ตอนที่ 857 กระดานทองคำผู้กล้า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 857 กระดานทองคำผู้กล้า
น้ำเสียงใสเย็นดุจน้ำแร่หยาดหยดแผ่วพลิ้ว ชวนรู้สึกจิตใจสงบ

ก็เห็นหญิงสาวเงาร่างทรงสง่า บุคลิกเยียบเย็นดุจหิมะน้ำแข็งผู้หนึ่งปรากฏตัวตรงทางเข้าชั้นเก้าหอวสันตสารทตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

นางสวมชุดกระโปรงสีพื้น ปิ่นไม้หนึ่งปักแทรกบนมวยผม เผยใบหน้าพริ้งเพราขาวกระจ่าง

นางดูเหมือนเพิ่งอายุสิบเจ็ดสิบแปด งดงามแต่กำเนิด คิ้วดำสนิทดุจหมึกเรียวยาว นัยน์ตากระจ่างวาบประกายราวอัญมณี มีไออัศจรรย์วิจิตรแฝงซ่อนตามธรรมชาติ

ทันใดนั้นบุคคลแห่งยุคทั้งหมดในที่นั้นต่างลุกยืนคารวะ

จี้ซิงเหยา!

ธิดาเทพคนปัจจุบันของเรือนกระบี่เร้นปุจฉา สำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิม ทั้งถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำคนรุ่นเยาว์ มีชื่อเสียงเจิดจรัสเพียงพอทำให้ผู้คนอัศจรรย์ใจ

ในสายตาผู้ฝึกปราณทั่วไป จี้ซิงเหยาไม่ต่างอะไรกับเซียนในตำนาน ฐานะโดดเด่นเหนือใคร

ทว่าเหตุที่บุคคลแห่งยุคทั้งหมด ณ ที่นั้นลุกขึ้นต้อนรับ หาใช่เพราะหวาดกลัวและยำเกรง แต่เป็นมารยาทและการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง

แต่ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือการยอมรับต่อฐานะจี้ซิงเหยาประการหนึ่ง

“ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ”

จี้ซิงเหยาก้าวเดินเข้ามา นางประดุจดอกบัวเขียวแผ่วพลิ้ว ขาทั้งสองเรียวยาว เอวบางร่างน้อย ชุดกระโปรงสีพื้นๆ กลับไม่อาจปกปิดเส้นสายโครงร่างที่เรียกได้ว่างามพร้อม

แน่นอนว่านางมีความงามโดดเด่นเพียงพอทำให้ผู้คนตกตะลึง บุคลิกเยียบเย็นดุจหิมะ ผิวหนังกระจ่างเกลี้ยงเกลาราวหยกมันแพะ เปล่งประกายแวววาวดุจเซียนจากสวรรค์มาเยือนแดนโลกีย์ ทำให้แม้คนมองจากที่ห่างไกลยังรู้สึกต่ำต้อยอย่างอดไม่ได้ ไม่กล้ามีจิตคิดดูหมิ่นแม้แต่น้อย

แม้แต่บุคคลแห่งยุคส่วนหนึ่งในที่นั้น ภายในใจยังอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชม จี้ซิงเหยาสมเป็นผู้สืบทอดซึ่งมาจากเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ท่วงท่าสง่างามไร้เทียมทาน

กระทั่งคนมากมายต่างแทบละเลย ว่าด้านหลังจี้ซิงเหยายังมีหญิงชราผมเงินดุจหิมะผู้หนึ่งติดตามมา

“มิน่าครั้งนี้ศิษย์พี่อวี่หลิงคงถึงได้จริงจังเช่นนี้ ยอมข้ามแดนวิภูมา เดินทางอย่างยากลำบากผ่านพันภูผาหมื่นวารีเพื่อมาพบผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉาซึ่งไม่เคยพบหน้ามาก่อนคนนี้ รูปโฉมของแม่นางจี้เรียกได้ว่าธรรมชาติรังสรรค์ งดงามดั่งเทพธิดา!”

ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่งรำพึงเสียงเบา

คนอื่นต่างรู้สึกแบบเดียวกัน

ทว่าคำพูดเขาแม้แผ่วเบา กลับยังถูกจี้ซิงเหยาได้ยินอย่างไม่มีตกหล่น โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำว่า ‘อวี่หลิงคง’ หว่างคิ้วพลันขมวดมุ่นอย่างยากสังเกตเห็น

“ทุกท่านสงสัยหรือไม่ เหตุใดผู้สืบทอดมหาวิหารธรรมแดนเร้นอริยะจึงปรากฏตัวที่นี่กะทันหัน”

จี้ซิงเหยานั่งอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ เย็นชาและโดดเด่นอย่างชัดเจน น้ำเสียงนางใสเย็นดุจเสียงสวรรค์ แต่ในชั่วขณะพลันดึงดูดความสนใจของผู้คน

นี่ทำให้ในใจพวกเขาสะท้านไหว ได้สติโดยสมบูรณ์

แดนเร้นอริยะ!

