“ดาร์กไนท์แกกล้าหักหลังฉัน ฉันจะฆ่าแก!”
“มันน่าโมโห! มันน่าโมโหจริงๆ เลย!”
ภายในห้องโถงตระกูลเย่
ใบหน้าของเย่หรงที่กำลังโกรธเกรี้ยวนั้น
เขาทุบทุกอย่างที่สามารถทุบได้ไปหมดแล้ว
คนรับใช้ของตระกูลเย่ล้วนแต่ตัวสั่นขวัญผวา ไม่กล้าออกมาหาเจ้านายของพวกเขาแม้แต่น้อย
ราวกับกลัวว่า หากตนเองเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเน่หรงเพียงเล็กน้อยนั้น พวกเขาก็จะถูกเย่หรงตัดหัวทันที!
ก่อนหน้านี้มีคนรับใช้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เดินชนเข้ากับเย่หรง
เป็นผลให้เย่หรงต่อยหัวของเขาและทุบหัวของเขาในทันที
สิ่งนี้ทำให้บรรยากาศทั้งตระกูลเย่ต่างก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่กล้าที่จะหายใจออกมาเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของเย่หรงพลันรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดขึ้นมาในทันที
หลังจากที่ได้ยินข่าวนั้น
ครั้งนี้ ดาร์กไนท์ไม่เพียงแต่ทำภารกิจการฆ่าหยางเฟิงล้มเหลว แต่มันยังคิดทรยศต่อเขาและไปยอมจำนนต่อหยางเฟิงอีกด้วย!
หลังจากที่ได้ยินข่าวนั้น
มันทำให้เย่หรงรู้สึกโกรธมากเลยทีเดียว
หากรู้ว่า ดาร์กไนท์คือผู้แข็งแกร่งขั้นแดนแปรเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเย่แล้ว ทั้งยังเป็นคมกริชที่แหลมคมมากที่สุดสำหรับเขาอีกด้วย
หลายปีที่ผ่านมานั้น เขาก็ได้อาศัยดาร์กไนท์เพื่อสังหารศัตรูนับไม่ถ้วน
อาจกล่าวได้ว่าที่ตระกูลเย่สามารถพัฒนามาจนถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้นั้น ต้องขอบคุณดาร์กไนท์ด้วยเหมือนกัน
ทว่า เย่หรงไม่เคยคิดเลยว่า ดาร์กไนท์จะคิดทรยศเขาในวันหนึ่ง
นี่นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูลเย่!
ในที่สุด เย่หรงก็ตระหนักได้ว่าการขโมยไก่ไม่สำเร็จทั้งยังต้องเสียข้าวสุกออกไปอีกเป็นเช่นไร
“หยางเฟิง เจ้าฆ่าลูกชายที่รักของข้า! ทั้งยังพรากเอาของสำคัญที่สุดของข้าไปอีก! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ปั้ง!
สายฟ้าฟาดพลันทะลุพุ่งไปยังบนท้องฟ้าในทันที
เย่หรงกำหมัดแน่น พร้อมกับกระดูกและข้อต่อของเขาที่กำลังแตกออก
ปั้ง!
ปั้ง!
ปั้ง!
…
หมัดชุดหนึ่งที่ถูกส่งออกไปในอากาศนั้น คล้ายกับถูกระเบิดออกมาในทันที
“หยางเฟิงไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะฉีกศพของแกออกเป็นพันๆ ชิ้น!”
“ไม่เลวเลยจริง ๆ !”
“เย่หรงอะ เจ้าเย่หรง ฉันไม่ได้คาดหวังให้แกเอาแต่ซ่อนตัวหดหัวอยู่ในเกาะดาวแห่งนี้ และเอาแต่อ่านชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรของตระกูลเย่อยู่อย่างนั้น”
“ไม่เพียงแค่นั้น ตระกูลเย่ฟอเรนท์สามารถเข้าควบคุมสำนักหงได้หมดแล้วเหมือนกัน ”
“ดูเหมือนว่า ท่านเจ้าสำนักจะเลือกให้แกมาที่เกาะดาวได้ถูกต้องจริง ๆ!”
จู่ ๆ
พลันมีเสียงดังออกมา!
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น
เย่หรงพลันหันหน้าของเขากลับไป
ในความมืด พลันมีร่างหนึ่งค่อยๆเดินออกมา
มีใบหน้ายิ้มแย้มคล้ายยิ้มไม่ยิ้ม
เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเย่หรงก็เปลี่ยนไปในทันที
“ท่านทูตอันดับหนึ่ง สำนักยมบาล !”
เย่หรงกัดฟันกล่าวออกมาทีละคำ
ดวงตาทั้งสองข้าง พลันเผยแวววิบวับออกมาในทันที ของเขาเผยให้เห็นแสงพิษ
ในปีนั้น ตระกูลเย่ของพวกเขาถูกบังคับให้ออกจากจงโจว เพื่อมายังต่างประเทศ ล้วนแต่เป็นสำนักยมบาลที่เป็นคนขู่บังคับพวกเขาทั้งหมด
เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาในตระกูลเย่ ได้ทำการปกป้องชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
เพื่อรักษาชิ้นส่วนของภาพมกุฎมังกรนี้ไว้
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ตระกูลเย่ในจงโจวถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
อีกฝ่ายหนึ่งยังคงอยู่ในจงโจว
และอีกกลุ่มหนึ่งเดินทางมาต่างประเทศพร้อมกับชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร
หลังจากผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้วนั้น
ตระกูลเย่ที่อยู่ในจงโจวก็ได้ถูกหยางเฟิงกำจัดทิ้งไป
เย่หนานเทียนพ่อลูกนั้น ล้วนแต่ตกตายกันหมด!
และตระกูลเย่ที่มาจากต่างประเทศนั้น
หลังจากการผ่านมาหลายปี พวกเขาจึงได้กลายเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเกาะดาวในทันที
และในตอนนี้เย่หรงก็ได้เข้าควบคุมสำนักหงทั้งหมดแล้ว ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามันยิ่งแต่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลเย่มากไปอีก
ณ ขณะนี้.
ฝันร้ายก็ได้เกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ทูตคนแรกของสำนักยมบาลได้มาหาเขาอีกแล้ว!
ชายชุดดำที่มีหัวเราะเสียงแหบแห้งพลางพูดออกมาว่า “ฉันยังจำได้ดีดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลเย่จะยังไม่ลืมฉัน ถ้าอย่างนั้น แกก็ยังคงไม่ลืมตัวใช่ไหมว่า ตนเองเป็นคนของสำนักยมบาลด้วย?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น
ใบหน้าของพลันมืดครึ้มลงในทันที
ในตอนนั้น เย่หรงเองก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมกับสำนักยมบาลอย่างช่วยไม่ได้เหมือนกัน
หลายปีที่ผ่านมานั้น
เรื่องนี้ยังฝังลึกอยู่ในใจของเขา และเขาไม่คิดว่ามันจะปะทุออกมาอีกในตอนนี้