“ฮ่าฮ่า เห็นทีเสวี่ยอิงเข้าไปในวังเทพจิตโลกาครั้งนี้คงได้อะไรมาไม่น้อย สามารถอยู่ข้างในได้กว่าร้อยล้านปี ทั้งยังมีพลังเช่นนี้ เป็นเพราะได้สมบัติลับระดับยอดสุดมาหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาส่ายหน้ายิ้มๆ “ศิษย์ของข้าคนนี้ โชคดีหว่าคนเป็นอาจารย์อย่างข้ามากนัก! ตอนแรกข้าต้องยากลำบากเพียงใดจึงจะได้สมบัติลับระดับยอดสุดมา”
สมบัติลับระดับยอดสุดชิ้นหนึ่งอย่าง ‘ดาบทวิภพ’ ทำให้เขาต้องลั่นสัตย์สาบาน เมื่อสิ่งมีชีวิตโบราณในยุคก่อนสงครามรัฐโบราณครั้งที่หนึ่งอย่างราชันย์อนธการอมตะกลับมาอีกครั้ง ทำให้สัตย์สาบานนี้ส่งผลกระทบต่อเขา
มิเช่นนั้นแล้วด้วยพลังของประมุขรัฐเมฆทักษิณา หากจะฉีกหน้าจริงๆ ราชันย์อนธการอมตะก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย
น่าเสียดายที่หากไม่ถึงชั่วขณะสุดท้ายจริงๆ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ไม่อยากฝ่าฝืนคำสัตย์
“ระดับจอมเคารพรึ อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ช่างโชคดีจริงๆ!”
“ข้าเข้าไปในวังเทพจิตโลกา ไม่อาจหาโอกาสการบรรลุได้พบ และไม่ได้สมบัติลับระดับยอดสุดมาด้วย”
เหล่าผู้แกร่งกล้าที่ได้ข่าวแต่ละคนเช่นจอมเคารพมารอัคคี แต่ละคนล้วนเกิดความคิดต่างๆ มากมายขึ้นมาบ้างก็อิจฉา ริษยา บ้างก็รู้สึกสะท้อนใจ
เพราะถึงอย่างไรอย่างสกุลฝาน ตลอดคืนวันอันยาวนานก็มีมหาเคารพเพียงหกท่านเท่านั้น! จะสำเร็จเป็นระดับจอมเคารพได้นั้นไม่ใช้เรื่องง่ายเลยจริงๆ
……
วังเทพจิตโลกา
ภายในโถงตำหนักอันโอ่อ่าแห่งนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมเคารพกระบี่ปีศาจและจวินอ๋องดำ ทั้งสามคนที่เพิ่งจะบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์มาได้สำเร็จต่างก็อยู่ที่นี่
“ข่าวแพร่ออกไปรวดเร็วจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางส่ายหน้า
“ฮ่าฮ่า น้องหิมะเหิน เจ้ามีพลังระดับนี้ ย่อมปกปิดเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว” จวินอ๋องดำพูดยิ้มๆ “ทว่าเจ้าก็ระมัดระวังตัวใช้ได้ทีเดียว พลังระดับนี้ยังให้กระบี่ปีศาจและผู่ซู่ช่วยอีก”
เพราะถึงอย่างไรบัดนี้ผู่ซู่ก็ถูกขับออกไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงมีพลังเช่นนี้แท้ๆ แต่กลับจงใจแสร้งทำเป็นอ่อนแอ จวินอ๋องดำพูดเช่นนี้ก็เพื่อเชื่อมโยงสัมพันธ์
เขาก็เข้าใจว่าเดิมทีรัฐโบราณคิมหันตวายุค่อนข้างดูแคลนผู้แกร่งกล้าจากรัฐภายนอก จะมีก็แต่สกุลฝานเท่านั้นที่ดีกว่าบ้างเล็กน้อย
