คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1191
ซาลาเปาของแอมโบรสถูกวัยรุ่นที่มีชื่อว่า ดีน ลินช์ฉกไป เขาเป็นคนที่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า
คนงานในค่ายทหารจะได้รับซาลาเปาคนละสองลูกในแต่ละมื้อเท่านั้น ซาลาเปาสองลูกจึงไม่พอสำหรับวัยรุ่นที่กำลังเติบโตอย่างดีน ดังนั้นเขาจึงแย่งซาลาเปาของแอมโบรสไป
แอมโบรสตะโกนใส่ดีนด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง “คืนซาลาเปามาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ซาลาเปานั่น เป็นของฉัน…”
แอมโบรสถูกผลักลงไปบนพื้น จากนั้นดีนก็เดินเข้าไปหาเขา
“นายบอกว่าซาลาเปาเป็นของนายงั้นเหรอ?” ดีนเย้ยหยันและดูถูกแอมโบรส “แต่ซาลาเปาสองลูกนี้มันอยู่ในมือของฉัน ดังนั้นมันก็ต้องเป็นของฉัน!”
แอมโบรสโกรธมากจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาพยายามที่จะยื้อแย่งซาลาเปาคืนมาแต่เขายังเด็กเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะรู้วิชาของผู้บ่มเพาะ แต่เขาก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะเอาชนะดีนได้อยู่ดี
“ดีน ลินช์! คืนซาลาเปาให้เด็ก!”
ทันใดนั้นเสียงของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น เขามีคิ้วที่หนา ดวงตากลมโต เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มเสื้อขาวที่ดูชอบธรรม เขามีอายุ 8 ถึง 9 ปี ในขณะที่ข้างกายของเขามีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เดินตามมา เด็กหญิงมีอายุประมาณ 3 ถึง 4 ปี
พวกเขาเป็นพี่น้องกัน และทั้งสองคนก็เป็นคนงานในค่ายทหารเหมือนกัน
ทั้งสองพี่น้องเป็นผู้ที่มีความยุติธรรมสูง ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นแอมโบรสถูกรังแก พวกเขาจึงรีบเข้ามาช่วยทันที
สเวนเดินเข้ามาและจ้องหน้าดีนก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ดีน นายช่างไร้ยางอายจริง ๆ ที่แย่งซาลาเปาของเด็กตัวเล็ก ๆ ไป”
“ฉัน…” ใบหน้าของดีนแดงก่ำ เขารู้สึกลำบากใจและพูดไม่ออก ถึงแม้ว่าสเวนจะมีอายุน้อยกว่าเขา แต่สเวนก็มีพลังมากกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงกลัวสเวน!
เมื่อดีนรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะสเวนได้ เขาจึงหันหลังและวิ่งหนีไปทันที
สเวนมองดูดีนวิ่งหนีไปอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็รีบหันมาหาแอมโบรสและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันชื่อสเวน ดันน์ และนี่คือน้องสาวของฉัน ไทร่า ดันน์ ต่อไปนี้เราจะปกป้องนายเอง จะไม่มีใครกล้ารังแกนายอีก!”
จากนั้นไทร่าก็เดินเข้ามาใกล้แอมโบรสและเพ่งมองเขาด้วยดวงตาที่สดใส เธอยื่นซาลาเปาให้แอมโบรสและพูดว่า “เอาของฉันไปกินสิ”
“ขอบคุณครับ!” แอมโบรสรับซาลาเปามาด้วยความรู้สึกประทับใจ “สเวน ไทร่า ขอบคุณจริง ๆ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่แอมโบรสรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคนแปลกหน้าหลังจากที่เขาได้ผ่านอะไรมามากมาย
หลายวันต่อมา แอมโบรสและสองพี่น้องดันน์ได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเขาทำงานหนักด้วยกันในตอนกลางวันและนอนกอดกันในตอนกลางคืน
ตราบเท่าที่มีสเวนอยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่มีใครกล้ารังแกแอมโบรสอีก
อีเวตต์ได้มาเฝ้าดูแอมโบรสอยู่หลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเมื่อได้เห็นเขาทำงานหนักและเหนื่อยล้าเพียงใด
แอมโบรสประพฤติตัวดีทุกครั้งที่อีเวตต์มาหาเพราะเขาไม่ต้องการให้เธอเป็นห่วงเขา
ตกกลางคืน
แอมโบรสทำงานหนักมาทั้งวัน เขาจึงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและนอนหลับสนิทอยู่บนหญ้าฟาง
สเวนปลุกแอมโบรสอย่างระมัดระวังและกระซิบเบา ๆ ว่า “แอมโบรส…แอมโบรส นายอยากออกไปจากที่นี่ไหม?”
สเวนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเมื่อเขาพูดเช่นนั้น
‘ออกไปจากที่นี่งั้นเหรอ?’ แอมโบรสงุนงง เขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมา แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาก็พยักหน้าทันที “อยากสิ!”
ถึงแม้ว่าแอมโบรสจะอยู่ในค่ายทหารเพียงแค่สิบกว่าวัน แต่เขารู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ที่นั่นมานานแสนนาน ดังนั้นเขาจึงเฝ้านับวันที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่
“ตกลง!” สเวนพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “เราได้ตัดสินใจแล้วว่าเราจะหนีออกจากค่ายทหาร! เรายินดีถ้าหากว่านายอยากตามพวกเราไปด้วย เราจะหนีออกไประหว่างช่วงเวลาเปลี่ยนเวรยาม แต่ช่วงเวลาเปลี่ยนเวรยามนั้นสั้นมาก ดังนั้นเราจะต้องรีบวิ่งให้เร็วที่สุด”
แอมโบรสรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก ‘ในที่สุดฉันก็จะได้ออกไปจากที่นี่!’
จากนั้นสองพี่น้องดันน์ก็พาแอมโบรสหนีออกไปอย่างเงียบ ๆ ในความมืดมิด
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว และอีกสิบนาทีจะถึงเวลาเปลี่ยนเวรยาม เมื่อถึงเวลา พวกเขาทั้งสามคนจึงพยายามหลีกเลี่ยงทหารกองทัพโลกใหม่และรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พวกเขาหนีออกมาจากค่ายทหารแล้ว พวกเขาก็เดินต่อไปอีกไกลพอสมควรก่อนจะหยุดเดินและถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่า! ในที่สุดเราก็ออกมาจากที่นั่นได้แล้ว!”