บทที่ 2701 ความภักดี
นางหลับตาลง มุมปากหยักเป็นรอยยิ้มเยาะจางๆ
คิดจะแข่งความอดทนกับนางหรือ? ไม่มีทาง!
ชั่วชีวิตนี้สิ่งที่นางไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือความอดทน!
ทั้งสองต่างไม่มีใครเอ่ยวาจา ภายในยานค่อนข้างเงียบสงัดไปชั่วขณะ มีเพียงกระถางกำยานขนาดเล็กตรงมุมโต๊ะภายในห้องที่มีควันหอมลอยม้วนดุจใยแมงมุม
ถึงแม้อูอู๋เหยียนจะสงบนิ่งยิ่งนักอยู่ตลอด หลับตาเพ่งสมาธิ ราวกับเข้าฌาน แต่ในใจเสมือนมีลูกแมวน้อยตัวหนึ่งกำลังข่วนตะกุยอยู่เบาๆ จิตใจไม่นับว่าสงบมั่นคงนัก มือนางลูบไล้หน้าท้องของตนเบาๆ ตรงนี้นูนป่องขึ้นทุกวัน
ทันทีที่นางกลับมาถึงก็ถูกจัดการให้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ ตอนที่ฟื้นขึ้นมานายท่านได้บอกนางแล้ว ในครรภ์ของนางมีชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่งอยู่ เนื่องจากเจ้าของร่างนี้แต่งงานแล้ว นางเพียงรับผิดชอบยั่วยวนสามีเจ้าของเดิมขึ้นเตียงให้ได้ก็พอ
นี่คือคำสั่งที่นายท่านมอบให้นาง ขึ้นเตียงกันแล้วถึงจะนับว่าสำเร็จจริงๆ ถึงจะนับว่าภารกิจเสร็จสมบูรณ์
ในร่างนี้มีความทรงจำของหลานไว่หูอยู่ ความทรงจำแจ่มชัดยิ่ง แจ่มชัดดุจเป็นของนางเอง
ความรักบุญคุณความแค้นระหว่างหลานไว่หูกับเยี่ยนเฉินนางก็ได้รับรู้ด้วยเช่นกัน…
นางหมิ่นแคลนนัก นางไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนที่รักใคร่กันอย่างบริสุทธิ์เช่นนี้ได้ นางรู้สึกว่าภารกิจนี้ของนางถ้าต้องการให้เสร็จสมบูรณ์นั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเสียอีก กลับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยนเฉินจะบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยง ไม่ยินยอม…
ทำให้ภารกิจของนางยืดเยื้อไม่เสร็จสิ้น
วินาทีที่เยี่ยนเฉินอุ้มหลานไว่หูหนีไป นางก็รู้ว่าตนถูกจับได้แล้ว! ถึงนางจะไม่รู้ว่าตัวเองพลาดที่ตรงไหนกันแน่ แต่ถูกจับได้ก็คือถูกจับได้ ไม่มีเหตุผลให้แก้ตัว ภารกิจของนางล้มเหลวแล้ว ติดตามไปอีกก็ไม่ประโยชน์อะไร มีแต่จะหาเรื่องอับอายให้ตน
นางเพียงไปตามหานายท่านที่ออกมาแล้ว รายงานเรื่องนี้ต่อเขา
นางนึกว่าฟั่นเชียนซื่อจะมอบบทลงโทษที่สาหัสยิ่งให้นาง กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยนางไปง่ายๆ เพียงให้นางตามเขาเข้ามาในยานหลัก บอกว่าจะหาโอกาสให้นางได้ทำคุณชดเชย…
นางซาบซึ้งนัก ย่อมรีบร้อนอยากสร้างผลงาน ชดเชยความผิดพลาดของตัวเอง
แต่ครั้งนี้ฟั่นเชียนซื่อไม่ได้มอบหมายภารกิจที่ซับซ้อนอันใดให้นาง เพียงให้นางออกมาอยู่เป็นเพื่อนกู้ซีจิ่ว อยู่ข้างกายนาง ป้องกันไม่ให้นางก่อเรื่องรุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตามกู้ซีจิ่วสงบนิ่งยิ่งนักอยู่ตลอด ไม่ได้ทำเรื่องรุนแรงอันใดเลย นี่ทำให้อูอู๋เหยียนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เจ้านายไปจากที่นี่แล้ว ถ้ากู้ซีจิ่วสู้กับนางขึ้นมาจริงๆ นางอยู่ในร่างกายนี้ ยังคงสู้นางไม่ได้จริงๆมีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่จะถูกอีกฝ่ายทุบจนน่วม
นางไม่ไยดีสังขารนี้เลย นางเพียงมีความรู้สึกต่อ ‘ลูกน้อย’ ในครรภ์อยู่เล็กน้อย
นางเคยสิงสู่กายเนื้อมากมายปานนั้นแล้ว แต่ที่ตั้งครรภ์มีเพียงร่างนี้
ได้มองเห็นทารกในครรภ์เติบโตขึ้นทุกวันด้วยตาตนเอง ในช่วงหนึ่งเดือนผ่านมานี้นางถึงขั้นรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวในท้องได้ ความเคลื่อนไหวนั้นทำให้หัวใจที่เย็นชาเสมอมาของนางมีความอบอุ่นผุดขึ้นมานิดๆ
หากว่านางให้กำเนิดเด็กคนนี้ออกมาด้วยตัวเอง เช่นนั้นเด็กคนนี้ก็น่าจะนับว่าเป็นลูกของนางกระมัง? จะผูกพันใกล้ชิดกับนางอย่างแท้จริงหรือไม่?
