“คารวะปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์” จอมเคารพกระบี่ปีศาจและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็โค้งคำนับ เพื่อแสดงความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู
ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เหลือบมองลงไปเบื้องล่าง สายตาตกต้องลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง เขาพูดด้วยเสียงเยียบเย็นดุจน้ำแข็งว่า “จ้าวหิมะเหิน ส่งแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรมา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งเฮือก
มาแย่งชิงสมบัติจริงๆ น่ะหรือ
“ไม่ยินยอม เช่นนั้นก็ตายเสียเถิด” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์พูดเสียงเย็นชา เขาเอ่ยปากว่าต้องการแหล่งกำเนิดห้วงสมุทร หากตงป๋อเสวี่ยอิงมอบให้แต่โดยดีทันทีด้วยความเคารพ ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ก็อาจจะไว้ชีวิตเขาทันที เนื่องจากนั่นแสดงว่าตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ว่าพลังแตกต่างกัน จึงไม่กล้ามีจิตคิดเป็นปฏิปักษ์แม้แต่น้อย
เมื่อเผชิญหน้ากับคำขอของสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู หากชักช้าลังเล ก็จะเห็นได้ชัดว่าคร้ามเกรง ‘สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู’ ไม่เพียงพอ!
หากไม่คร้ามเกรงพอ เกรงว่าในภายหน้าอาจจะเกิดการแตกหักกันขึ้นมาก็เป็นได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องฆ่าทันที ใช้พลังกำราบผู้น้อยเสียเลย!
“อะไรนะ!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงไหนเลยจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะเหิมเกริมถึงเพียงนี้ เพิ่งจะอ้าปากขอ หากตนลังเลแม้แต่ครู่เดียว อีกฝ่ายก็จะปลิดชีพทันที!
“ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์” จอมเคารพกระบี่ปีศาจตะโกนเสียงดัง “จ้าวหิมะเหินเป็นเค่อชิงของรัฐโบราณคิมหันตวายุเรา ท่านปฐมบรรพชนมิอาจ…”
จวินอ๋องดำด้านข้างกลับปรายตามองจอมเคารพกระบี่ปีศาจแวบหนึ่งแล้วลอบร่ำร้องในใจว่า “จอมเคารพกระบี่ปีศาจผู้นี้เป็นคนของสกุลชางแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุแท้ๆ แต่กลับคอยช่วยจ้าวหิมะเหินเช่นนี้น่ะหรือ คนของสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุมีความสัมพันธ์อันดีกับเค่อชิงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“นำรัฐโบราณคิมหันตวายุมากดดันข้ารึ” มุมปากของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์กระดกขึ้นเล็กน้อย แฝงไว้ด้วยแววยิ้มหยัน
เขาและปฐมบรรพชนนิจรัตติกาลร่วมมือกัน จำนวนครั้งที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐโบราณคิมหันตวายุมิใช่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ฉีกหน้าเอย ห้ำหั่นเอย
ระหว่างสงครามรัฐโบราณ พวกเขาโจมตีจนตัวเมืองหลายต่อหลายแห่งถูกทำลายไปก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยนัก
“ไสหัวไป!”
ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์โบกมือคราหนึ่ง พละกำลังของรัศมีสีทองอันยิ่งใหญ่ระลอกหนึ่งกวาดผ่านจอมเคารพกระบี่ปีศาจไป จอมเคารพกระบี่ปีศาจชักกระบี่เทพออกมาแล้วพยายามสกัดกั้นอย่างแข็งขัน แต่ก็ยังคงถูกรัศมีอันยิ่งใหญ่กวาดเสียจนกระเด็นลอยไป ก่อนจะกระแทกเข้ากับผนังทางเดินไกลออกไป ในหูถึงขั้นมีเสียงร้องอื้ออึงระลอกแล้วระลอกเล่า แทรกตัวเข้าไปในวิญญาณอย่างไม่หยุดหย่อน
“ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ ข้ายอมมอบแหล่งกำเนิดห้วงสมุทรให้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากเสียงดัง เขาก็มิได้โง่งม หากถูกล้างสังหารไป สมบัติล้ำค่าทั้งหมดของตนก็คงไม่มีแล้ว โอกาสที่จะบุกฝ่าภายในวังเทพจิตโลกาต่อไปก็ไม่มีแล้วเช่นกัน ยอมก้มหัวชั่วคราวก่อนจะดีกว่า
“ให้โอกาสแล้วเจ้าไม่ยอมคว้าเอาไว้ จะมาให้เอาตอนนี้ ช้าเกินไปแล้ว!” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์พลิกมือคราหนึ่งแล้วปกคลุมเข้ามา
ตงป๋อเสวี่ยอิงสีหน้าเปลี่ยนแปรไปทันใด
ฟิ้วว
รอบด้านพลันมีเมฆหมอกปกคลุมเข้ามา ภายในมีมิติเล็กจิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รีบเข้าไปซ่อนตัวในมิติเล็กจิ๋วมิติเล็กจิ๋วเก้าแห่งในจำนวนนั้นทันที ภายในมิติแต่ละแห่งล้วนมีร่างแยกอยู่ร่างหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับรัศมีอันไร้ที่สิ้นสุดของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ซึ่งกวัดแกว่งมือเข้ามา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สำแดงยุทธวิธีเมฆาแดงใหม่ ‘ทะลุอากาศ’ ออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
กระบวนท่านี้สามารถไม่รับผลกระทบจากค่ายกล สมบัติลับและอาภรณ์ต่างๆ ได้ แล้วฝืนแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของศัตรู คงจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีหวังทำให้ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์บาดเจ็บได้
ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดรแข็งแกร่งแล้วอย่างไรเล่า
ลำพังแค่พูดถึงระดับขั้นก็แค่บรรลุถึงเทพจักรวาลขั้นสุดยอดเท่านั้น สูงกว่าเขาที่เป็นเทพจักรวาลชั้นที่สองซึ่งหกสายหลอมรวมกันไม่มากสักเท่าใดนัก! เพียงแต่เมื่อมีสมบัติลับอันสูงส่ง จึงยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้ก็เท่านั้นเอง ในเมื่อทั้งซ้ายทั้งขวาก็มีแต่ต้องตาย ไม่สู้พยายามให้สุดชีวิตเสียจะดีกว่า
“ตู้มๆๆ…”
กำปั้นเก้าอันยื่นออกมาจากมิติเล็กจิ๋ว ระลอกคลื่นทั้งเก้าสายหมุนคว้างจนก่อให้เกิดน้ำวนขึ้นมาแล้วรับมือรัศมีสีทองอันไร้ที่สิ้นสุดที่กวาดล้างเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่นั้น
ทะลุอากาศ!
เก้าร่างแยก ร่วมโจมตี!
