คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1190
แด๊กซ์คัดค้านขึ้นมาทันที “นิกายเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนเนรคุณ พวกเขาจะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจถึงแม้ว่าเราจะช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ นายลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเขาปฏิบัติต่อแดร์ริลยังไง? และฉันก็ยังได้ยินมาว่าผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นรองประมุขสำนักประตูสุราลัยที่ชื่อควินซี ลอง ยังเป็นถึงจักรพรรดิยุทธขั้นห้าอีกด้วย”
ในเวลาเดียวกัน เชลลีก็อุ้มลูกชายของเธอและเดินเข้ามาพูดกับเชสเตอร์ว่า “สามี ฉันเห็นด้วยกับ แด็กซ์ พวกเขาไม่สมควรได้รับการช่วยเหลือ”
ตั้งแต่ที่เชลลีแต่งงานกับเชสเตอร์ เธอมักจะคอยสนับสนุนในสิ่งที่เขาทำอย่างเต็มที่
แต่กับเรื่องนี้เชลลีไม่สามารถสนับสนุนความคิดของสามีของเธอได้
เชสเตอร์ถอนหายใจเบา ๆ เขายิ้มและพูดขึ้นว่า “เราจะต้องช่วยพวกเขาเพื่อความปลอดภัยของจักรวาลโลก มันก็จริงที่ควินซีนั้นทรงพลัง แต่ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่ได้อยู่ที่หอคอยดาวปรารถนาในตอนนี้ ดังนั้น มันจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เราจะแอบเข้าไปในหอคอยดาวปรารถนาเพื่อช่วยพวกเขาออกมาได้”
เชสเตอร์มองไปที่นีลและพูดขึ้นว่า “ลูกชาย พ่อของลูกกำลังจะไปทุบตีคนเลว ลูกจะสนับสนุนพ่อไหม?”
“คนเลว! ทุบตีคนเลว!” นีลมีอายุเพียงแค่หนึ่งขวบกว่า ๆ เท่านั้น ถึงแม้ว่าเสียงของเขาจะยังฟังดูไม่ชัดเจน แต่เขาก็พยายามตอบด้วยรอยยิ้ม เด็กชายชูมือขึ้นและหันไปรอบ ๆ “พ่อลงโทษคนเลว! โตขึ้นผมอยากเป็นเหมือนพ่อ!”
“ฮ่าฮ่า!” เชสเตอร์หัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาก็หันมองเชลลีและพูดขึ้นว่า “ดูสิ แม้แต่ลูกชายของเราก็ยังสนับสนุนผมเลย!”
เชลลีทำหน้าบึ้งและพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ถ้าอย่างนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว คุณตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”
แด๊กซ์เองก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน จากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์ชูขึ้นและหันไปพูดกับเชสเตอร์ว่า “ถ้านายยืนยันว่านายต้องการจะช่วยพวกงี่เง่านั่น ฉันก็จะไปกับนายเอง! มาดื่มเพื่อฉลองเพื่อต้อนรับความสำเร็จกันเถอะ!”
เชสเตอร์หัวเราะเบา ๆ ขณะยกแก้วขึ้นมาชนกับแก้วของแด๊กซ์ก่อนจะกระดกไวน์จนหมด
ชีวิตนี้ช่างคุ้มค่าที่มีพี่ชายอย่างเขา!
หลังจากดื่มไวน์ไปหลายแก้ว แด๊กซ์และเชสเตอร์ ก็ได้สั่งให้สาวกของนิกายตำหนักอมตะและสำนักภูเขาบุปผามุ่งหน้าไปยังหอคอยดาวปรารถนาเพื่อช่วยเหลือนิกายเหล่านั้นทันที!
เป็นเวลาเที่ยงคืน!
หอคอยดาวปรารถนาถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ในขณะที่บริเวณโดยรอบของหอคอยดาวปรารถนาได้รับการคุ้มกันยังหนาแน่น
ก่อนหน้านี้ ควินซีนำกองทัพทหารของทวีปโลกใต้เมฆีบุกไปยังหกสำนักหลักและจับพวกเขามาขังเอาไว้ในหอคอยดาวปรารถนา
ถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่เธอก็ได้มอบหมายให้กองทัพทหารของทวีปโลกใต้เมฆีสองถึงสามแสนนายคอยคุ้มกันหอคอยดาวปรารถนาอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เชลยหลบหนี
“นั่นอะไร?” ในเวลานั้น ทหารคนหนึ่งตะโกนขึ้น ขณะที่สายตาของเขาเหลือบมองไปยังเนินเขาด้านล่างของหอคอยดาวปรารถนา
กองทัพทหารของทวีปโลกใต้เมฆีตกตะลึง!
