บทที่ 2705 ความภักดี
เธอก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าฟั่นเชียนซื่อจะให้อูอู๋เหยียนดื่มสุราพิษ! ดังนั้นตอนแรกจึงไม่ได้สนใจ
ถึงอย่างไรอูอู๋เหยียนก็ภักดีต่อฟั่นเชียนซื่อขนาดนี้ ไม่มีเหตุที่เขาต้องสังหารนางเลยนี่!
เว้นแต่ว่านี่จะเป็นสุราขับเลือด คิดจะขับเด็กในท้องของนาง!
แต่ว่าจากกลิ่นของสุรานี้เห็นได้ชัดว่าไม่คล้ายจะเป็นยาขับเลือด อาการของอูอู๋เหยียนเองก็ไม่คล้าย…
เธอมองไปที่ฟั่นเชียนซื่อ เห็นฟั่นเชียนซื่อรวบรวมสุรานั้นขึ้นมาอีกครั้งพอดี…
“อู๋เหยียน” ในที่สุดฟั่นเชียนซื่อก็เปิดปากแล้ว เรียกอูอู๋เหยียนที่พุ่งเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตาย “วางใจเถอะ มีข้าอยู่ ต่อให้สุรานี้หกไปแล้วก็เก็บขึ้นมาให้เจ้าใหม่ได้ มาเถอะ ยกให้เจ้า”
ยื่นจอกสุราให้อีกครั้ง
สุราในจอกกระเพื่อมเบาๆ ราวกับสายตาของคนงาม เย้าจิตยวนใจ
อูอู๋เหยียนกลับแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง นางติดตามอยู่ข้างกายฟั่นเชียนซื่อมานานโขแล้ว รู้จักนิสัยเขาดี เขาและเป็นโรครักความนักสะอาดมากด้วย ต่อให้ข้าวของจะล้ำค่าเพียงใดขอเพียงหล่นลงพื้นแล้วก็จะไม่เอาอีกเลย ในอดีตเนื่องด้วยสาเหตุนี้จึงได้โยนสมุนไพรเซียนพันปีต้นหนึ่งทิ้งไป ตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเก็บสุราขึ้นมา แถมสุรานี้ยังเคยหกนองพื้นแล้วด้วย!
นางละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง แววตาฟั่นเชียนซื่อลุ่มลึกยิ่งขึ้น มองนางอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “ทำไม? เจ้าก็กลัวว่าสุรานี้จะมีพิษหรือ?”
อูอู๋เหยียนตอบอ้อมแอ้ม “ม...มิใช่เจ้าค่ะ”
ฟั่นเชียนซื่อยิ้มแล้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สุรานี้อาจจะมีพิษอยู่จริง เช่นนั้นเจ้าจึงไม่อยากรับรางวัลจอกนี้แล้วใช่หรือไม่?”
อูอู๋เหยียนไหนเลยจะยังกล้าพูดจาเป็นอื่นอีก ตัดสินใจรับสุราจอกนั้นมา “นายท่านคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่เคยนึกสงสัยในตัวนายท่านเลย”
ฟั่นเชียนซื่อเอ่ยอย่างเฉยเมย “แล้วถ้าข้าคิดจะฆ่าเจ้าจริงๆ ล่ะ?”
ยิ่งเขากล่าวเช่นนี้ อูอู๋เหยียนก็ยิ่งไม่เชื่อว่าสุรานี้มีพิษ “จักรพรรดิสั่งประหารขุนนางย่อมต้องตาย หากว่านายท่านต้องการสังหารข้าน้อย เช่นนั้นข้าน้อยก็ยินดี”
พลันยกมือหลับตาดื่มสุราจอกนี้ลงไป!
ฟั่นเชียนซื่อระแวงว่ากู้ซีจิ่วจะเล่นเล่ห์อีก จึงกางเขตแดนชั้นหนึ่งไว้ด้านหน้าอูอู๋เหยียนอย่างเงียบเชียบ หากว่ากู้ซีจิ่วลงมืออีกครั้ง จะต้องปะทะกับเขตแดนนี้…
และเขาจะไม่ให้นางได้มีโอกาสนี้อีกเด็ดขาด!
มองเห็นอูอู๋เหยียนกำลังจ่อสุราแนบริมฝีปาก ฟั่นเชียนซื่อก็ถอนหายใจนิดๆ เขารู้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางเรื่องนี้ได้อีกแล้ว…
‘ปัง!’ จู่ๆ พลันมีเสียงดังแว่วมาจากด้านนอก คล้ายว่ายานลำนี้กำลังชนกับโขดหินใหญ่อันใดเข้า ยานทั้งลำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงปานเกิดแผ่นดินไหว!