“อ๊าก”
รัศมีสีทองอันไร้ขีดจำกัดซึ่งแสนจะโดดเด่นนั้นกดดันน้ำวนเอาไว้แล้วแทรกซึมเข้ามาภายในเก้ามิติเล็กจิ๋วและแผ่รัศมีมายังร่างแยกทั้งเก้า เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เหนือผิวกายของแต่ละร่างแยกถูกทำลายลงไปอย่างง่ายดาย แล้วโจมตีลงบนกายหยาบของร่างแยกซึ่งคงสภาพการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดเอาไว้ ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ เพียงแค่ทำให้อานุภาพอ่อนกำลังลงไปหนึ่งหรือสองส่วนเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าที่มีอานุภาพอันสูงส่งเช่นนี้ ประโยชน์ของการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดก็กลายเป็นน้อยนิดเสียแล้ว
เคราะห์ดีที่นี่เป็นการโจมตีโดยไม่ได้ตั้งใจของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ ทั้งยังได้รับผลกระทบจากเก้าร่างแยกร่วมโจมตี หนึ่งแบ่งเป็นเก้าเพื่อโจมตีร่างแยกแต่ละร่าง เมื่อผ่านการสกัดกั้นของปุยเมฆคุ้มกาย ร่างแยกแต่ละร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงแค่ถูกกัดกินจนทำลายกายหยาบไปเพียงบางส่วนและเพียงแค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
“นี่คือความแตกต่างหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจขึ้นมาทันที
ต่อให้เทพจักรวาลชั้นที่สองซึ่งเป็น ยอดฝีมือสายฝึกกาย เมื่อเผชิญหน้ากับอานุภาพอันสูงส่ง ก็สามารถปลิดชีพได้ในกระบวนท่าเดียว
ตนสามารถต้านทานการโจมตีของฝ่ามือหนึ่งเอาไว้ได้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
“ยังไม่ตายหรือ เคล็ดวิชาคุ้มกายน่าสนใจดีนี่ ร่างแยกเก้าร่างรึ” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับรู้สึกว่าการมิอาจสังหารให้ตายได้ภายในกระบวนท่าเดียวนั้นเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าเป็นอย่างมาก
“ฟิ้ว”
ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์กวัดแกว่งฝ่ามือเข้ามาเบาๆ อีกครั้งหนึ่ง ฝ่ามือนี่ยิ่งใหญ่ ประหนึ่งบดบังฟ้าดิน บดบังกฎเกณฑ์อันสูงส่ง! อันที่จริงแล้ว อาศัยสมบัติลับอันสูงส่งที่พกติดตัวมา การโจมตีตามอำเภอใจเพียงครั้งเดียวของเขาก็มีอานุภาพอันสูงส่งแล้วจริงๆ
ครั้งนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่กล้าเกิดความคิดที่จะต่อสู้ด้วยเลย มิติเล็กจิ๋วทั้งเก้าแห่งต่างก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาและสำแดงกระบวนท่าการป้องกันของยุทธวิธีเมฆาแดงออกมา ตอนนั้นจอมเคารพเมฆาแดงไม่กลัวการโจมตีเป็นกลุ่ม กระบวนท่าการป้องกันนี้ก็ร้ายกาจอย่างแท้จริง น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรู’ ก็ยังคงน่าขันนัก
ราวกับดีดสายพิณแห่งฟ้าดินนี้…
นิ้วมือทั้งห้าของมหึมาเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา ก็ทำให้มือทั้งเก้าของตงป๋อเสวี่ยอิงที่หมายจะป้องกันสับสนไปหมดแล้ว
“ปังๆๆๆ…” เมื่อมือขาวผ่องขนาดมหึมาของปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ขยับเล็กน้อย และกวาดผ่านมิติเล็กจิ๋วทั้งเก้าไป
มิติเล็กจิ๋วทั้งเก้าสลายไปจนสิ้น
ร่างแยกทั้งเก้าแต่ละร่างถูกกวาดไป เคล็ดวิชาคุ้มกายของแต่ละร่างแตกสลาย ถูกกวาดจนกระเด็นลอยไป แล้วโจมตีลงบนผนังของโถงตำหนักด้านข้างอย่างรุนแรง
แต่ละร่างล้วนแหลกสลายกลายเป็นผุยผง แต่กลับมีพลังชีวิตอันแข็งแกร่งทำให้พวกมันประสานกันได้จนหมด มาถึงระดับอย่างตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ร่างกายแหลกละเอียดนั้นไม่นับเป็นอะไรได้ ขอเพียงพลังชีวิตมิได้ถูกเผาผลาญไปจนสิ้นก็สามารถทนต่อไปได้ กระบวนท่าเมื่อครู่นี้ ทำให้พลังชีวิตของเขาถูกเผาผลาญไปเกือบส่วนหนึ่ง ส่วนกระบวนท่านี้เผาผลาญไปมากเกือบสองส่วนแล้ว
