เรือสองลำจอดเทียบท่า หลิวเทาอุ้มหลิวอวี้เอ๋อร์เดินสาวเท้าลงจากเรือ บ่าวรับใช้ที่ตัวเปียกชุ่มเดินตามหลัง ส่วนสาวใช้ที่ถูกฉีกเสื้อผ้าจนขาดวิ่นก็ยกมือขึ้นบังหน้าอกตัวเองไว้ สาวใช้ที่เหลืออยู่ล้อมรอบนางช่วยบังนางไว้ พวกนางทั้งหมดเดินลงจากเรือไปเช่นกัน  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์พอมีเรี่ยวแรงขึ้นบ้าง  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งเดินขึ้นไปประคองนาง “น้องเล็ก เดินไหวไหม” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ยิ้มปลอบใจ “พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” 

 

 

“เรากลับจวนกันเถอะ” ฉู่เหยาพูด  

 

 

ทุกคนพยักหน้า  

 

 

คนเรือที่อยู่ห้องชั้นล่างได้ยินเสียงพวกเขา ครั้นจะปริปากพูด นึกถึงสถานะของพวกเขาแล้วก็กลืนคำพูดลงไปอีกครั้ง เขาถอนหายใจอย่างไร้ความหวัง ช่างเถอะ อย่ามีเรื่องกับคนของจวนอ๋องดีกว่า ดีที่มีเงินสิบตำลึงนั้น เรือลำนี้ชนจนเสียหายยังพอเอาไปซ่อมกลับมาใช้ได้  

 

 

เสียงของหวงฝู่รุ่ยดังขึ้นเหนือศีรษะเขา “ใครเป็นผู้ดูแล เดี๋ยวไปรับเงินที่จวนอ๋องได้เลย” 

 

 

คนกำกับหัวเรือได้ยินชัดเจนแล้วก็ดีใจมาก พูดขอบคุณไม่หยุดปาก  

 

 

“ไม่ต้องหรอก เราทำให้เรือเจ้าเสียหาย ก็ต้องชดใช้ให้เจ้าอยู่แล้ว” เสียงของหวงฝู่รุ่ยไม่ได้ดังมาก แต่ทุกคนได้ยินกันหมด  

 

 

คนเรือที่อยู่บนเรืออีกลำได้ยินคำพูดของเขา หันกลับมามองเรือที่ถูกชนจนเสียหายของตนเอง เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ 

 

 

หลังจากลงจากเรือ บ่าวรับใช้ที่นั่งพักอยู่ในที่ร่มก็รีบนำรถม้ามา หวงฝู่สือเมิ่ง หวงฝู่เย่าเย่ว์และหวงฝู่รุ่ยขึ้นรถม้าไป ส่วนหวงฝู่เทาและฉู่เหยาขี่ม้ากลับจวนไป  

 

 

ทุกคนเดินตรงไปที่เรือนของเมิ่งเชี่ยนโยว  

 

 

ออกไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็กลับมาแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเขา ในใจพลันกังวล เดินออกไปรับ เมื่อเดินถึงประตู ก็ได้ยินเสียงตกใจของชิงหลวนร้องขึ้นว่า “ท่านหญิงน้อย เป็นอะไรไปเจ้าคะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านออกทันที เห็นใบหน้าซีดเผือดและลำตัวที่เปียกโชกของหวงฝู่เย่าเย่ว์ ก็รู้ทันทีว่านางตกน้ำมา รีบถามอย่างร้อนรนว่า “สำลักน้ำหรอไม่” 

 

 

“น้องสำลักน้ำไปเยอะเลยเจ้าค่ะ โชคดีที่แม่สอนวิธีช่วยไว้” หวงฝู่สือเมิ่งตอบด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว  

 

 

“ประคองนางขึ้นไปนอนบนเตียง!” 