ทั้งสามคนที่อยู่ในยานล้วนสะเทือนไปหมด!
กู้ซีจิ่วกับฟั่นเชียนซื่อไม่ได้ซวนเซอันใด แต่ร่างกายของอูอู๋เหยียนสั่นสะเทือนถึงขนาดนี้ จอกสุราในมือจึงกระเด็นออกไปเป็นวงโค้ง
เกิดเสียงดัง ‘เพล้ง!’ จอกสุราแตกกระจายอยู่บนพื้นอีกครั้ง สุราไหลนองอีกครั้ง…
อูอู๋เหยียนตกใจคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตึง “นายท่าน ข้าน้อยมิได้เจตนา…”
ฟั่นเชียนซื่อตะลึง…
เส้นเลือดบนขมับเขาเต้นตุบๆ ไปหมดแล้ว!
เขายกมือขึ้นหมายจะทำอันใด แต่กู้ซีจิ่วไวกว่าเขา โบกแขนเสื้อในทันใด แสงเพลิงสายหนึ่งเข้าคลอบคลุมน้ำสุรานั้นไว้ทันที…
กว่าฟั่นเชียนซื่อจะโบกแขนเสื้อส่งลำแสงออกไปขัดขวาง สุราบนพื้นก็ถูกเพลิงเผาไหม้ไปพอสมควรแล้ว
“เจ้า!” ฟั่นเชียนซื่อเงยหน้าขึ้นทันที แรงกดดันบนร่างที่กักเก็บเอาไว้เสมอมาปะทุออกมาทันที ข้าวของภายในห้องโดยสารแตกกระจายอย่างเงียบเชียบภายใต้แรงกดดันของเขา และกลางฝ่ามือของเขาก็มีแสงสีเขียวเรืองรองลุกโชติช่วงอยู่…
อูอู๋เหยียนเบิกตากว้างในทันใด
นางรู้จักกระบวนท่านี้ของฟั่นเชียนซื่อ กระบวนท่าล้างโลกา!
มีเพียงตอนที่ฟั่นเชียนซื่อโมโหโกรธาถึงจะสำแดงกระบวนท่านี้ออกมา
หากว่าเขาซัดฝ่ามือนี้ออกไป ไม่ใช่แค่กู้ซีจิ่วที่อยู่ตรงหน้าจะระเหยเป็นไอหายวับไปเท่านั้น เกรงว่ายานลำนี้ก็คงถูกทำลายจนแหลกเป็นผุยผงไปด้วยเช่นกัน
แค่สุราตกแตกจอกเดียวเท่านั้น ปฏิกิริยาตอบสนองของนายท่านจะไม่เกินเหตุไปหน่อยหรือ?
หรือว่าในสุรานั้นจะมีอะไรอยู่จริงๆ?
เพิ่งมาถึงจุดนี้ จู่ๆ ในท้องนางก็ร้อนวาบ สัมผัสได้ว่าหน้าท้องคล้ายจะบวมขยายขึ้นมาเท่าหนึ่ง นางสูดหายใจเฮือก ส่ายโงนเงนอยู่ที่เดิม
และเสียงสูดหายใจของนางก็เรียกสติของฟั่นเชียนซื่อกลับมา เขาเหล่มองนางแวบหนึ่ง เห็นนางโอบท้องไว้ตามสัญชาตญาณ ดวงหน้าพริ้มเพราะเขียวซีดรางๆ…
เขาค่อยๆ เก็บกระบวนท่า ไม่สนสอนใจนางอีก วาดแขนเสื้อไปด้านหน้าคราหนึ่ง ผนังยานกลายเป็นบานหน้าต่างที่มองเห็นด้านนอก ทำให้เขามองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้
เขาอยากเห็นว่าเป็นสิ่งใดกันแน่ที่ชนเข้ากับยานของเขา…
เขามองเห็นอุกกบาตที่ขรุขระกลุ่มหนึ่ง อุกกาบาตแต่ละลูกพุ่งผ่านด้านสีข้างยานไปด้วยความเร็ว สิ่งที่ชนยานลำนี้น่าจะเป็นอุกกาบาตขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง ยามนี้ยังมองเห็นอุกกาบาตลูกแล้วลูกเล่าล่องลอยจนแทบจะบดบังฟากฟ้าด้านนอกได้เลย
เขาขมวดคิ้ว เขาติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเอาไว้ชัดๆ ทำให้หลบหลีกอุปสรรคต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ แล้วทำไมหนนี้…
เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าค่อนข้างพิกล ด้วยเหตุนี้จึงจรดนิ้วร่ายอาคม ทำให้อุกกาบาตเหล่านั้นกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ได้เห็นว่าท่ามกลางกลุ่มอุกกาบาตจุดหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป มียานรบลำหนึ่งมุดออกมาแล้ว…
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ย่อมจำได้ว่ายานรบลำนี้เป็นของกวนย่าหนิง
ไอ้โง่นี่ไล่ตามมาทำไม?!
