เนื่องจากฮ่องเต้แคว้นตงเฉินเสด็จมาอย่างกะทันหัน โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า จึงไม่ได้จัดเตรียมกระโจมไว้ ดังนั้นตงหลิงหวงจึงมอบกระโจมของตนให้ฮ่องเต้ใช้งาน
ส่วนนางก็มาตั้งกระโจมชั่วคราวอีกหลังหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระโจมของแม่ทัพใหญ่ การจัดการด้านอื่นๆ ต้องรอพรุ่งนี้ค่อยทำอีกครั้ง เพราะตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากตงหลิงหวงกลับเข้ามายังกระโจมของนาง นางก็นอนพลิกตัวไปมาอย่างไม่อาจข่มตาหลับได้ สุดท้ายนางจึงเรียกอู๋ซวงเข้ามา
“ท่านเฟิงผู้นี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ เจ้าบอกข้ามาอย่างละเอียดอีกครั้ง”
ความจริงอู๋ซวงก็ไม่รู้สิ่งใดมากนัก ข้อมูลทั้งหมดที่นางรู้ นางได้บอกตงหลิงหวงไปก่อนหน้านี้แล้ว
อู๋ซวงทำได้เพียงบอกสิ่งที่ตนเองรู้ให้ตงหลิงหวงฟังอีกครั้งหนึ่งอย่างละเอียด
ตงหลิงหวงครุ่นคิดอยู่นาน ทว่ายังไม่เข้าใจสิ่งใดมากนัก
เดิมทีในสถานการณ์เช่นนี้ ตงหลิงหวงสามารถให้คนของตำหนักจิ่วเทียนตรวจสอบ ทว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาการทำสงครามของทั้งสองแคว้น และมีข้อจำกัดบางประการ ทำให้นางไม่สามารถออกไปจากสนามรบแนวหน้าได้
นางจึงทำได้เพียงสั่งให้อู๋ซวงไปจัดการแทน
“ไปสั่งการให้คนตรวจสอบภูมิหลังของคนผู้นั้นอย่างละเอียด ยิ่งละเอียดมากเท่าใดยิ่งดี”
สิ่งที่ตงหลิงหวงสั่งการมานั้น อู๋ซวงไม่เคยถามให้มากความ นางเพียงตอบรับคำสั่งและปฏิบัติตามเท่านั้น
คืนนั้นตงหลิงหวงนอนไม่หลับ เมื่อตกดึกนางจึงสวมเสื้อผ้าและเดินออกจากค่ายไปฝึกกระบี่จนรุ่งสาง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินเรียกเหล่าแม่ทัพใหญ่ทั้งหมดของกองทัพมาหารือเกี่ยวกับเรื่องทางการทหาร ทั้งยังแจ้งตงหลิงหวงผู้เป็นจอมทัพ และท่านเฟิงตามปกติ
ทันทีที่ทุกคนนั่งลง ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินก็ตรัสถามตงหลิงหวง “หวงเอ๋อร์ ได้ยินว่าเจ้าฝึกกระบี่ในค่ายทหารทั้งคืน”
ค่ายทหารกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น ทั้งยังมีคนคอยสอดแนมเป็นหูเป็นตามากมาย ตงหลิงหวงคาดเดาไว้แล้ว นางไม่อาจปิดบังสิ่งใดจากเสด็จพ่อผู้ชาญฉลาดของตนได้
“สถานการณ์สงครามระหว่างทั้งสองกองทัพตึงเครียดยิ่งนัก ลูกเองเป็นกังวลใจไม่น้อย ดังนั้นจึงเร่งฝึกฝนวิชากระบี่สองสามกระบวนท่าให้ชำนาญมากยิ่งขึ้น”
เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้แคว้นตงเฉินไม่ได้สงสัยในคำพูดของตงหลิงหวง จึงพยักพระพักตร์ด้วยความพอพระทัย “ดี ดีมาก! หวงเอ๋อร์มีความคิดแบบนี้ได้ พ่อก็ยินดีอย่างมาก
ศัตรูกำลังประชิดเข้ามา ไม่ควรประมาท ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนควรร่วมมือกันเร่งทำสงคราม พยายามยุติศึกของทั้งสองฝ่ายให้เสร็จสิ้นภายในเจ็ดวันนี้”
ทันทีที่ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินตรัสจบ แม่ทัพใหญ่ทั้งห้าต่างตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาแข็งทื่อ ทว่ากลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระบัญชาของฝ่าบาทและองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ”
“ถูกต้อง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระบัญชาของฝ่าบาทและองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ”
……
แม่ทัพใหญ่ทั้งห้าต่างตอบพร้อมกัน
เดิมที พวกเขาไม่คิดว่าสงครามระหว่างสองกองทัพจะเสร็จสิ้นภายในเจ็ดวันด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้ เมื่อฮ่องเต้เสด็จมาที่นี่แล้ว เรื่องราวต่างๆ ย่อมเปลี่ยนไป
