คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1192

ในที่สุดพวกเขาก็หนีออกมาจากค่ายทหารได้สำเร็จ แอมโบรสและสองพี่น้องดันน์ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นจนน้ำตาแทบไหล

“พี่สเวน!” จากนั้นแอมโบรสก็ถามออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ในเมื่อตอนนี้พวกเราออกมาจากที่นั่นได้แล้ว พี่กับพี่ไทร่าวางแผนจะไปที่ไหนกันต่อเหรอ?”

“ฉันวางแผนที่จะเดินทางไปหาท่านอาจารย์ของฉัน!” สเวนมองหน้าแอมโบรสและพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า “นายเคยได้ยินชื่อสำนักประกายแสงหรือไม่? ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยถูกทำลายล้าง แต่มีข่าวลือว่า พวกเขาต้องการก่อตั้งสำนักประกายแสงขึ้นมาใหม่ที่บนภูเขาพิสุทธิ์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่กี่สิบกิโลเมตร”

ในขณะที่พูดเช่นนั้น สเวนก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ได้

“ฉันได้ยินมาว่ารองเจ้าสำนักมัตเตโอ แฮนสันกำลังเปิดรับสาวกกลุ่มสุดท้ายของเขา ดังนั้นฉันจึงอยากลองดู!” สเวนกล่าวด้วยความมุ่งมั่น

รองเจ้าสำนัก มัตเตโอ แฮนสัน เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งในโลกยุทธภพ! ถ้าหากพวกเขาได้เป็นสาวกของสำนักประกายแสง พวกเขาจะต้องมีอนาคตที่รุ่งโรจน์อย่างแน่นอน!

จากนั้นไทร่าก็จับมือแอมโบรสและพูดกับเขาอย่างมีความหวังว่า “แอมโบรส ทำไมนายไม่ไปกับเราล่ะ? ถ้าหากว่าพวกเราได้เป็นสาวกของสำนักประกายแสง พวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกันทุกวัน!”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาร่วมกันเพียงแค่สิบกว่าวันเท่านั้น แต่ไทร่าก็ปฏิบัติต่อแอมโบรสราวกับว่าเขาเป็นน้องชายของเธอ

สเวนมองดูปฏิกิริยาของแอมโบรสอยู่เงียบ ๆ เพื่อรอคำตอบจากเขา

“ผม…” แอมโบรสรู้สึกลังเลเล็กน้อย เขาต้องการออกไปตามหาโมนิก้า แต่ถึงอย่างนั้น มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าหากว่าเขาจะต้องออกไปเผชิญกับอันตรายในดินแดนอันแสนกว้างใหญ่เพียงลำพัง

แอมโบรสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้า “ตกลง ผมจะไปกับพวกพี่ทั้งสองคน!”

แอมโบรสตัดสินใจแล้ว เขาอยากแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ และเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขาก็จะสามารถตามหาแม่ของเขาและปกป้องแม่ของเขาได้

“เยี่ยมมาก!” สองพี่น้องดันน์ตบมือด้วยความดีใจ จากนั้นทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาพิสุทธิ์อย่างรวดเร็ว

พวกเขาเดินทางมาทั้งวันและในที่สุดพวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงยังหน้าผาสูงชัน

ที่บนภูเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยเมฆหมอกราวกับว่าพวกเขาอยู่บนสรวงสวรรค์

พวกเขาเดินไปตามถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยวเพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปที่ด้านบนของภูเขา

ที่บนภูเขามีแผ่นหินที่ถูกแกะสลักขึ้นอยู่ที่ข้างถนน มันถูกเขียนเอาไว้ด้วยตัวหนังสือสีแดงว่า ‘ภูเขาพิสุทธิ์’

“พวกเรามาถึงแล้ว!” เมื่อพวกเขามองไปเห็นป้ายหิน พวกเขาก็รีบเดินเข้าไปใกล้ด้วยความตื่นเต้นทันที

สองชั่วโมงต่อมา! ภายในห้องโถงอาภาอลังการ

มัตเตโอและลอร่านั่งอยู่บนบัลลังก์ข้าง ๆ กัน

แอมโบรสและพี่น้องดันน์คุกเข่าอย่างเงียบ ๆ อยู่ ตรงหน้าของพวกเขาด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะไม่กล้าหายใจแรง

“พวกเธอทั้งสามคนแน่ใจแล้วหรือว่า พวกเธอต้องการเข้าร่วมสำนักประกายแสงของฉัน?” มัตเตโอชำเลืองมองทั้งสามคนพร้อมถามออกมาอย่างเรียบเฉย เขาต้องการรับสาวกเพื่อส่งต่อวิชาให้กับสาวกของเขา

สเวนพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวและตอบด้วยความเคารพว่า “ ใช่ครับ พวกเราทั้งสามคนต้องการเป็นสาวกของสำนักประกายแสง! ได้โปรดยอมรับพวกเราทั้งสามคนด้วยครับท่านรองสำนัก!”

“อืม” มัตเตโอพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะรับพวกเธอเป็นสาวกกลุ่มสุดท้ายของฉัน! ฉันหวังว่าพวกเธอจะตั้งใจฝึกฝนและไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”

สายตาของมัตเตโอจับจ้องไปที่แอมโบรสด้วยความพึงพอใจเมื่อเขาพูดเช่นนั้น

มัตเตโอเพ่งมองพวกเขาทั้งสามคนและสัมผัสได้ว่า พวกเขาทั้งสามคนมีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ!

อันที่จริง มัตเตโอเคยพบกับแอมโบรสเมื่อราว ๆ ครึ่งปีก่อน ในตอนที่เขาพาจัสติน ควินน์ ลูกศิษย์ของเขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใกล้ ๆ กับเมืองหลวงของโลกใหม่ ในตอนนั้นเขาได้พบกับเจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดและโมนิก้าที่กำลังพาแอมโบรสไปเดินเที่ยว ในตอนนั้นพวกเขามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันและมัตเตโอก็ยังได้โจมตีโมนิก้าจนเกือบจะทำให้โมนิก้าและแอมโบรสเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นแอมโบรสยังเด็กมาก ดังนั้นมัตเตโอจึงจำเขาไม่ได้

แอมโบรสเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ดังนั้นเขาเองก็จำไม่ได้ว่าอาจารย์ของเขาที่อยู่ตรงหน้าเกือบจะฆ่าเขาไปแล้ว

“ขอบคุณครับท่านอาจารย์!”

สเวนและแอมโบรสมองหน้ากันพร้อมกล่าวขอบคุณมัตเตโอด้วยความยินดี