หาที่ตาย?
เช่นนั้นเขาจะสนองให้มันเอง!
เขาโบกมือคราหนึ่ง วาดไปด้านหน้า กู้ซีจิ่วพบว่ามุมหนึ่งภายในห้องโดยสารนี้ปรากฏแท่นควบคุมขึ้นมาแล้ว
ชัดเจนนัก ที่นี่ก็คือห้องควบคุม! เพียงแต่อุปกรณ์ด้านในถูกฟั่นเชียนซื่อใช้อาคมปกปิดอำพรางไว้ จวบจนยามนี้ถึงได้เผยออกมา
เธอย่อมมองเห็นยานรบลำนั้นเช่นกัน และจำได้ว่านั่นคือยานรบของกวนย่าหนิง ผงะไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงเช่นกันว่าเขาจะไล่ตามมา
หรือว่าคนผู้นี้ไม่พอใจที่จอมพลทิ้งพวกเขาไว้แล้วหนีมาคนเดียว ดังนั้นจึงไล่ตามมาเพื่อขอคำอธิบายหรือ?
….
————————————————————————————-
บทที่ 2706 ทอดทิ้ง
ดวงตาของกวนย่าหนิงถลนกว้างยิ่งกว่าระฆังสำริดเสียอีก!
มองตี้ฝูอีที่ยืนอยู่ข้างกายอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนๆ นี้จะสามารถเคลื่อนย้ายอุกกาบาตที่ใหญ่ขนาดนั้นได้! ส่งไปสกัดเส้นทางของยานรบด้านหน้าไว้!
เดิมทีเขาขับเคลื่อนยานรบไล่ตามอย่างสุดชีวิตมาตลอดทาง ไม่ง่ายเลยกว่าจะมองเห็นเงายานรบด้านหน้าได้ ขณะที่เขากำลังจะเปิดอุปกรณ์สื่อสารนเรียกยานรบลำหน้า คาดไม่ถึงเลยว่าตี้ฝูอีจะขวางเขาไว้ทันที…
จากนั้นท่านเทพใหญ่คนนี้ก็โบกแขนเสื้อไปมาอยู่ภายในยาน อุกกาบาตที่สูงเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ที่อยู่ด้านหน้านั้นเสมือนถูกภูตผีผลักดัน พุ่งฉิวไปอยู่ด้านหน้ายานรบของอีกฝ่ายเสมือนดาวหางก็มิปาน เนื่องจากความเร็วว่องไวอย่างแท้จริง ยานที่อยู่ด้านหน้าลำนั้นจึงหลบไม่ทัน…
กวนย่าหนิงย่อมเคยเห็นการใช้พลังเคลื่อนย้ายข้าวงของในอากาศมาแล้ว ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการย้ายภูเขาในอากาศ! แถมยังเคลื่อนย้ายได้พลิ้วไหวขนาดนี้ด้วย
เยี่ยมมาก หลังจากชนเข้ากับยานลำข้างหน้าเล็กน้อยแล้ว ในที่สุดอีกฝ่ายก็พบเห็นความผิดปกติแล้ว…
ยามที่ยานตรงหน้าปล่อยปากประบอกปืนใหญ่ลำนั้นออกมา กวนย่าหนิงก็ตกใจจนแทบพูดจาติดๆ ขัดๆ แล้ว!
“ปะ…ปืนใหญ่ตามวิญญาณ! จบ…จบเห่แล้ว!”
ปืนใหญ่ชนิดนี้คืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของยานรบลำนั้น พอยิงออกมาจะล็อคพิกัดแล้วไล่ตามโดยอัตโนมัติ ยานรบที่ถูกมันเล็งแล้วต่อให้หนีออกไปไกลแปดร้อยลี้ ก็ถูกมันทำลายล้างอยู่ดี!