 

 

ทุกคนพยุงนางไป หวงฝู่เย่าเย่ว์นอนลงบนเตียงอย่างว่าง่าย ยิ้มพูดว่า “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอะไร ท่านอย่ากังวลเลย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดอะไร นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง จับมือนางขึ้นมาแล้วแตะนิ้วลงไปบนชีพจรของนาง  

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ลุกขึ้นยืน เดินไปที่โต๊ะตัวเล็กที่อยู่ข้างตั่ง หยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนรายการยาลงไป จากนั้นก็เรียกชิงหลวนเข้ามา “เจ้ารีบไปซื้อยาตามรายการนี้มา” 

 

 

ชิงหลวนขานรับ ถือรายการยานั้นไว้แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งนิ่งบนตั่ง กวาดตามองพวกเขา ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ดังไม่เบาว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งเม้มปาก เล่าเรื่องตั้งแต่แรกให้นางฟัง  

 

 

สีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวคร่ำเครียดเล็กน้อย นางลุกขึ้นแล้วเปิด**บออก หยิบเสื้อตัวหนึ่งของหวงฝู่อี้เซวียนยื่นให้ฉู่เหยา “เหยาเอ๋อร์ เจ้าไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องรุ่ยเอ๋อร์เสีย เฮ่าเอ๋อร์ เจ้าก็กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เย่ว์เอ๋อร์ไม่เป็นอะไร ให้นางพักผ่อนแล้วจะดีขึ้นเองนะ” 

 

 

ทั้งสามขานรับแล้วเดินออกไป  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งมองสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว เรียกด้วยความระมัดระวัง “ท่านแม่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือมาลูบศีรษะนาง ถามเสียงอ่อนโยนว่า “ตกใจแย่เลยสินะ” 

 

 

ดวงตาหวงฝู่สือเมิ่งแดงก่ำขึ้นมาทันที โผเข้าไปในอกของเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วกอดนางไว้แน่น ลำตัวน้อยๆ ของนางสั่นเทาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่  

 

 

ดวงตาหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็แดงก่ำ วินาทีที่นางตกลงไปในน้ำ นางรู้สึกหวาดกลัวมากจริงๆ  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอื้อมมือไปกอดหวงฝู่สือเมิ่งไว้แน่น ลูบศีรษะนางแล้วปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยน “วันนี้เจ้าทำได้ดีมากเลย เจออุบัติเหตุแล้วไม่ตื่นตระหนกตกใจ เย่ว์เอ๋อร์ไม่เป็นอะไร ทานยาสักหน่อยก็ดีแล้วล่ะ” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งมุดศีรษะลงไปในอกของนาง พยักหน้าเบาๆ น้ำตารินไหลจนหยดลงไปบนเสื้อผ้าของเมิ่งเชี่ยนโยว และแผดเผาใจของนาง  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็พูดสะอึกสะอื้นขึ้นว่า “ท่านแม่” แล้วยื่นมือไปหานาง  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งเช็ดน้ำตา ผละออกจากนาง “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านไปดูน้องเถอะ วันนี้นางตกใจแย่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโอบนางเดินมาข้างเตียง ยิ้มพลางลูบศีรษะนางเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน “เย่ว์เอ๋อร์ของเรากล้าหาญที่สุดเลย ใช่ไหมล่ะ” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้า ตอบ “อืม” เบาๆ  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ช่วยนางเช็ดน้ำตา แล้วพูดเสียงอ่อนโยนกับหวงฝู่สือเมิ่งว่า “เมิ่งเอ๋อร์ ไปเอาเสื้อผ้าให้เย่ว์เอ่อร์หน่อย เราช่วยเปลี่ยนเสื้อให้นางกันเถอะ” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งขานรับ หันหลังเดินออกไป ม่านยังไม่ทันถูกเปิด เสียงของเจียงจิ่นก็ดังขึ้นจากในลานบ้าน “พี่สะใภ้ใหญ่ เย่ว์เอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ” 

 

 

พูดจบ ก็เดินถึงประตูพอดี  

 

 

“ท่านอาสะใภ้” หวงฝู่สือเมิ่งเปิดม่านขึ้น แล้วขานเรียก  

 

 

เจียงจิ่นคว้ามือนางไว้ กวาดตามองนางรอบหนึ่งแล้วถามอย่างห่วงใยว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” 

 

 

“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” หวงฝู่สือเมิ่งตอบ “เย่ว์เอ๋อร์ตกน้ำเจ้าค่ะ” 

 

 