“ความสามารถในการรักษาชีวิตของข้า ในบรรดาจอมเคารพก็จัดเป็นอันดับต้นๆ แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็ยังคงดูอ่อนแออยู่ดี น่าเสียดายที่ระดับขั้นของข้าไม่เพียงพอ หากข้าสามารถสำแดงเจ็ดกระบวนคละถิ่นได้ในระดับขั้นที่ลึกล้ำกว่านี้ ไหนเลยจะถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดายตามอำเภอใจเช่นนีี้เล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ยอมจำนนเป็นอย่างมาก
อันที่จริงแล้วสามารถต้านทานกระบวนท่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูก็นับว่าเก่งมากแล้ว
“เอ๊ะ”
ทันใดนั้นปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขารับรู้ได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นอีกท่านหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ และถึงขั้นทำให้เขารู้สึกกดดันได้ ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์เข้าใจดีมากว่า เมื่อทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ทำให้เขารู้สึกกดดันได้อย่างรุนแรงเช่นนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น…จักรพรรดิเซี่ยนั่นเอง! เชื่อกันว่าเขาคือสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้แกร่งกล้าอันดับหนึ่งองทั้งดินแดนจิตโลกา
“ยุ่งยากแล้ว” ปฐมบรรพชนราตรีนิรันดร์ดึงคทาสีทองเล่มหนึ่งออกมาจากตรงหว่างเอว
คทาสีทองพลันขยายใหญ่ขึ้น
“ตู้ม”
มือเขากุมคทาเอาไว้ คทาจิ้มลงไปเบื้องล่าง!
ฟิ้ว!
เพียงพริบตาเดียว ฟ้าดินรอบด้านก็มีรัศมีสีทองอันโดดเด่นสะดุดตาอย่างไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้น รัศมีสีทองทั่วทุกหนแห่ง ไม่เหลือที่ให้หลบซ่อนได้ รัศมีสีทองแต่ละระลอกยังถึงขั้นกลายเป็นคทาสีทองไป
“ปังๆๆๆๆๆ…” ร่างแยกทั้งเก้าของตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนประสบกับการส่องสะท้อนของรัศมีสีทอง คทาแต่ละเล่มกระแทกเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งร่างร้อนรุ่มนัก
วิญญาณร้อนรุ่มนัก!
ฟิ้ว!
ภายใต้การส่องสะท้อนอันไร้ที่สิ้นสุดของรัศมีสีทองและการกระแทกของคทาสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างไร้ที่สิ้นสุด กายหยาบของร่างแยกทั้งเก้าก็ถูกทำลายไปจนสิ้น ส่วนที่เก็บวัตถุ อาวุธและสมบัติล้ำค่าต่างๆ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงทิ้งเอาไว้ล้วนมิได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
แม้ตัววังเทพจิตโลกาเองจะอันตราย แต่ก็มิได้นำมาซึ่งอันตรายแก่ชีวิต
แต่ก็ยังคงมีผู้ที่สิ้นใจไปในวังเทพจิตโลก เนื่องจากในหมู่ผู้บำเพ็ญที่เข้าไปในวังเทพจิตโลกาก็จะมีการเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน! เพียงแต่การที่สิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูคนหนึ่งลงมือกับผู้น้อยคนหนึ่ง กลับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมาก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เส้นทางการท่องไปในวังเทพจิตโลกาของจ้าวหิมะเหินแห่งเมฆทักษิณก็ยุติลงแต่เพียงเท่านี้
“สมควรตาย” จอมเคารพกระบี่ปีศาจที่อยู่ไกลออกไปมิอาจช่วยเหลือได้เลย เมื่อเห็นร่างแยกทั้งเก้าของตงป๋อเสวี่ยอิงสลายไปจนสิ้น เขาก็อดโกรธจนขบกรามกรอดมิได้
“ราตรีนิรันดร์ ลงมือกับผู้น้อยโดยไม่ไว้หน้าตนเองเลยหรือ” เสียงอันก้องกังวานสายหนึ่งเติมเต็มไปทั่วฟ้าดินนี้
………………………………………..