นี่คือคำเรียกขานอย่างยกย่องอย่างหนึ่ง บ่งชี้ถึงสถานที่ลึกลับที่ทั่วโลกไม่รู้จัก โดดเด่นเหนือพิภพ

ในสี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณ แดนเร้นอริยะซึ่งเป็นที่รู้จักมีเพียงสี่ห้าแห่ง แต่ไม่มีแห่งใดไม่ใช่อาณาเขตปริศนาถึงขีดสุด ตัดขาดจากโลก ในนั้นบ้างยึดครองโดยสำนักซึ่งสืบทอดมายาวนานหาใดเปรียบ บ้างเป็นที่อาศัยของเผ่าพันธุ์โบราณบางเผ่า

หรือบางครา แดนเร้นอริยะบางส่วนถึงขั้นยังคงไว้ซึ่งทัศนียภาพและมรดกจากบรรพกาล!

เฉกเช่นมหาวิหารธรรมนี้ก็อยู่ในแดนเร้นอริยะที่เรียกว่า ‘อนุสุขาวดี’ ซึ่งตั้งอยู่ในแดนวิภูดาราอุดร เป็นสำนักผู้บำเพ็ญธรรมเร้นลับ ความเป็นมายาวนานหาใดเปรียบ เบื้องลึกเบื้องหลังแข็งแกร่ง ถึงขั้นทำให้สำนักโบราณส่วนหนึ่งบนโลกต่างหม่นแสง!

ภิกษุหนุ่มเมื่อครู่นั้นมาจากมหาวิหารธรรมอนุสุขาวดี นี่ช่างชวนตื่นตระหนกจริงๆ

“ง่ายๆ ก็คือ มหาสงครามจวนมาเยือน สำนักโบราณส่วนหนึ่งซึ่งตัดขาดโลกในแดนเร้นอริยะ ต่างเริ่มลงมือวางแผน หมายแสวงหาศุภโชคบางส่วนในมหาสงคราม”

จี้ซิงเหยากล่าวต่อ “ผู้สืบทอดมหาวิหารธรรมคนนั้นมีฉายาสิงเจินจื่อ งามสง่าโดดเด่นพรสวรรค์เป็นเลิศ มีพรสวรรค์ ‘จิตอุบลกระดูกธรรม’ โดยกำเนิด ศักยภาพในรุ่นราวคราวเดียวกัน ได้แค่ใช้คำว่าลึกล้ำยากหยั่งถึงมาพรรณนา”

ทุกคน ณ ที่นั้นต่างไหวหวั่น

จี้ซิงเหยาคือบุคคลระดับผู้นำคนรุ่นเยาว์แห่งแดนฐิติประจิม เป็นผู้กล้าแห่งยุคซึ่งคู่ควรแก่ชื่อเสียง แม้แต่นางยังยกย่องสิงเจินจื่อผู้มี ‘จิตอุบลกระดูกธรรม’ นี่ว่าลึกล้ำยากหยั่งถึง เช่นนั้นคงไม่ต้องสงสัย คนผู้นี้คือบุคคลไร้เทียมทานผู้หนึ่งอย่างไร้ข้อกังขาแน่นอน!

“หรือสิงเจินจื่อนี่จะเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้” มีคนเอ่ยถาม ดึงดูดความสนใจทุกคนทันที

เมื่อครู่นี้เทพมารหลินปรากฏตัวอย่างแกร่งกร้าว เปิดฉากต่อสู้พัลวันสะเทือนใต้หล้า

บัดนี้ยังมีสิงเจินจื่อบุคคลแห่งยุคจากมหาวิหารธรรมอนุสุขาวดีปรากฏตัวอีก นี่จะไม่ให้คนสนใจได้อย่างไร

“เขาคงไม่เข้าร่วม”

จี้ซิงเหยากล่าว “จากที่ข้ารู้ สิงเจินจื่อมาครานี้ แค่คิดจะดูหน่วยก้านผู้กล้ารุ่นเยาว์แดนฐิติประจิมสักหน่อยเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจเทศกาลโคมกถามรรค”

นางหยุดไปชั่วขณะ นัยน์ตากระจ่างดุจดวงดาราของนางปรากฏแสงอัศจรรย์เรืองอร่าม น้ำเสียงเจือความผิดแปลกเสี้ยวหนึ่ง “แต่ข้ากลับได้ยินว่า สิ่งที่สิงเจินจื่อสนใจคือ ‘กระดานทองคำผู้กล้า’ ซึ่งจวนจะเผยออกมาทั่วดินแดนรกร้างโบราณหลังจากนี้หนึ่งปี!”