“เจ้าคนสารเลวจวนอู่โหว ไม่รู้ว่าสั่งสอนลูกหลานอย่างไรกัน อายุน้อยขนาดนี้ก็เลวทรามถึงเพียงนี้แล้ว” เจียงจิ่นผู้ซึ่งแต่งเข้าจวนอ๋องมาสิบกว่าปีและไม่เคยด่าใครสักครั้ง บัดนี้กำลังก่นด่าด้วยความโมโห  

 

 

“ท่านอาสะใภ้เข้าไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอาเสื้อให้เย่ว์เอ๋อร์เปลี่ยน” 

 

 

“รีบไปเถอะ เดี๋ยวเย่ว์เอ๋อร์จะไม่สบายเอา” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งไปห้องของตนเอง  

 

 

เจียงจิ่นเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำ และความไร้เรี่ยวแรงของหวงฝู่เย่าเย่ว์ ดวงตานางก็แดงขึ้นมาทันที นางโค้งตัวลง ลูบศีรษะและปลอบนาง “เย่ว์เอ๋อร์ไม่กลัวนะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” 

 

 

“ท่านอาสะใภ้” หวงฝู่เย่าเย่ว์ขานเรียก  

 

 

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พักผ่อนเถอะนะ” น้ำเสียงเจียงจิ่นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย  

 

 

เจียงจิ่นไปห้องครัวเล็ก รินน้ำอุ่นมา หลังจากช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวประคองหวงฝู่เย่าเย่ว์ขึ้นมาแล้ว ก็ถอดเสื้อของนางออก เช็ดตัวให้นางจนแห้งและสะอาดแล้วก็ใส่เสื้อที่หวงฝู่สือเมิ่งเอามาให้ แล้วประคองนางลงนอนอีกครั้ง พูดขึ้นว่า “หลับตานอนสักตื่นเถอะ ตื่นขึ้นมาก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” 

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์หลับตาลงอย่างว่าง่าย  

 

 

เจียงจิ่นยกกระโถนน้ำขึ้นมา สาดน้ำออกไปข้างนอก เมื่อเห็นชิงหลวนซื้อยากลับมา ก็รับไว้แล้วไปตุ๋นยาที่ห้องครัวเล็ก  

 

 

ในห้อง  

 

 

“เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด  

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งส่ายหน้า “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ข้าเฝ้าเย่ว์เอ๋อร์ได้เจ้าค่ะ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าความกลัวในใจของนางยังไม่หายไป จึงหันหลังกลับแล้วยกโต๊ะบนตั่งลงมา โบกมือเรียกหวงฝู่สือเมิ่ง “มานี่สิ แม่เฝ้าพวกเจ้าเอง” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งเดินไปหา ถอดรองเท้า แล้วนอนลงบนตั่ง ดวงตาจ้องมองเมิ่งเชี่ยนโยวไม่กะพริบ  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงช้างๆ นาง ตบตัวนางเบาๆ “หลับตานอนสักหน่อยเถอะนะ แม่จะอยู่นี่เอง” 

 

 

หวงฝู่สือเมิ่งจึงหลับตาลง  

 

 

หลังจากเจียงจิ่นตุ๋นยาเสร็จและปล่อยให้ยาเย็นลงแล้ว ก็ยกเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ต่อหน้า ดวงตาก็แดงก่ำ จนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา ลูกน้อยสองคนนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างดีตั้งแต่เล็ก เคยเจอเหตุการณ์น่าตกใจเช่นนี้เสียเมื่อไหร่กัน  

 

 

สีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งเรียบ ส่งสัญญาณให้เจียงจิ่นวางยาบนโต๊ะ  

 

 

เสียงของพ่อบ้านดังขึ้นจากข้างนอก “ชิงหลวน ซื่อจื่อเฟยอยู่ไหม” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินออกไป หยุดยืนหน้าประตูแล้วถามเสียงเบาว่า “มีธุระอะไรหรือ” 

 

 

พ่อบ้านตอบอย่างนอบน้อม “มีคนเรือคนหนึ่งมาขอเงินขอรับ บอกว่าวันนี้พวกท่านหญิงน้อยออกไปล่องทะเลสาบ เรือชนจนเสียหาย คุณชายสัญญาไว้ว่าจะชดใช้ขอรับ” 

 

 

“จะเอาเท่าไหร่ก็ให้ไปเท่านั้น” 

 

 

