เดินต่อไปข้างหน้า หนึ่งก้าวเป็นวิวทิวทัศน์ อีกหนึ่งก้าวเป็นโถงใหญ่

ก้าวในอุโมงค์นี้หนึ่งก้าว เหมือนกับเดินผ่านลานแห่งหนึ่งในจวนตระกูลเทียน!

ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ นี่ต้องเป็นเพราะค่ายกลมิติแน่นอน

ลู่ฝานรู้สึกว่าทุกก้าวของตัวเอง จะมีระลอกคลื่นมิติรอบตัวเขา

เดินมาเป็นเวลาครึ่งก้านธูป เทียนเหวินหยู่จึงหยุดลง

ลู่ฝานเดินมาข้างเขา สิ่งที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าคือลานบ้านเล็กๆ

เมื่อสะบัดมือ อุโมงค์แสงด้านล่างเท้าหายไป เทียนเหวินหยู่พูดว่า “คุณชายลู่ฝาน เชิญด้านในครับ ผู้อาวุโสเทียนหยาจื่ออยู่ด้านในครับ”

ลู่ฝานพยักหน้า คำนับขอบคุณเทียนเหวินหยู่

หลังจากนั้นจึงรีบเดินไปข้างหน้า!

นี่เป็นลานบ้านที่ไม่ใหญ่ ขนาดของที่นี่ยังเล็กกว่าคณะหนึ่งเดียวในตอนแรกเสียอีก

เพิ่งเดินเข้ามา จู่ๆ ลู่ฝานเห็นใครคนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ คือท่านผอ.เทียนหยาจื่อ!

ลู่ฝานยิ้มกว้าง โค้งคำนับท่านผอ. เทียนหยาจื่อจากไกลๆ แล้วพูดว่า “ศิษย์ลู่ฝาน ดีใจที่ได้เจอท่านผอ.!”

เสียงทำให้ท่านผอ.เทียนหยาจื่อ ที่กำลังหลับตาพักผ่อนสะดุ้งตื่น มองเพียงแวบเดียวก็เห็นลู่ฝาน ท่านผอ.เทียนหยาจื่อหัวเราะทันที “ลู่ฝาน ในที่สุดนายก็มาสักที!”

“มาแล้ว ใครมา ลู่ฝานมาแล้วเหรอ”

เทียนหยาจื่อยังไม่ทันพูด อาจารย์เหลยรีบวิ่งกุลีกุจอออกมาจากด้านข้าง

เมื่อเห็นลู่ฝาน อาจารย์เหลยก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขาหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน นายมาได้สักที”

ลู่ฝานรีบเดินเข้าไป แม้เขาไม่รู้จักอาจารย์เหลย แต่ก็คารวะให้อาจารย์เหลย

อาจารย์เหลยรีบโบกมือพัลวัน แล้วพูดกับลู่ฝานว่า “ไม่กล้าให้นายทำความเคารพฉันหรอก ลู่ฝาน นายมาก็ดีแล้ว ถ้านายยังไม่มา ฉันจะบุกเข้าไปหานายในเจดีย์ยาแล้ว”

ลู่ฝานมองอาจารย์เหลยอย่างสงสัย เทียนหยาจื่อเดินเข้ามาพูดว่า “ท่านนี้คืออาจารย์เหลยของสถาบันบู๊องอาจ เขาบอกว่ามาหานายเพราะมีเรื่องสำคัญ รอนายอยู่ที่นี่นานแล้ว”

ลู่ฝานพูดว่า “เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญอะไรเหรอครับ”

อาจารย์เหลยยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่รีบๆ รอให้อาจารย์อีกท่านหนึ่งมาก่อน เราค่อยคุยกับนาย เทียนหยาจื่อนายคุยเรื่องที่ผ่านมากับศิษย์นายเถอะ ฉันจะไปเรียกเขากลับมา ลู่ฝาน นายอย่ารีบไปนะ รอฉันหนึ่งชั่วยาม ไม่สิ ครึ่งชั่วยามก็พอแล้ว!”

เมื่อพูดจบ อาจารย์เหลยรีบออกไปอย่างร้อนรน

ลู่ฝานมองเขาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “อาจารย์ของสถาบันบู๊องอาจ ไม่ได้มาคิดบัญชีกับผมใช่ไหมครับ”

เทียนหยาจื่อยิ้มแล้วพูดว่า “คิดบัญชีกับนายเหรอ นายนี่มองตัวเองสูงส่งจริงๆ นักบู๊แดนปราณฟ้าระดับกลางสองคน มาคิดบัญชีนาย ถึงนายมีหลายชีวิตก็ไม่พอหรอก มาๆๆ ในเมื่อนายมาแล้ว เรามาคุยกันดีกว่า คุยกันตั้งแต่นายเริ่มเดินทางออกจากเขตตงหวา การเดินทางนี้คงลำบากมากสินะ!”

ลู่ฝานพูดว่า “ก็ไม่ได้ลำบากมากหรอกครับ ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ครับ ท่านผอ. รถม้าผ่านมิติของท่าน ถึงเวลาคืนสู่เจ้าของแล้ว”

เทียนหยาจื่อโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “ให้นายไปแล้ว เป็นของนายแล้ว ลู่ฝาน ช่วงนี้นายมีปัญหาไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าเมื่อมาถึงเมืองหลวง ก็ทำมีข่าวอื้อฉาวที่โจษจันกันไปทั้งเมือง นายนี่สุดยอดจริงๆ”

ลู่ฝานยิ้มแหยแล้วพูดว่า “โดนบังคับจนจำใจน่ะครับ ใครจะไปคิดล่ะครับว่าผมยังไม่มา ไท่จื่อก็จับตาดูผมแล้ว”

เทียนหยาจื่อหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นายยังพอรู้อะไรบ้าง อืม แบบนี้ดีแล้ว ต้องการให้ฉันชี้แนะไหม”

ลู่ฝานสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที เขาพูดว่า “ท่านผอ.ยอมชี้แนะผมเหรอครับ”

เทียนหยาจื่อหัวเราะแล้วพูดว่า “นายเป็นนักเรียนของฉัน ยังไงก็เป็นศิษย์ฉันครึ่งหนึ่ง ฉันไม่ชี้แนะนาย จะให้ไปชี้แนะใคร ต่อไปนายแค่ฟังคำพูดฉัน รับรองว่านายจะอยู่ในเมืองหลวงอย่างปลอดภัยหายห่วง!”