แถมการทำลายล้างชนิดนี้จะทำลายลำทายทั้งคนและยานให้ย่อยยับเป็นเศษธุลีด้วย ทันทีที่ถูกโจมตี แม้แต่ฟันสักซี่ของเขาก็จะไม่หลงเหลืออยู่เลย!
ปืนใหญ่ชนิดนี้ปกติแล้วจะใช้ต่อกรกับศัตรู แต่ตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าท่านจอมพลจะเอามาใช้กับเขา!
กวนย่าหนิงมือเป็นระวิงคิดจะติดต่อหาอีกฝ่าย อยากจะประกาศยอมจำนน…
แต่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสเขาได้หายใจเลย ปากกระบอกปืนใหญ่มีแสงสีน้ำเงินวาบออกมา…
กวนย่าหนิงหลับกลับตาลงเสียเลย รอคอยวินาทีที่จะถูกระเบิดเป็นเถ้ากระจัดกระจายไปในอวกาศ
ผ่านไปสักพัก เขาลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยังอย่างยืนอยู่หน้าแท่นควบคุมอย่างปกติสุขดี ทว่าตี้ฝูอีกลับหายไปแล้ว
ส่วนข้างกายของเขาคือเจ้าตัวเล็กตี้เฮ่าคนนั้น
ตี้เฮ่านั่งอยู่บนหลังของลู่อู๋ เจ้าตัวเล็กขยับนิ้วพลิ้วไหวดุจสายลม กำลังกดปุ่มบังคับควบคุมอยู่…
ด้วยการควบคุมของเขา ยานรบลำนี้จึงมุดลอดอยู่ท่ามกลางกลุ่มอุกกาบาตประหนึ่งพายุสลาตัน ผ่านไปครู่หนึ่งก็หยุดลงด้านหน้าอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่รูปทรงคล้ายเมฆ
กวนย่าหนิงตกตะลึง…
ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมกระสุนปืนใหญ่ลูกนั้นถึงยิงไม่โดนยาน?
ยังมีอีก ระบบควบคุมซับซ้อนขนาดนี้เจ้าหนูนี่เรียนรู้ได้ยังไงกัน?!
ต้องทราบก่อนว่าในอดีตขนาดเขาเป็นนักเรียนที่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องที่สุด ยังต้องใช้เวลาเรียนรู้ระบบควบคุมของยานลำนี้ถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ…
แต่ตอนนี้เจ้าหนูนี่กลับควบคุมสิ่งนี้ได้สบายๆ ประหนึ่งเล่นกลองป๋องแป๋งก็มิปาน!
เจ้าหนูนี่เป็นตัววิปริตจากที่ไหนกันแน่?! ช่วยอธิบายที!
“เซ่อไปแล้วหรือ?” ในที่สุดตี้เฮ่าก็มีเวลามาสนใจเขาแล้ว มองเขาอย่างเห็นใจแวบหนึ่ง
กวนย่าหนิงอ้าปากพะงาบๆ คำนับถามนับไม่ถ้วนพลิกตลบอยู่ในสมองเขา เขาไม่รู้ว่าควรจะถามเรื่องไหนก่อนไปชั่วขณะ
โชคดีที่ตี้เฮ่าเลือกให้เขาแล้ว “ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีคำถามอยู่มากมายก่ายกอง แต่ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น แบบนี้เจ้าถึงจะมีชีวิตยืนยาวขึ้นอีกหน่อย”
เอาเถอะ!
กวนย่าหนิงหุบปากแน่น ดวงตาพยายามมองออกไปยังจุดที่ไกลลิบ
เมื่อเขามองจากระยะนี้ ยานลำยักษ์ของท่านจอมพลดูมีขนาดเท่ากลักไม้ขีดไฟเลย…
ยานรบลำนั้นได้ได้ออกเดินหน้าไป กำลังลาดตระเวนอยู่ตรงนั้น คล้ายว่ากำลังตามหาที่อยู่ของยานรบลำนี้ของพวกเขาอยู่ มีการยิงลำแสงกราดพุ่งเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว
กวนย่าหนิงทราบดี นั้นคือลำแสงสืบค้น ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ต่อให้ยานลำนี้ของเขาซ่อนอยู่ตรงนี้ ก็หนีไม่พ้นลำแสงสืบค้นที่ถูกยิงออกมาพวกนั้น
แต่ตอนนี้ลำแสงพวกนั้นเฉียดผ่านพวกเขาไปเป็นระยะๆ ทว่าไม่ค้นพบยานเลย
————————————————————————————-