จอมเคารพกระบี่ปีศาจกลับพูดขึ้นว่า “หิมะเหินเป็นเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุของเรา จะร่วมมือกับพวกเราก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว เขาสำแดงเขตลวงโลกเทียม ก็ทำให้ค่ายกัลป์หลายแห่งก่อนหน้านี้สบายขึ้นมากทีเดียว! หากด่านสิบสองกัลป์ยังมีเขตลวงโลกเทียมของน้องหิมะเหินช่วยเหลือ เกรงว่าผู่ซู่ก็คงจะไม่ล้มเหลวแล้ว”
เป็นเช่นนี้จริงๆ
ภายใต้เขตลวงโลกเทียม ทหารคุ้มกันแต่ละคนล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น ค่ายกลทหารคุ้มกันมีพลังอ่อนแอ มหาเคารพผู่ซู่ก็มีหวังจะได้รับชัยชนะ
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองจอมเคารพกระบี่ปีศาจแวบหนึ่งด้วยความซาบซึ้งใจอย่างมากที่เขาเข้าใจ
อันที่จริงแล้ว ‘เคล็ดการร่วมโจมตี’ เป็นกระบวนท่าในยุทธวิธีเมฆาแดงซึ่งได้รับการปรับปรุงจนสำเร็จในท้ายที่สุด เคล็ดการร่วมโจมตีเดิมคือสามร่างแยกร่วมโจมตี! บัดนี้จะปรับปรุงให้เป็นเก้าร่างแยกร่วมโจมตี ทั้งยังต้องสอดคล้องกับกระบวนท่าบางอย่างของพลังคละถิ่น ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องสูญเสียความคิดจิตใจไปไม่น้อยจึงสำเร็จได้ เมื่อมีเคล็ดการร่วมโจมตีเช่นนี้ จึงทำให้พลังของร่างแยกทั้งเก้าสำแดงออกมาได้หมด
“กึ้กๆๆ…”
มีเวทีศิลาสามแห่งผุดขึ้นมาบนพื้นโถงตำหนัก บนเวทีศิลาแต่ละแห่งต่างก็มีเวทีศิลาอยู่
“มาแล้ว”
จอมเคารพกระบี่ปีศาจจวินอ๋องดำและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็นัยน์ตาเป็นประกาย พวกเขาสู้สุดชีวิตจนกระทั่งบุกฝ่าผ่านด่านสิบสองกัลป์ได้ ก็เพื่อชั่วขณะนี้นั่นเอง! เวลานี้คือเวลาสำหรับการเก็บเกี่ยวผลงานแล้ว
พวกเขาทั้งสามพากันก้าวไปข้างหน้าแล้วมาถึงตรงหน้าเวทีศิลาแห่งหนึ่งตามการสัมผัสรับรู้ ก่อนจะวางมือลงบนกล่องศิลาเบาๆ
“ฟิ้ว” “ฟิ้ว” “ฟิ้ว”
ทั้งสามคนเปิดกล่องออกแทบจะต่อเนื่องกัน ต่างคนต่างเผยสีหน้าตกใจระคนยินดีออกมา เพียงแต่ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึก ‘ตกใจ’ มากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่น่าเชื่อ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองมณีทรงกลมสีแดงชาดซึ่งวางอยู่ในกล่องศิลาด้วยความตกใจ ภายในมณีทรงกลมมีจุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วนวูบไหวอย่างไม่หยุดนิ่ง และกฎเกณฑ์ที่พิสดารอย่างยิ่ง จุดแสงทั้งหมดหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา หากสำรวจดูจุดแสงแต่ละจุดโดยละเอียดแล้วนำมาขยายเป็นล้านล้านเท่า อันที่จริงแล้วก็คือจักรวาลพิเศษแห่งหนึ่ง
ใช่แล้ว ภายในจุดแสงแต่ละจุดล้วนแต่เป็นโลกที่แท้จริง!