ตอนที่นางเพิ่งตามนายท่านขึ้นยานมา ยังกังวลอยู่เลยว่านายท่านจะสั่งให้นางขับเด็กคนนี้ออก ทำให้เด็กคนนี้ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลก
คาดไม่ถึงว่านายท่านจะเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ กำชับให้นางระวัง อย่าได้กระทบกระแทกจนเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง นี่ทำให้นางโล่งใจนัก ในที่สุดหัวใจก็กลับเข้าไปอยู่ในอกได้
ยามนี้นางลูบหน้าท้องเบาๆ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ
เมื่อก่อนนางมีเพียงนายท่าน ใช้ชีวิตเยี่ยงเครื่องจักรเลือดเย็น ตอนนี้เด็กคนนี้น่าจะเป็นของนางอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ?
ถึงอย่างไรก็ออกจากทวีปซิงเยวี่ยมาแล้วนี่
เยี่ยนเฉินกับหลานไว่หูไม่มีทางไล่ตามมาได้
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเงียบงันอยู่ตลอด ถึงขั้นที่ไม่มองนางเลย แต่สมาธิกลับจดจ่ออยู่ที่อีกฝ่ายตลอดเวลา
————————————————————————————-
บทที่ 2702 ความภักดี 2
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเงียบงันอยู่ตลอด ถึงขั้นที่ไม่มองนางเลย แต่สมาธิกลับจดจ่ออยู่ที่อีกฝ่ายตลอดเวลา เห็นนางลูบหน้าท้องเบาๆ ใบหน้าพริ้มเพราแต้มร้อยยิ้ม รอยยิ้มถึงขั้นที่ค่อนข้างอบอุ่นใสบริสุทธิ์ด้วย เจือรัศมีของความเป็นแม่ไว้ เธอก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายก็ห่วงใยเด็กในท้องด้วยใจจริง…
ขอเพียงห่วงใยก็พอแล้ว
เช่นนั้นเรื่องที่เธอจะกระทำต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
“เจ้าเคยเลี้ยงสัตว์หรือไม่?” จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยขึ้น พูดทะลุกลางปล้องออกมาโดยไม่มีความเกี่ยวโยงกันเลย
อูอู๋เหยียนผงะไปแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงแข็ง “ไม่เคย!”
“อันที่จริงข้ามีสัตว์เลี้ยงอยู่หลายตัว ทุกตัวล้วนมีนิสัยเฉพาะตัว สนุกสนานยิ่ง…” คล้ายว่ากู้ซีจิ่วจะเบื่อแล้ว จึงเริ่มคุยเรื่องสัพเพเหระ เล่าถึงสัตว์เลี้ยง
อูอู๋เหยียนไม่รู้ว่านางคิดจะลากเข้าสู่หัวข้อใดกันแน่ ดังนั้นจึงระแวดระวังยิ่งนักอยู่ตลอด ทุกวาจาที่กู้ซีจิ่วเอ่ยนางล้วนตรองแล้วตรองอีก เกรงว่ามีจะหลุมพรางแฝงอยู่
แต่สิ่งที่กู้ซีจิ่วเล่ายังคงเป็นเรื่องสัตว์เลี้ยงจริงๆ นางแทบจะเล่าถึงสัตว์เลี้ยงของนางออกมาเป็นรายตัวแล้ว เจ้าหอยยักษ์ ลู่อู๋ เพรียกวายุ เสือดาวเมฆา…
นางเอ่ยวาจาไม่มาก แต่กลับสดใสมีชีวิตชีวา สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวมีนิสัยแตกต่างกันไป มีจุดด้อยแตกต่างกันไป แต่ก็เนื่องด้วยเหตุนี้ ถึงได้ทำให้บุคลิกของพวกมันแต่ละตัวเด่นชัดยิ่ง
อูอู๋เหยียนค่อยๆ ถูกหัวข้อของเธอดึงดูด นานๆ ครั้งก็เอ่ยสอดบ้างประโยคสองประโยค
