เฉินหวงไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร
“ข้าคิดเกี่ยวกับมันมากจริงๆ”ชิงสุ่ยรีบพาเธอเดินเข้าไปภายในห้องโถงชั้นในทันทีที่กล่าวจบ เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของชิงสุ่ย เฉินหวงก็เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว การสนทนากับเขาคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเธอ
ห้องโถงภายในแคบกว่าด้านนอกมาก นอกจากเสา 2-3 ต้นแล้วก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้กระทั่งค่ายกล มีเพียงแค่แท่นหิน เขาไม่รู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อทำเป็นเตียง หรือสถานที่เพื่อใช้ฝึกฝนเคล็ดวิชาของราชาปีศาจ ผิวของแท่นหินเงียบเหมือนหยก แม้จะทำจากวัสดุที่ดี แต่ก็ไม่เพียงพอจะดึงดูดความสนใจจากชิงสุ่ย
“หืม? ดูเหมือนจะมีวัตถุบางอย่างยื่นออกมา หรือว่ามันจะนำไปสู่ทางลับ?”เฉินหวงชี้นิ้วไปยังสัญลักษณ์บางอย่างที่มีขนาดเท่ากำปั้นมองเห็นไม่เด่นชัด มันปูดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแผ่นกระเบื้องอื่นๆ ถ้าหากมองผ่านๆก็คงบอกความแตกต่างไม่ได้
เฉินหวงเดินเข้าไปใกล้แผ่นที่นูนขึ้นมา และกดมันด้วยแขนทั้งสองข้าง แผ่นกระเบื้องตกลงไปทันที ชิงสุ่ยที่หันมาดูก็รีบบอกว่า“หมุนไปทางขวาหนึ่งรอบครึ่ง และหมุนกลับมาทางซ้ายอีก 2 รอบครึ่ง หลังจากนั้นให้หมุนกลับไปทางขวาอีก 3 รอบครึ่ง”
แม้ว่าเฉินหวงจะไม่เข้าใจว่าทำไมทำไม แต่ในเมื่อชิงสุ่ยเป็นคนบอกให้ทำเธอก็ทำตาม ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้น
ตัวห้องโถงด้านในทั้งหมดสั่นสะเทือนเหมือนกับแผ่นดินไหว เฉินหวงจ้องมองกลับมาหาชิงสุ่ยด้วยสายตาสับสนและกล่าวว่า “อย่าบอกนะว่ามันกำลังจะถล่ม!!”
“มันก็พูดยาก” ชิงสุ่ยจับตาดูเศษหินที่ร่วงลงมาจากเพดานข้างบน
โชคดีที่แรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราว เมื่อมันอยู่ตรง ทั้งสองคนก็มองเห็นประตูหินที่โผล่ขึ้นมาบนกำแพง ก่อนหน้านี้พวกเขามองไม่เห็นกำแพงเห็นใดๆเลย มองไม่เห็นแม้แต่ช่องว่าง ประตูหินที่ปรากฏค่อนข้างแคบ สามารถให้คนสองคนเดินเคียงข้างกันผ่านไปได้ มันมีขนาดความสูงประมาณ 3 เมตร “เป็นอย่างที่ข้าคิดเอาไว้จริงๆมันมีทางลับซ่อนอยู่ ดูเหมือนว่า พวกเราอาจจะเจอสมบัติดีๆซ่อนอยู่ก็เป็นได้”เฉินหวงขยิบตาให้กับชิงสุ่ยหลายต่อหลายครั้ง
ชิงสุ่ยถูกความงามของเธอตราตรึงจิตใจ จากนั้นเขาก็ถูจมูกและกล่าวว่า “แม่นาง ถ้าหากท่านส่งสายตายั่วยุข้า ข้าจะ….”