พวกเขาเห็นผู้คนหลายหมื่นคนกำลังเคลื่อนทัพ และมุ่งหน้ามายังหอคอยดาวปรารถนา! มีธงขนาดใหญ่สองธงโบกสะบัดอยู่ตรงหน้าคนเหล่านั้น พวกเขาสามารถมองเห็นคำที่ถูกเขียนเอาไว้ภายใต้แสงจันทร์ได้อย่างชัดเจนว่า ‘นิกายตำหนักอมตะ สำนักภูเขาบุปผา’
โดยมีแด๊กซ์และเชสเตอร์เดินนำผู้คนเหล่านั้นมา!
“สาวกของนิกายตำหนักอมตะและสาวกของภูเขาบุปผาสวรรค์จงฟัง! ฆ่ากองทัพทหารให้สิ้นซากและช่วยเหลือทุกนิกายออกมาให้หมด!” แด๊กซ์คำรามขณะที่เขาถือขวานเอาไว้ในมือทั้งสองข้าง
จากนั้นสาวกของนิกายตำหนักอมตะและสาวกภูเขาบุปผาสวรรค์ก็พุ่งไปข้างหน้าทันที!
“ย๊าก…”
กองทัพทหารของทวีปโลกใต้เมฆีถูกขวานของแด๊กซ์โจมตีอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาพวกเขาก็กรีดร้องออกมาก่อนจะล้มลงไปบนพื้นและนอนจมกองเลือดของตัวเองทันที
…
ในขณะเดียวกัน ภายในค่ายทหารของทวีปโลกใหม่
แอมโบรสถูกส่งไปยังค่ายทหารเพื่อทำงานหนัก
งานหลักของคนงานในค่ายทหารคือการขนไม้เพื่อนำไปเผาถ่าน พวกเขาจำเป็นต้องเผาถ่านเพื่อเอาไว้ใช้เพิ่มความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว
แอมโบรสเพิ่งจะขนไม้เสร็จ ร่างกายของเขาทั้งสกปรกและเลอะเทอะ ถึงแม้ว่าจะมีคนงานในค่ายทหารมากมายหลายร้อยคนที่ทำงานหนักเหมือนเขา แต่แอมโบรสก็มีอายุน้อยที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้นแอมโบรสก็ยังต้องทำงานหนักเหมือนกับทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น
ในเวลานั้น คนงานหลายร้อยคนเพิ่งจะขนย้ายไม้และถ่านเสร็จ จากนั้นพวกเขาก็นั่งลงบนพื้นและหายใจหอบเหนื่อย และหนึ่งในนั้นก็คือแอมโบรส เขาเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็ก ๆ เขาจึงไม่สามารถรับมือกับงานหนักเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงได้รับบาดแผลในขณะที่เขาขนย้ายไม้ตลอดเวลา
ในเวลานั้น ใบหน้าของแอมโบรสเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ได้เวลาอาหาร! มารับอาหาร!” เมื่อทหารของโลกใหม่ตะโกนขึ้น กลุ่มคนงานจึงรีบเข้าไปรายล้อมพวกเขาทันที
ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดภายในค่ายทหารคือช่วงเวลาอาหารทั้งสามมื้อ
“เข้าแถวให้เป็นระเบียบเดี๋ยวนี้!” ทหารโลกใหม่ตะคอกใส่พวกเขา ด้านหน้าของทหารมีกระสอบบรรจุซาลาเปาเอาไว้หลายกระสอบ
คนงานในค่ายทหารจะได้รับซาลาเปาสองลูกในทุก ๆ มื้อโดยไม่มีอาหารอย่างอื่น
ทหารพูดขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธว่า “ฉันจะพูดอีกครั้ง! เข้าแถวให้เป็นระเบียบถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่แจกอาหาร!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาจึงเริ่มต่อแถวเพื่อเข้าคิวรับซาลาเปาอย่างเป็นระเบียบ
แอมโบรสอยู่คิวสุดท้าย จนในที่สุดก็ถึงคิวของเขา เมื่อเขารับซาลาเปามาแล้วเขาก็เดินไปที่มุม ๆ หนึ่งของค่ายทหาร จากนั้นเขาก็นั่งลงและกลืนน้ำลายขณะที่เขาเหลือบมองดูซาลาเปาสองลูกในมือ
แอมโบรสยังตัวเล็กมาก เขาต้องขนย้ายไม้และถ่านทั้งวันจนเขาหิวมาก ถึงแม้ว่าซาลาเปาจะไม่อร่อย แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้เขาอิ่มท้องได้
แต่ก่อนที่แอมโบรสจะได้เพลิดเพลินไปกับซาลาเปาของเขา เสียงฝีเท้าก็ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาจากด้านหลัง จากนั้นใครบางคนก็กระชากซาลาเปาในมือเขาไป
“แอมโบรส ดาร์บี้ใช่ไหม? ฉันคิดว่านายคงไม่อยากกินซาลาเปาสองลูกนี้หรอก ฉันจะช่วยนายกินเอง!”
เมื่อแอมโบรสหันมา เขาก็ได้เห็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณ 18 ปี เขามีผิวคล้ำและดูค่อนข้างแข็งแรง วัยรุ่นคนนี้ซึ่งเป็นคนงานในค่ายทหารได้แย่งซาลาเปาของเขาไป