ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 601 สมบัติแห่งแสงสว่างและความมืด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ความเป็นมาของผู้อาวุโสม่อลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง หลายปีมานี้ไม่มีใครในโลกแปดพิภพรู้ถึงเบื้องหลังที่แท้จริงของเขา

แต่ว่าคนผู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีศักดิ์มากที่สุดในโลกแปดพิภพเท่านั้น วรยุทธ์ของเขายังเป็นหนึ่งในวรยุทธ์ที่เยี่ยมยอดที่สุดของโลกแปดพิภพด้วย

วรยุทธ์ในสำนักของผู้อาวุโสม่อไม่ด้อยกว่าวรยุทธ์ของสำนักที่เป็นหกแดนศักดิ์สิทธิ์เลย

และสิ่งที่ทำให้จอมยุทธ์ในโลกแปดพิภพสนใจก็คือ ทุกอย่างที่ผู้อาวุโสม่อซึ่งเร้นกาย และประมือกับผู้คนน้อยครั้งได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้ ผู้ใดจะทราบว่าเป็นทั้งหมดของเขาแล้ว

แม้เยี่ยนจ้าวเกอยังพอจะแยกแยะวรยุทธ์มากมายที่ผู้อาวุโสม่อแตกฉานได้บ้าง ทว่าเนื่องจากไม่ได้คบหากันมากนัก จึงไม่อาจมองเบื้องหลังของอีกฝ่ายออก

คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสม่อจะเปิดเผยสถานะในวันนี้ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

แต่ว่าเมื่อลองพิจารณาการแสดงออกต่างๆ ของผู้อาวุโสม่อก่อนหน้าอย่างละเอียด รวมถึงเมื่อหนึ่งปีก่อนถึงแม้ผู้อาวุโสม่อจะประหลาดใจที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ติดต่อกับโลกซ้อนโลก ทว่าดูเหมือนจะรู้จักตัวตนอย่างโลกซ้อนโลกอยู่แล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอมองผู้อาวุโสม่อ บางทีเป็นเพราะว่าตนสังหารคนในสำนักแสงสว่าง ผู้อาวุโสม่อจึงเกิดให้ความสำคัญเขาขึ้นมา ไม่เช่นนั้นผู้อาวุโสม่ออาจจะมีความคิดอื่น เอาเป็นว่าในวันนี้ผู้อาวุโสท่านนี้ได้เผยความลับออกมา และตั้งใจเปิดเผยเองเสียด้วย

“ตอนนี้ท่านผู้เฒ่ามีความคิดจะกลับไปหรือไม่?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม

ผู้อาวุโสม่อส่ายหน้า “ของวิเศษที่ช่วยข้าข้ามบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ในอดีตได้ใช้ไปหมดแล้ว หากข้าไม่ฝึกฝนจนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามขึ้นไป ก็ไม่มีทางกลับโลกซ้อนโลกได้”

เขาเว้นครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อ “อีกทั้งตอนนี้ ข้ายังไม่มีความคิดจะกลับโลกซ้อนโลกด้วย”

“ดูท่าทาง สำนักแสงสว่างยังคงแข็งแกร่ง ข้าไม่อยากจะขอพึ่งพิงขุมกำลังอื่น ได้แต่หลบหลีกพวกเขา และอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ ข้าพอใจนัก”

ผู้อาวุโสม่อพูดพลางทำท่า ‘เชิญ’ ให้กับเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก ขอให้พวกเขาไปเป็นแขกที่เกาะภาพวาด

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ตอบรับ ก่อนจะติดต่อคนในสำนักให้ส่งข่าวกลับไป จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังเกาะภาพวาดอันเป็นที่พักของท่านผู้เฒ่า

เมื่อมาถึงเกาะภาพวาด ก็มีลูกศิษย์ของผู้อาวุโสม่อมาต้อนรับ

ลูกศิษย์ในสำนักต่างรู้สึกดีใจเพราะการกลับมาของผู้อาวุโสม่อ

คนเหล่านี้รายงานสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินก่อนหน้านี้ให้ผู้อาวุโสม่อฟัง พวกเขาได้ยินมาว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ถูกทำลาย ว่ากันว่าที่ตีนเขากว่างเฉิงเกิดสงครามสั่นสะเทือนฟ้า ชายชราจึงรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดโกหก

ทั้งสองฝ่ายนั่งลง ผู้อาวุโสม่อเงียบงันครู่หนึ่งค่อยเอ่ยปากถามก่อน “ไม่ทราบว่าสำนักของพวกเจ้ารู้จักโลกซ้อนโลกและสำนักแสงสว่างขนาดไหน?”