หลังจากได้ฟังแล้ว นางไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง “เจ้าให้อิสระพวกมันมากเกินไปหรือเปล่า? จะทำให้พวกมันเสียการควบคุมได้ง่ายยิ่งนัก”
กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ “ทำไมต้องควบคุมพวกมันอย่างเด็ดขาดด้วยล่ะ? พวกมันก็มีเอกสิทธิ์ในตัวเองมิใช่หรือ? สมควรให้พวกมันได้มีชีวิตของตัวเอง ข้าปฏิบัติต่อพวกมันเยี่ยงสหาย พวกมันก็ปฏิบัติต่อข้าเยี่ยงสหาย ยามคับขันก็ทุ่มเทชีวิตยิ่งนักเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องฝึกให้พวกมันเชื่อฟังเหมือนเครื่องจักรสักหน่อย พวกมันไม่ใช่สิ่งของในอาณัติของมนุษย์นะ ต่อให้เป็นเจ้านาย ก็ไม่อาจบงการชีวิตของพวกมันอย่างสมบูรณ์ได้…”
อูอู๋เหยี่ยนเงียบงัน…
นางร้องเฮอะคราหนึ่งไม่เอ่ยวาจาอีก แต่ลึกๆ ในใจกลับคล้ายจะหวั่นไหวแล้ว
นางหลุบตามองมือตน จู่ๆ ก็พบว่านี่คือร่างของผู้อื่น รูปโฉมของผู้อื่น…
ถึงแม้ดวงวิญญาณของนางจะเป็นอิสระ สามารถเข้าสู่ร่างของผู้อื่นเพื่อแทนที่เจ้าของร่างได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่เจ้าของร่าง ต่อให้แสดงเหมือนแค่ไหนก็เป็นแค่ของเลียนแบบ
ถึงขั้นที่นางหาไม่เจอแล้วว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ ลืมเลือนรูปโฉมดั้งเดิมของตนไปแล้ว
ทุกอย่างของนางล้วนเป็นนายท่านที่จัดการให้ ภักดียิ่งกว่าสุนัขเสียอีก
แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ยังมีรูปพรรณสัณฐานเป็นของตัวเอง แต่ดูเหมือนนางจะสู้สัตว์เลี้ยงไม่ได้ด้วยซ้ำ…
ไม่ถูกสิ นายท่านยังคงดีต่อนางมาก คนที่ชอบพาไปด้วยที่สุดก็คือนาง คาดว่าในใจของนายท่านนางจะต้องมีความสำคัญเป็นที่สุด เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สำคัญยิ่งกว่าสัตว์เลี้ยงตัวไหนๆ แน่นอน…
ต้องภักดี! ขอเพียงนางภักดีต่อนายท่านก็พอแล้ว!
ไม่ว่าตอนไหน นายท่านล้วนไม่มีทางทอดทิ้งนาง…
ด้วยเหตุนี้ นางจึงเงียบไปอีกครั้ง หลับตานั่งสมาธิอยู่ตรงนั้นเสียเลย
….
ภายในห้องโดยสารอีกห้องหนึ่ง ฟั่นเชียนซื่อกำลังมองโถสีทองเลื่อมใบหนึ่งด้วยสีหน้าลุ่มลึกดุจวารี
ภายในโถมีหนอนสีแดงซีดตัวหนึ่งนอนอยู่ หนอนตัวนั้นเหี่ยวแห้งอย่างยิ่ง ไม่มีสัญญาณชีพเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าตายไปแล้ว
นิ้วมือเขากำแน่น นัยน์ตาพลันวาวโรจน์
อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ทำลายกลกู่แม่ลูกของเขาเท่านั้น ยังฆ่ากู่แม่ตัวนั้นแล้วด้วย!
ทำให้เขาเกือบล้มเหลวในขั้นสุดท้าย
เห็นทีว่าเขาจะต้องใช้แผนที่สองเสียแล้ว…
เขาสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง นั่งตรงนั้นด้วยท่าทางที่แปลกพิกลท่าหนึ่ง แล้ววาดมือเรียงขวดโหลไว้เจ็ดใบ
เขายื่นนิ้วออกไป จรดร่ายอาคมด้วยสามนิ้ว อีกเจ็ดนิ้วที่เหลือมีหยาดโลหิตผุดออกมา เขาดีดมุกโลหิตเหล่านี้ลงบนขวดโหลที่ปิดผนึกเอาไว้อย่างหนาแน่น