“แหล่งกำเนิดห้วงสมุทรหรือ” หางตาของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เหลือบมองสมบัติล้ำค่าในกล่องศิลาของทั้งสองคนด้านข้าง สมบัติล้ำค่าที่จอมเคารพกระบี่ปีศาจและจวินอ๋องดำได้รับนั้นต่างก็มีมูลค่าราวแสนล้านแก้วผลึกจักรวาล ยังนับว่าปกติ
“เหตุใดจึงมอบแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรให้ข้าเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตะลึงเหลือแสน
แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร
ล้ำค่าหาใดเปรียบ สามารถอาศัยมันเป็นพื้นฐานเพื่อสำแดงห้วงสมุทรออกมา ตนจะกลายเป็นประมุขแห่งห้วงสมุทร ภายในขอบเขตของห้วงสมุทรนี้ ก็สามารถได้รับแรงช่วยต่างๆ นอกจากนี้ในฐานะประมุขแห่งห้วงสมุทร เมื่อรับรู้วิถีอากาศภายในห้วงสมุทรก็จะเป็นแรงช่วยมหาศาล
ขณะเดียวกัน ‘แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร’ นี้ใช้หลอมอาวุธ หรือไม่ก็เป็นใจกลางของหุ่นเชิด หรือเป็นใจกลางคูหา…เป็นสมบัติล้ำค่าที่ร้องขอก็ยังมิอาจได้มา หากพูดถึงมูลค่าแล้ว ก็ยังสูงกว่าสมบัติลับระดับยอดสุดทั่วไปอยู่บ้าง เพราะหาได้ยากนัก
“เหตุใดจึงมอบแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรให้เขาเล่า”
“วัตถุในตำนานเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาแล้วหรือ”
จวินอ๋องดำและจอมเคารพกระบี่ปีศาจก็สังเกตเห็นทางตงป๋อเสวี่ยอิง ต่างก็ตกใจเป็นอันมาก
จะสามารถเห็นได้ถึงความลำเอียงของวังเทพจิตโลกา
ตอนที่ผ่านด่านเก้ากัลป์มาได้นั้น…เขาเข้าร่วมกลางทางโดยมิได้ผ่านด่านกัลป์ที่เจ็ดมาก่อน นอกจากนี้เขายังได้รับการคุ้มกันจนแทบมิได้สำแดงพลังออกมามากสักเท่าใดนัก สมบัติล้ำค่าที่ได้มาก็ยังทัดเทียมกันกับพวกเขา
บัดนี้เมื่อผ่านด่านสิบสองกัลป์และได้สำแดงพลังออกมา สมบัติล้ำค่าที่จ้าวหิมะเหินผู้นี้ได้มาก็สูงกว่าพวกเขาขุมหนึ่งทันที
“สวบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรีบเก็บขึ้นมา
ม่านตาของจวินอ๋องดำหรี่ลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันเขาก็ส่งสารเบาๆ ว่า “ท่านปฐมบรรพชน ข้าพบแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรก้อนหนึ่งเข้า เป็นสิ่งที่จ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาได้มาหลังจากผ่านด่านสิบสองกัลป์ขอรับ”
……
ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์กำลังยืนอยู่บนลานขนาดมหึมาในวังเทพจิตโลกา มองดูสัญลักษณ์อักขระลับอันซับซ้อนบนลาน เขามองดูโดยละเอียดอยู่ตรงนี้ เขามองความเร้นลับของกฎเกณฑ์อันสูงส่งที่แฝงอยู่ในสัญลักษณ์อักขระลับนี้ออก นอกจากนี้ยังมีความลับบางอย่างอยู่ด้วย หากสามารถเฝ้าดูจนเข้าใจได้ จะต้องได้ผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน
มาถึงระดับอย่างเขาแล้ว วังเทพจิตโลกาก็เข้มงวดกับพวกเขามากขึ้น คิดจะได้รับผลประโยชน์ก็ยากยิ่งขึ้นไปอีก
“เอ๊ะ” ดวงตาทั้งคู่บนใบหน้าขาวซีดของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์พลันมีความตกตะลึงสายหนึ่งแวบผ่านไป “แหล่งกำเนิดห้วงสมุทรหรือ จ้าวหิมะเหินแห่งรัฐเมฆทักษิณาได้รับแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรมาก้อนหนึ่งอย่างนั้นหรือ”
“สมบัติล้ำค่าระดับนี้ อยู่ในมือเขาก็สิ้นเปลืองจริงๆ โชคชะตากำหนดมาว่าควรตกเป็นของข้า” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เผยรอยยิ้มระลอกหนึ่งออกมา
ในเรื่องการหลอมมารรับใช้นั้น
ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์คือผู้ที่เก่งกาจที่สุดในทั้งดินแดนจิตโลกาอย่างไร้ข้อกังขา เขาหลอมเก้าผู้ท่องราตรีนิรันดร์ออกมา ซึ่งล้วนแต่เป็นมารรับใช้ที่มีพลังรบระดับเทพจักรวาลทั้งสิ้น ผู้ที่เป็นระดับยอดสุดในจำนวนนั้นล้วนแต่มีพลังเทียบกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาได้เลยทีเดียว
แต่อันที่จริงแล้วปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ใฝ่ฝันถึงการหลอมมารรับใช้ที่ร้ายกาจยิ่งขึ้นมาโดยตลอด ขั้นตอนการหลอมเช่นนี้ ก็เป็นขั้นตอนการบำเพ็ญอย่างหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นมารรับใช้ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าก็ต้องการวัสดุที่หายากมากขึ้นไปด้วย
“แหล่งกำเนิดห้วงสมุทรเหมาะจะเป็นหนึ่งในใจกลางแสงและความมืด” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็สาวเท้าแหวกอากาศไป
กล้าทะยานไปในวังเทพจิตโลกาตามอำเภอใจเช่นนี้มีไม่มากนัก
……
“แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร จ้าวหิมะเหิน ยินดีด้วยๆ” จวินอ๋องดำเอ่ยชม “ช่างทำให้ข้าและคนอื่นๆ อิจฉาจริงๆ สมบัติล้ำค่าที่ข้าและกระบี่ปีศาจได้มายังนับว่าทั่วไป แต่สิ่งที่จ้าวหิมะเหินได้รับกลับเป็นแหล่งกำเนิดห้วงสมุทร มันล้ำค่ากว่าของข้าและคนอื่นมากทีเดียว วังเทพจิตโลกานี้ก็ลำเอียงไปทางเจ้าด้วย”
“โชคดีน่ะขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเดินไปทางนอกตำหนัก
“อะไรกัน จ้าวหิมะเหินเตรียมตัวจะไปแล้วหรือ” จวินอ๋องดำถาม “ไม่คิดจะบุกฝ่าต่อไปแล้วหรือ”
เมื่อครู่ตอนได้รับสมบัติล้ำค่ามา ก็ได้พิกัดที่ตั้งของด่านกัลป์อีกสามแห่งมาด้วย
แต่ถึงกระนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้ตัวเองดีมาก เขาไม่มีสมบัติลับระดับยอดสุด จะบุกฝ่าด่านสิบสองกัลป์ก็ไม่ง่ายเสียแล้ว ด่านสิบห้ากัลป์น่ะหรือ ไม่มีหวังเลยจริงๆ!
ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายจากไปเอง ก็ยังสามารถไปยังสถานที่อื่นๆ ของวังเทพจิตโลกาเพื่อสำรวจดูได้
มิเช่นนั้นแล้วหากถูกขับไล่ออกจากด่านกัลป์ เช่นนั้นเส้นทางของการค้นหาภายในวังเทพจิตโลกาก็จะสิ้นสุดลงทันที
“สมควรไปได้แล้วล่ะ หากบุกต่อไปก็ต้องสูญเสียโอกาสไปเปล่าๆ” จอมเคารพกระบี่ปีศาจก็เดินออกไปเช่นกัน
“เดิมทีข้าคิดว่าจะลองบุกด่านกัลป์ดูอีกสักแห่งสองแห่ง ทว่าทั้งสองคนก็ล้มเลิกแล้ว ข้าก็ล้มเลิกด้วยก็แล้วกัน ระวังตัวไว้เสียหน่อยจะดีกว่า” จวินอ๋องดำกล่าว “จ้าวหิมะเหิน จอมเคารพกระบี่ปีศาจ ต่อไปพวกท่านคิดจะไปที่ใดกันหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหันไปมองจวินอ๋องดำแวบหนึ่ง ในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
จวินอ๋องดำผู้นี้
พูดพล่ามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
นอกจากนี้เมื่อท่องไปในวังเทพจิตโลกา รัฐโบราณแต่ละแห่งล้วนแต่มีข้อมูลของตน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็ไม่อยากจะแบ่งปันกับรัฐโบราณอื่นๆ ดังเช่นสามตระกูลใหญ่ภายในรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ไม่อยากจะแบ่งปันข้อมูลกับบรรดาเค่อชิงทั้งหลาย
“ตู้ม!” ไกลออกไปมีเสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น คลื่นอันน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งก่อตัวขึ้นไกลออกไป
“นี่มันเรื่องอันใดกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมเคารพกระบี่ปีศาจและจวินอ๋องดำเพิ่งเดินออกจากโถงตำหนักก็ทอดสายตามองออกไปกล
“ระลอกคลื่นที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู” จอมเคารพกระบี่ปีศาจเอ่ยขึ้นมา
เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ
ฟิ้ว
ไกลออกไปมีลำแสงกะพริบวาบขึ้นมา พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็พบว่า กลางท้องฟ้าตรงหน้ามีเงาร่างสายหนึ่งรวมตัวกันขึ้นมา เงาร่างสายนี้สวมเสื้อคลุมกันลมสีดำซึ่งปักลวดลายสีทองเอาไว้ ลวดลายสีทองเปล่งรัศมีอันเรืองรองออกมา ใบหน้าของเขาขาวผ่อง รูปโฉมหล่อเหลานัก ดวงตาทั้งคู่เหลือบมองลงมา ราวกับมองทะลุวิญญาณของคนทุกผู้ในที่นั้น
แรงกดดันอันอันไร้รูปร่างทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมเคารพกระบี่ปีศาจพากันแตกตื่น
“ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์” ตงป๋อเสวี่ยอิงจำสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูผู้เก่าแก่ตรงหน้าคนนี้ได้ทันที
“บังเอิญถึงเพียงนี้ พบปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เข้าหรือ” จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ใจสั่นขึ้นมา เขานึกถึงการใช้งาน ‘แหล่งกำเนิดห้วงสมุทร’ และนึกถึงว่าก่อนหน้านี้จวินอ๋องดำพูดอะไรออกมามากมายอย่างไม่ปกติ
“จ้าวหิมะเหิน ระวังตัวด้วย ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นจากการต่อสู้เมื่อครู่ น่าจะเกิดจากปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เป็นผู้สร้างขึ้น เขาเร่งมาด้วยความเร็วสูงถึงเพียงนี้ กลางทางยังระเบิดอันตรายต่างๆ ในวังเทพจิตโลกาออกโดยไม่ลดดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เพื่อมาถึงตรงที่พวกเราอยู่ แล้วกลับหยุดลง! เกรงว่าผู้าเยือนคงจะไม่มีเจตนาดี ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทจักรพรรดิเซี่ย หากเขาคิดร้ายขึ้นมา ก็ต้องพยยายามยิ้อเวลาออกไปให้เต็มที่” จอมเคารพกระบี่ปีศาจถ่ายเสียงให้ตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเขาต่างก็เฉลียวฉลาดหลักแหลม จึงพอจะคาดเดาได้ว่าการที่ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์มาที่นี่ด้วยความบังเอิญถึงเพียงนี้ ออกจะไม่ปกติอยู่บ้าง
…………………………………….