“โลกไม่ได้มีแค่โลกแปดพิภพ ถึงแม้จะไม่ทราบว่าโลกที่เหมือนกับแปดพิภพมีมากขนาด แต่คิดว่าไม่น่าจะมีมาก ส่วนโลกซ้อนโลกคล้ายจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ

“คิดว่าเหมือนกับโลกก่อนมหาภัยพิบัติ เกี่ยวข้องกับโถงสวรรค์แดนเซียนบนท้องฟ้า บางทีอาจจะไม่แตกต่างกันมาก แต่น่าจะใกล้เคียงกัน”

ผู้อาวุโสม่อได้ยินก็พยักหน้า “ใกล้เคียงกันจริงๆ ความเต็มเปี่ยมของปราณวิญญาณบนโลกซ้อนโลกเหนือกว่าโลกแปดพิภพ จอมยุทธ์ที่ปรับลมหายใจอยู่ข้างในจะฝึกปรือได้ง่ายกว่า”

“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโลกซ้อนโลกจะเหนือกว่าแปดพิภพโดยสิ้นเชิง แม้คนในแปดพิภพโดยทั่วไปแล้วจะต้องมีระดับเหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามถึงจะลอยไปยังโลกซ้อนโลกได้ ทว่าโลกซ้อนโลกไม่ได้มีแต่จอมยุทธ์ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามขึ้นไปเท่านั้น”

“คนที่อยู่บนโลกซ้อนโลกมาตั้งแต่เกิด ต่างประกอบด้วยมหาปรมาจารย์ ปรมาจารย์ หรือจอมยุทธ์หลอมกาย อีกทั้งยังมีจำนวนมากที่สุด จนไม่รู้จะนับอย่างไร”

“ข้าคือคนที่เกิดบนโลกซ้อนโลก ต่อมาเพื่อหลบหนีอันตราย จึงได้ลงมายังแปดพิภพโดยไม่ได้ตั้งใจ”

“โลกที่เหมือนกับแปดพิภพย่อมไม่ได้มีแค่หนึ่ง” ผู้อาวุโสม่อหัวเราะ “แค่ตามที่ข้าทราบ โลกเช่นนี้มีเป็นร้อยเป็นพัน”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พยักหน้าเล็กน้อย

ผู้อาวุโสม่ออธิบายต่อ “พูดถึงพื้้นที่ทางภูมิประเทศ ข้าไม่รู้ว่าโลกซ้อนโลกใหญ่กว่าแปดพิภพขนนาดไหน ส่วนสถานที่ที่ข้าเคยอยู่มีชื่อว่าทะเลหวงเจีย ยังใหญ่กว่าแปดพิภพเสียอีก”

สองพ่อลูกสบตากันเอง

ชื่อทะเลหวงเจีย ทำให้พวกเขานึกถึงสวรรค์ชั้นจู๋ลั่วหวงเจีย[1] หนึ่งในสวรรค์สามสิบหกชั้นของคัมภีร์สำนักเต๋า

เยี่ยนจ้าวเกออดถามกลั้วหัวเราะไม่ได้ว่า “ไม่ทราบว่ามีเขาถางเย่า และเขาตวนจิ้งด้วยหรือไม่?”

ผู้อาวุโสม่อหัวเราะขึ้นเช่นกัน “ไม่เคยได้ยินมาก่อน ชื่อทะเลหวงเจียน่าจะเป็นคนหลังมหาภัยพิบัติยืมชื่อจากสวรรค์ชั้นจู๋ลั่วหวงเจียเทียนมาตั้ง”

หลังจากหัวเราะ ผู้อาวุโสม่อก็ถามว่า “กลับไม่รู้ว่าพวกเจ้าสองพ่อลูกรู้จักสำนักแสงสว่างขนาดไหน”

ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเชื่องช้า “ใช่เกี่ยวข้องกับสำนักประกายกาฬในอดีตหรือไม่? ข้ารู้เพียงว่าบนโลกซ้อนโลกนอกจากสำนักแสงสว่างแล้ว ยังมีสำนักความมืดอยู่ด้วย”

ผู้อาวุโสม่อลูบมือชมเชย “ไม่ผิด เป็นเช่นนั้นจริงๆ

“ในอดีต ภายใต้การนำของอิ่นเทียนเซี่ย จักรพรรดิประกายกาฬ สำนักประกายกาฬเคยมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ในช่วงรุ่งโรจน์ แต่หลังจากเจ้าสำนักอิ่นเทียนเซี่ยตายลง สำนักประกายกาฬก็เสื่อมโทรม เกิดความขัดแย้งภายใน สุดท้ายเกิดการแบ่งแยกขึ้นในสำนักใหญ่นี้ กลายเป็นสำนักแสงสว่างและสำนักความมืด อีกทั้งยังต่อสู้พัวพันกันมาโดยตลอด”

เมื่อได้ยินคำบรรยายของผู้อาวุโสม่อ ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันเป็นประกาย “รอประเดี๋ยวก่อน ข้าได้ยินท่านเพิ่งพูดถึง จักรพรรดิแห่งโยวหมิงอิ่นเทียนเซี่ยใช่หรือไม่?”