ฮ่องเต้เสด็จมาแล้ว พระองค์ต้องเป็นผู้สั่งการศึกสงครามด้วยพระองค์เอง มีฮ่องเต้และรัชทายาทคอยบัญชาการอยู่ในค่ายทหาร พวกเขายิ่งมีความแข็งแกร่งและความมั่นใจมากขึ้น
หากต้องการจบศึกครั้งนี้ภายในเจ็ดวัน ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
ท่ามกลางความรู้สึกตื่นเต้นและตกใจของทุกคน ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินทรงเน้นย้ำว่า “ไม่ ยังมีท่านเฟิง”
แม่ทัพใหญ่ทั้งห้าตะลึงงันครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบรับอย่างรวดเร็ว “ถูกต้อง ยังมีท่านเฟิง มีฮ่องเต้ องค์รัชทายาท และท่านเฟิงที่คอยบัญชาการ การขับไล่กองทัพแคว้นหนานหลีให้ถอยไปนั้นอยู่ไม่ไกลเกินความเป็นจริงแล้ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระบัญชาของพระองค์และรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกต้อง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระบัญชาของฝ่าบาทและองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ตงหลิงหวงยังคงมีท่าทีเย็นชา ทว่านางไม่ได้แสดงออกว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินพอใจกับท่าทีเย็นชานี้อย่างมาก อย่างน้อยนางก็ไม่ขัดจังหวะหรือก่อกวนสถานการณ์
ต้องทราบว่า อุปนิสัยเด็ดเดี่ยวของตงหลิงหวงนั้น เมื่อนางอารมณ์ไม่ดี นางจะใช้วิธีที่แข็งแกร่งและรุนแรงอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในท้องพระโรง พวกเขามักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง
หลังจากนั้น พวกเขาจึงหารือกันเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามระหว่างสองกองทัพตลอดสองวันที่ผ่านมา
ซึ่งทั้งหมดมีแม่ทัพใหญ่ทั้งห้าเป็นผู้รายงาน ทว่าตงหลิงหวงยังคงไม่พูดสิ่งใด และนิ่งเงียบตลอดเวลา
การหารือที่ดำเนินมาตลอดเช้าสิ้นสุดลง หลังเที่ยง ฮ่องเต้ได้จัดเลี้ยงภายในกระโจมหลัก และตงหลิงหวงยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญใดๆ
ฮ่องเต้ตรัสสิ่งใด นางก็เห็นด้วยทุกประการ
หลังงานช่วงบ่ายสิ้นสุดลง ตงหลิงหวงกลับมาที่กระโจมของตนเองและตามหาอู๋ซวงทันที
“หลายวันนี้ให้ส่งคนไปจับตาดูการเคลื่อนไหวในกระโจมบัญชาการอย่างใกล้ชิด และให้จับตามองท่านเฟิงเป็นพิเศษ หากมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย รีบกลับมารายงานให้ข้าทราบทันที”
“เพคะ! ”
แม้อู๋ซวงจะตอบตกลง แต่เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของนางไม่ค่อยสู้ดีนัก
ตงหลิงหวงสังเกตเห็นจึงกล่าวว่า “มีเรื่องอันใดก็พูดมา”
อู๋ซวงไตร่ตรองคำพูดที่สมเหตุสมผล “รัชทายาท แม้คนของพวกเราไม่ได้อ่อนแอ ทว่าอีกฝ่ายคือฮ่องเต้ ฝ่าบาทไม่เพียงมีกองทัพยวี่หลินอยู่ในมือ ทว่ายังมีคนจากค่ายทหารพยัคฆ์บิน และยังมีกองทัพวิหคสวรรค์ หากจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์ เกรงว่าคงไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”
ก่อนหน้านี้ ใช่ว่านางไม่เคยทำแบบเดียวกันมาก่อน แม้จะมีโอกาสสำเร็จ ทว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากจริงๆ
ตงหลิงหวงมีท่าทางเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่านางไม่มีความสุข
อู๋ซวงเงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว “ให้ฉานเยวี่ยไป ครั้งนี้ต้องสำเร็จเท่านั้น ล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด”
อู๋ซวงตกตะลึงครู่หนึ่ง
ให้ฉานเยวี่ยไปหรือ?