พ่อบ้านขานรับ หันหลังเดินออกไป” 

 

 

ฉู่เหยาและหวงฝู่เฮ่าอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาหา เมิ่งเชี่ยนโยวยกนิ้วชี้ขึ้นมา จุ๊ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขาเบาเสียง “เมิ่งเอ๋อร์และเย่ว์เอ๋อร์หลับไปแล้ว พวกเจ้าก็ไปพักเถอะ รออาหารเที่ยงเสร็จแล้ว ข้าจะส่งคนไปเรียกพวกเจ้า” 

 

 

ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา ขานรับเบาๆ แล้วถอยกลับออกไป  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้องตัวเองไป  

 

 

เจียงจิ่นเฝ้าอยู่ข้างๆ หวงฝู่เย่าเย่ว์ สีหน้าเจ็บปวดใจ  

 

 

อ่องฉีและพระชายาฉีไปเข้าเฝ้าเหล่าไทเฮา เหล่าไทเฮาให้พวกเขาอยู่เสวยพระกระยาหาร เมื่อคิดได้ว่าเด็กๆ ที่ออกไปเที่ยวเล่นไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ อีกอย่างไม่ได้เสวยพระกระยาหารกับเหล่าไทเฮานานแล้ว จึงไม่ได้ปฏิเสธ และตอบตกลง พวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในจวน  

 

 

หลังจากที่เสวยพระกระยาหารและสนทนากับนางครู่หนึ่งแล้ว ก็เห็นสีหน้าเหนื่อยเพลียของนาง พวกเขาจึงลุกขึ้นกล่าวลา และกลับจวนอ๋องไป  

 

 

เมื่อลงจากรถม้า อ๋องฉีก็ถามนายประตูว่า “เมิ่งเอ๋อร์พวกนางกลับมาหรือยัง” 

 

 

“ท่านหญิงน้อยกลับมาตั้งแต่ท่านออกไปไม่นานขอรับ เหมือนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วยขอรับ” นายประตูตอบอย่างนอบน้อม  

 

 

ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง แล้วรีบเดินเข้าไปในจวนทันที เมื่อเดินมาถึงเรือนของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็เห็นชิงหลวนเดินวนไปมาอยู่หน้าประตู  

 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” อ๋องฉีถาม 

 

 

ชิงหลวนร้อนรนจนลืมคารวะ ตอบว่า “ท่านหญิงเย่ว์เอ๋อร์เป็นไข้เจ้าค่ะ” 

 

 

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” พระชายาฉีรีบถามขึ้น แล้วก็เดินถึงหน้าประตูพอดี  

 

 

“แม้เมิ่งเอ๋อร์และเย่ว์เอ๋อร์จะคลอดก่อนกำหนด แต่เราก็เลี้ยงดูอย่างดีมาแต่เล็ก พวกนางจึงไม่ค่อยล้มป่วย เหตุใดครั้งนี้แค่ออกไปล่องทะเลสาบหน่อยเดียว กลับมาก็ป่วยเสียแล้ว” 

 

 

ชิงหลวนในจร้อนจนกระทืบเท้าทีหนึ่ง พูดว่า “ก็จวนอู่โหวน่ะ…” 

 

 

“ชิงหลวน…” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงของนางพูดขัดขึ้น  

 

 

ชิงหลวนไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ก็ร้อนใจจนกระทืบเท้าไปอีกสองสามที  

 

 

พระชายาฉีเดินเข้าไปในห้องด้วยความกังวล  

 

 

อ๋องฉีกลับได้ยินสิ่งผิดปกติ หรี่ตาลงแล้วเดินตามเข้าไปในห้อง  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเจียงจิ่นอยู่ข้างเตียง หวงฝู่สือเมิ่ง ฉู่เหยา หวงฝู่เฮ่า และหวงฝู่รุ่ยยืนอยู่อีกด้านด้วยความเป็นห่วง  

 

 

บนเตียง หวงฝู่เย่าเย่ว์หลับตาแน่น ใบหน้าแดงก่ำ ห่มผ้าห่มสองชั้น เนื้อตัวสั่นระริกไปทั้งตัว  

 

 

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่” เมิ่งเชี่ยนโยวและเจียงจิ่นขานเรียก  

 

 

ลูกๆ ก็ขานเรียกตาม  

 

