“หา? นี่ข้าได้ยินผิดไปรึเปล่า? เจ้าพูดว่า……จะหั่นร่างข้าให้เป็นหมื่นๆชิ้นงั้นหรือ?” ชิวอวิ๋นมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะเริ่มหัวเราะออกมาดังลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่ไร้สาระที่สุด เขากางแขนทั้งสองข้างออกด้วยท่าทางเย้ยหยัน และมองไปที่เย่ฉาพร้อมกับพูดว่า “อย่างเจ้าน่ะหรือจะหั่นข้าให้เป็นหมื่นๆชิ้น? อาศัยแค่พวกเจ้าไม่กี่สิบคนเนี่ยนะ? ไม่ต้องพูดถึงกองกำลังนับหมื่นคนของข้าเลย ต่อให้พวกเขาไม่ทำอะไร ข้าก็ฆ่าพวกเจ้าทีละคนได้ง่ายๆ! คนที่จะถูกหั่นเป็นหมื่นๆชิ้นคือพวกเจ้าต่างหาก……ไม่คิดงั้นหรือ?”
ชิวอวิ๋นกวาดสายตามองพวกคนที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วเลิกคิ้วพูดอย่างดูถูกว่า “อะไร? ทนไม่ได้ที่คนอื่นพูดไม่ดีเกี่ยวกับเย่เจว๋ใช่ไหม? เขาสูงส่งศักดิ์สิทธิ์แตะต้องไม่ได้เลยงั้นสิ? น่าเสียดาย……น่าเสียดายจริงๆ……”
เขาลดมือลงและมองไปที่เย่ฉากับคนอื่นๆ แล้วพูดขึ้นว่า “จักรพรรดิแห่งความมืดที่แข็งแกร่งทรงพลังในใจของพวกเจ้าน่ะ ตอนนี้มีชีวิตไม่ต่างกับหมาตัวหนึ่ง ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน ล่ามไว้ด้วยโซ่ตรึงวิญญาณ เจ้าอยากให้ข้าบอกเจ้าไหมล่ะว่าตอนนี้เขาน่าสมเพชขนาดไหน? จักรพรรดิแห่งความมืด……ฮ่าๆ……ตอนนี้ก็แค่ลูกแกะที่รอวันถูกเชือดเท่านั้น ข้าพูดว่าเขาเป็นไอ้โง่แล้วมันทำไม? ไม่ใช่แค่ไอ้โง่หรอก ยังเป็นขยะด้วย! ข้าจะเหยียบย่ำมันให้จมดิน พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
ชิวอวิ๋นพูดอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด เขาไม่เชื่อว่ากลุ่มคนตรงหน้าจะทำอะไรเขาได้
ด้วยความอิจฉาริษยาที่มีต่อจวินอู๋เหยา ทำให้ชิวอวิ๋นอยากจะบอกให้ทุกคนในโลกรู้ถึงสภาพที่น่าสมเพชของจวินอู๋เหยาในตอนนี้ เขาอยากให้ทุกคนรู้ว่าเย่เจว๋ที่เคยยิ่งใหญ่ได้กลายเป็นหนอนน่าสมเพชที่ไม่มีแม้แต่อิสระในร่างกายของตัวเอง
สายตาของเย่ฉายิ่งเย็นชาอย่างถึงที่สุดเจตนาสังหารอันรุนแรงก่อตัวขึ้นจากส่วนลึกในดวงตาของเขา ในกองทัพราตรีมีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ห้ามดูหมิ่นจวินอู๋เหยา ไม่เช่นนั้นกองทัพราตรีจะทุ่มสุดตัวและฆ่าคนๆนั้นอย่างไร้ความปราณี!
“คนที่ดูหมิ่นนายท่านเจว๋ ต้องตาย!” เย่ฉากล่าวอย่างเย็นชา
ชิวอวิ๋นหัวเราะอย่างไม่สนใจ เขามองดูคนของกองทัพราตรีดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ทำเป็นวางท่าสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางหวาดหวั่นเกรงกลัวแม้แต่น้อย
“ตาย? ตอนนี้ข้าก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าแล้วไง ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าพวกเจ้าจะมีความสามารถอะไรทำให้ข้าตายได้!”
“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าไม่มีใครฆ่าเจ้าได้?” ทันใดนั้น เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นเหนือทุกคน!
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น สีหน้าของชิวอวิ๋นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นร่างในชุดสีเงินยืนเด่นอยู่กลางอากาศ! ใบหน้าที่งามล่มเมืองปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าร่างอันเพรียวบางนี้ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไร!
นางปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบ แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างชิวอวิ๋นก็ไม่ได้สังเกตเห็นนาง!
เมื่อร่างที่คุ้นเคยปรากฏสู่สายตาของซูจิ่งเหยียน เขาก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขายืนตะลึงงันอยู่กับที่ ทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้!
ชุดเกราะสีเงิน ปีกสีเงิน และใบหน้าที่งามล่มเมือง……ช่างเหมือนเมื่อห้าปีก่อนเหลือเกิน ที่สำนักธาราเมฆ นี่คือคนที่เคยสร้างปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น!
นางยังมีชีวิตอยู่……
นางยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
ลมหายใจของซูจิ่งเหยียนหยุดลงชั่วขณะ เขาจ้องมองไปยังร่างที่ยืนอยู่กลางอากาศนั้น ความสง่างามเช่นนี้ แต่ยังแข็งแกร่งทรงพลัง เทียบกับเมื่อห้าปีก่อน ใบหน้านั้นมีความเป็นเด็กน้อยลง และมีความเย็นชาที่ทำให้ผู้คนตัวสั่นไปทั้งร่างมากขึ้น