ชิงสุ่ยกลืนน้ำลาย ถึงเขาจะไม่พูดออกไป แต่เขาก็รู้ว่าเฉินหวงจะต้องเข้าใจความคิดของเขา
“ไปตายซะเถอะ ใครไปยั่วยุท่าน? ได้โปรดหยุดทำตัวแบบนี้”เฉินหวงจ้องเขม่ง ไม่ว่าเธอจะแสดงสีหน้าโกรธหรือยิ้ม มันก็ยังคงเป็นภาพงดงามน่าทึ่งที่ชิงสุ่ยไม่อาจละสายตาได้
“ข้าจะหยุดทำตัวแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อรอบตัวท่านช่างหอมและดูนุ่มนวลเหลือเกิน “ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
ขณะที่เขาพูด ความคิดของเขาก็ว่างเปล่า แม้ว่าเฉินหวงจะไม่สามารถอ่านความคิดของชิงสุ่ยได้ แต่เธอก็เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาหลายวัน เธอก็เริ่มเข้าใจความคิดอันหยาบคายของผู้ชายคนนี้
“ไร้สาระจริง”เฉินหวงกระทืบเท้าแล้วเดินเข้าไปที่ประตูเห็น
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้องรับ พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยไออันเยือกเย็น ชิงสุ่ยและเฉินหวงถึงกับมองหน้ากันเพราะมันเป็นไอเย็นที่ผิดปกติ มันคือกลิ่นอายที่สามารถทำให้คนระดับพวกเขารู้สึกหนาวถึงสันหลังได้
ทั้งสองคนเดินตามเส้นทางบันไดหินที่ทอดยาวประมาณ 10 เมตร ลงไปด้านล่าง เมื่อพวกเขาไปถึงด้านล่าง ทางเดินก็นำพาพวกเขาไปสู่ห้องลับ กลิ่นอายที่เยือกเย็นถูกปลดปล่อยมาจากภายในห้อง ทุกสิ่งอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งทันทีที่ทั้งสองคนเข้าไปข้างใน ด้านในมีเตียงสีขาวราวกับหิมะตั้งอยู่บนพื้นและกำลังปลดปล่อยความหนาวเหน็บ
เตียงหินหยกเยือกแข็ง!! มันคือเตียงหินหยกเยือกแข็งที่มีอายุมากเกือบล้านปี พลังปราณเยือกเย็นที่อยู่รอบๆทั้งหนาแน่นและเข้มข้น เนื่องจากห้องลับมีขนาดค่อนข้างเล็ก จึงทำให้ความหนาวเหน็บทวีคูณ
หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็มองเห็นยาเม็ดแช่แข็งที่อยู่บนเตียง ยาเม็ดนี้มีขนาดใหญ่มากเท่าศีรษะมนุษย์ มันมีสีฟ้าใสและดูแวววาว ชิงสุ่ยจึงรีบเปิดทักษะเบิกเนตรสวรรค์และตกใจเมื่อรู้ว่ามันคืออะไร
ยาศักดิ์สิทธิ์นิพพาน
มันคือแก่นแท้แห่งปราณต้นกำเนิดที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยวิหคเพลิงผนึกนิรันดร์จากยุคบรรพกาล ตัวของมันอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว มีครั้งหนึ่งที่สิ่งมีชีวิตสายเลือดวิหคเพลิงนิรันดร์ได้กินยาศักดิ์สิทธิ์นิพพานเข้าไป ร่างกายของมันกลับคืนสู่นิพพานและเกิดใหม่โดยสมบูรณ์ ในไม่ช้ามันก็เข้าถึงความสามารถของวิหคเพลิงผนึกนิรันดร์เยือกแข็ง ตัวยาได้เพิ่มพลังอสูรตัวนั้นถึง 5 พันล้านเต๋า หากสิ่งมีชีวิตที่กินเข้าไปมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านี้ มันก็คงได้รับพลังที่มากกว่า ฉะนั้นในครั้งนั้นมันจึงได้รับพลังเพลงแค่บางส่วน