 

พระชายาฉีและอ๋องฉีเดินไปข้างเตียงราวกับไม่ได้ยินคำขานเรียก เมื่อเห็นสภาพของหวงฝู่เย่าเย่ว์ พระชายาฉีก็แทบจะร้องไห้ นางยื่นมือออกไป ลูบหน้าผากของหวงฝู่เย่าเย่ว์ ถามอย่างร้อนรนว่า “ทำไมร้อนอย่างนี้ ทานยาหรือยัง” 

 

 

“ทานแล้วเจ้าค่ะ รอเหงื่อออกก็ดีขึ้นแล้ว เสด็จพ่อ เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” 

 

 

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ออกไปล่องทะเลสาบอยู่ดีๆ ทำไมกลับมาตัวร้อนได้ล่ะ” พระชายาฉีถาม  

 

 

ในห้องไม่มีใครพูด  

 

 

“เฮ่าเอ๋อร์ ว่ามา” อ๋องฉีปริปาก น้ำเสียงปะปนด้วยความโมโห  

 

 

หวงฝู่เฮ่ามองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว ไม่กล้าพูดอะไร  

 

 

“ในจวนอ๋องข้าก็ยังเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี ทำไมรึ คำพูดของข้าไม่มีอำนาจแล้วหรือ” อ๋องฉีพูดด้วยน้ำเสียงโมโหกว่าเดิม จนทำให้ฉู่เหยาสั่นสะท้านด้วยความเกรงกลัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ยเลย  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เสด็จพ่อ เรื่องนี้พูดไม่จบง่ายๆ รอเย่ว์เอ่อร์ไข้ลดแล้ว ข้าค่อยเล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียดเลยได้ไหมเจ้าคะ” 

 

 

อ๋องฉีเก็บความโกรธ นั่งลงบนเก้าอี้ด้านหนึ่ง 

 

 

พระชายาฉีกลับนั่งลงข้างๆ หวงฝู่เย่าเย่ว์ ยื่นมือไปแตะหน้าผากนางเป็นพักๆ  

 

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ใบหน้าหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ซึมไปด้วยเหงื่อ พระชายาฉีหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาแล้วเช็ดหน้าผากให้นางเบาๆ  

 

 

เหงื่อยิ่งออกยิ่งเยอะ ร่างกายของหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็เริ่มกระสับกระส่ายไปมา พยายามเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่ออกไป  

 

 

พระชายาฉีสงสารจับใจ เช็ดเหงื่อให้นางพลาง ปลอบนางพลาง “เย่ว์เอ๋อร์ เชื่อฟังนะ อย่าเปิดผ้าห่ม เหงื่อออกเยอะแล้วเจ้าก็จะหายแล้วล่ะ” 

 

 

เหมือนว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์จะไม่ได้ยิน นางยิ่งกระสับกระส่ายหนักกว่าเดิม  

 

 

พระชายาฉีสงสารมากจริงๆ จึงยื่นมือไปนำผ้าห่มชั้นหนึ่งออก  

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปริปากจะพูดอะไร แต่คำพูดห้ามปรามเหล่านั้นก็กลืนกลับลงไปอีกครั้ง  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้สึกสบายตัวขึ้น จึงกลับมานิ่งชั่วคราว แต่หน้าผากนางกลับมีเหงื่อออกมากขึ้นกว่าเดิม  

 

 

เจียงจิ่นเดินไปข้างกระโถนล้างหน้า ชุบผ้าเปียกแล้วบิดให้แห้ง จากนั้นก็ยื่นให้พระชายาฉี  

 

 

พระชายาฉีรับมา แล้วเช็ดให้หวงฝู่เย่าเย่ว์เบาๆ  

 

 

หวงฝู่เย่าเย่ว์สัมผัสถึงความเย็นสดชื่น ก็หายใจออกอย่างสบายใจ ความทรมานบนใบหน้าก็ลดลงไปมาก 

 

 

เป็นเช่นนี้ซ้ำอยู่หลายครั้ง สีแดงก่ำบนใบหน้าหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ลดลง ขนตากระตุกเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางมองไปที่ทุกคนด้วยสายตางงงวย ถามขึ้นว่า “นี่ข้าอยู่ที่ไหนกัน”