ข้างกายของตงหลิงหวงมีองครักษ์เงาและนักฆ่าซ่อนอยู่มากมาย และทุกคนล้วนมีรหัสประจำตัว
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถปฏิบัติได้ทุกภารกิจ
แต่ละคนต่างถูกส่งออกไปตามระดับของภารกิจที่แตกต่างกัน
ความอันตรายและความสำคัญของภารกิจแบ่งออกเป็นสี่ระดับ โดยระดับที่สี่เป็นภารกิจที่อันตรายและสำคัญที่สุด
หลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ก่อตั้งกฎเกณฑ์นี้ ยังไม่เคยมีภารกิจระดับที่สี่ถูกส่งออกไป และภารกิจอันตรายล่าสุดคือภารกิจระดับที่สอง
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นักฆ่าและองครักษ์เงาที่อยู่ข้างกายของตงหลิงหวง ยังไม่เคยมีการใช้ชื่อรหัสว่า ‘เยวี่ย’
ฉานเยวี่ยนี้ไม่ได้หมายถึงคนเพียงคนเดียว ทว่าหมายถึงกลุ่มคนประมาณยี่สิบกว่าคน
อู๋ซวงไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้ นายท่านของนางจะส่งฉานเยวี่ยออกไปปฏิบัติภารกิจ
เมื่อเห็นอู๋ซวงตกตะลึงและไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่ครู่หนึ่ง ตงหลิงหวงจึงพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ทำไม มีปัญหาอันใดหรือ? ”
แน่นอนว่าต้องมีปัญหา การส่งฉานเยวี่ยออกไปปฏิบัติการณ์ เป็นการเปิดเผยความแข็งแกร่งและอำนาจของตงหลิงหวงอย่างชัดเจน
หลายปีมานี้ ทุกคนรวมทั้งฮ่องเต้ต่างทราบว่ารัชทายาทหาใช่คนธรรมดา นางมียอดฝีมือข้างกายมากมาย พวกเขาปฏิบัติการอย่างแข็งแกร่ง มีสติปัญญาที่ฉลาดหลักแหลม ทั้งยังเก่งกาจยิ่งกว่าบุรุษ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมีอำนาจแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ และไม่มีผู้ใดเห็นจุดอ่อนของนางอย่างแท้จริง
ทันทีที่ฉานเยวี่ยถูกส่งออกไปปฏิบัติการ หากมีผู้คิดร้ายถือโอกาสนี้ตามสืบเบาะแส ย่อมพบจุดอ่อนของนางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อู๋ซวงไม่กลัวจะถูกฮ่องเต้จับตามอง ทว่านางกลัวคนในราชสำนักที่ต้องการหาจังหวะทำร้ายตงหลิงหวง
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตงหลิงหวงได้รับความดีความชอบมากมาย ทำให้คนจำนวนมากขุ่นเคืองใจ
ดังนั้น อู๋ซวงจำเป็นต้องตักเตือนนางเกี่ยวกับเรื่องนี้
“องค์รัชทายาท ให้ฉีเฟิงไปไม่ดีกว่าหรือเพคะ! ”
ฉีเฟิงคือผู้ที่มีรหัสเฟิง ส่งฉีเฟิงให้เป็นตัวแทนปฏิบัติภารกิจระดับสาม
สีหน้าของตงหลิงหวงยังไม่เปลี่ยนแปลง นางค่อย ๆ หันไปมองอู๋ซวง
“สิ่งที่รัชทายาทอย่างข้าต้องการคือความสมบูรณ์แบบ เจ้าสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่า การส่งฉีเฟิงไปจะไม่เกิดข้อผิดพลาด”
อู๋ซวงจะกล้ารับประกันได้อย่างไร!
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นถึงฝ่าบาท