ผู้อาวุโสม่อพยักหน้า เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “สำนักความมืดและแสงสว่างอยู่มาก่อนมหาภัยพิบัติ ข้าเคยอ่านคัมภีร์โบราณ จึงพอรู้อยู่บ้างว่าก่อนมหาภัยพิบัติ ในสำนักประกายกาฬน่าจะไม่มีคนที่ใช้คำเรียกจักรพรรดิ”

“ถูกต้อง อิ่นเทียนเซี่ยคือคนที่เกิดขึ้นมาหลังมหาภัยพิบัติ ก้าวข้ามบรรพบุรุษ สืบทอดและพัฒนาต่อ” ผู้อาวุโสม่อพูดด้วยรอยยิ้ม “ตามที่ข้ารู้ เขาไม่ได้ตั้งตนเป็นจักรพรรดิให้ผู้อื่นเยาะเย้ย แต่เพราะพลังของเขาสามารถเรียกว่าจักรพรรดิได้จริงๆ”

“เพียงแต่น่าเสียดาย คนเช่นนี้กลับเสียชีวิตในตอนที่รุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเหมือนกับดาวตก ข้าไม่ได้มีความคิดจะล่วงเกิน แต่ว่าในแปดพิภพ ตอนที่เห็นผู้สะเทือนสวรรค์ของสำนักเจ้าในอดีต ก็ทำให้นึกถึงจักรพรรดิประกายกาฬขึ้นมา”

เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวง เพียงพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าสำนักอิ่นผู้นี้ก็คงเป็นบุคคลหายากจริงๆ”

ผู้อาวุโสม่อปรบมือเบาๆ กลางวิหารที่คนทั้งสามอยู่ มีลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นมา รัศมีแสงหลายสายวนเวียนอยู่ด้านข้าง

ด้านในลำแสงมีของที่เหมือนกับเศษโลหะแผ่นหนึ่งลอยนิ่ง

เศษโลหะครึ่งดำครึ่งขาวเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแสงและความมืด

ชายหนุ่มมองไปยังผู้อาวุโสม่อ อีกฝ่ายถอนใจเสียงหนึ่ง “ในอดีต ตระกูลของข้าประสบหายนะเพราะของสิ่งนี้ คนในตระกูลตายอย่างน่าอนาถแทบหมดสิ้น

“ข้าศึกษามันมาหลายปี แต่ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ เพียงรู้ว่าของสิ่งนี้เหมือนจะเกี่ยวข้องกับอิ่นเทียนเซี่ยในตอนนั้น สำนักแสงสว่างจึงต้องการมันเป็นอย่างยิ่ง”

“ข้าตั้งใจจะทำลายของต้องสาปนี้ แต่ครั้นนึกถึงความแค้นที่ถูกฆ่าล้างตระกูล จึงไม่อยากจะสร้างประโยชน์ให้กับสำนักแสงสว่าง”

ผู้อาวุโสม่อกลับไม่มีความคิดจะยืมมือบุคคลที่สาม ในอดีตเขาฆ่าลูกศิษย์สำนักแสงสว่างมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน หากเขากว่างเฉิงถูกสำนักแสงสว่างทำลาย และสำนักแสงสว่างหาตัวเขาเจอ ก็ย่อมไม่มีจุดจบที่ดีแน่

เยี่ยนตี๋ถามว่า “ท่านผู้อาวุโสไฉนจึงไม่ตามหาสำนักความมืด?”

“ที่ข้าหนีรอดจากวงล้อมในตอนนั้นมาได้ก็เป็นโชคมหาศาลแล้ว” ผู้อาวุโสม่อหัวเราะ ก่อนจะอย่างขื่นขม

สองพ่อลูกพยักหน้าเล็กน้อย

ชายชรามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความจริงใจ “ของสิ่งนี้บางทีอาจมีประโยชน์ แต่บางทีอาจนำผลร้ายมาให้พวกเจ้าสองพ่อลูกก็ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเศษโลหะแผ่นนั้นพร้อมกับครุ่นคิด

……………………………………….

[1] ชั้นจู๋ลั่วหวงเจีย (竺落皇笳天) หนึ่งในสวรรค์ 36 ชั้น (三十六天) ตามความเชื่อของลัทธิเต๋า