ในใจทุกคนพลันกระตุก ตระหนักถึงความผิดปกติ ทำการซักถามข้อสงสัย

จี้ซิงเหยาก็ไม่ได้ปกปิด กล่าวว่า “สิ่งที่ข้ารู้มีจำกัด แต่จากถ้อยคำไม่กี่คำที่เกี่ยวกับกระดานทองคำผู้กล้า ซึ่งเคยพบในตำราโบราณ…”

ตามคำอธิบายของนาง สมัยบรรพกาลช่วงก่อนกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด กระดานทองคำผู้กล้าก็ดำรงอยู่แล้ว

บนกระดานนี้มีลำดับชื่อหนึ่งร้อยตำแหน่ง มีเพียงผู้กล้าแห่งยุคร้อยคนซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันจึงจะสามารถรั้งอันดับในนั้นได้!

“ตามคำเล่าลือกล่าวว่า สมัยบรรพกาลผู้กล้ารุ่นเยาว์ทั่วหมื่นแดนดิน เคยเปิดศึกการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนเพื่อช่วงชิงอันดับบนกระดานทองคำผู้กล้า”

จี้ซิงเหยาพูดเนิบช้า น้ำเสียงงดงามน่าฟัง พาให้บุคคลแห่งยุคในที่นั้นต่างไม่อาจนิ่งสงบ

“กล่าวอย่างไม่เกินจริงแม้แต่น้อย ขอเพียงชื่อสามารถปรากฏบนกระดานทองคำผู้กล้า ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้กล้าซึ่งเจิดจรัสที่สุดแห่งยุคสมัย!”

ภายในโถงเงียบสงัด จิตใจทุกคนกระเพื่อมไหว เข้าใจความเป็นมาของกระดานทองคำผู้กล้าแล้ว ทำให้พวกเขาต่างใจสั่นสะท้าน

สมัยบรรพกาลอันไกลโพ้น เหล่าผู้กล้าดุจหมู่ดาราเหนือฟ้า มากมายนับไม่ถ้วน มีทั้งบุตรเทพโดยกำเนิด ทั้งอัจฉริยะที่หาได้ยาก ทั้งผู้มีพรสวรรค์โดดเด่น ทั้งทายาททวยเทพซึ่งมีเชื้อสายทรงพลัง…

แค่คิดก็รู้ว่าเหล่าผู้กล้าในสมัยนั้นที่สามารถดันตนเองขึ้นสู่กระดานทองคำผู้กล้าได้ จะมีพลังความสามารถพลิกฟ้าระดับใด!

“นี่ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์แห่งฐานะและศักยภาพอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการก้าวสู่ขอบเขตมกุฎราชันระดับสังสารวัฏ”

จี้ซิงเหยาพลันเปลี่ยนประเด็น นัยน์ตากระจ่างเอ่อท้นแสงอัศจรรย์แปลกประหลาด “ขอบเขตมกุฎราชันเลือนรางหาใดเปรียบ ลึกลับไม่อาจพบเจอ เป็นเหมือนฝันในตำนาน แต่ในตำนานเมื่อครั้งบรรพกาล ขอแค่สามารถก้าวขึ้นกระดานทองคำผู้กล้า ก็มีความหวังแห่งการช่วงชิงขอบเขตมกุฎราชันที่แท้จริง!”

ทันทีที่กล่าววาจานี้ออกไป ทุกคนตรงนั้นล้วนสั่นสะท้าน เหล่าบุคคลแห่งยุคไม่อาจนิ่งสงบโดยสิ้นเชิง แต่ละคนสีหน้าผิดแผก นัยน์ตาฉายประกายอัศจรรย์

ยังมีข่าวลือเช่นนี้ด้วย!

กระดานทองคำผู้กล้าถึงขั้นเกี่ยวเนื่องกับหนทางสู่ขอบเขตมกุฎราชันซึ่งยากพบเห็นดุจตำนานนั่น นี่ทำให้ผู้คนตกตะลึงโดยไม่ต้องสงสัย

“ทุกท่าน ผ่านกาลเวลาอันยาวนาน กระดานทองคำผู้กล้าจวนปรากฏบนโลกอีกครั้ง นี่บ่งชี้อย่างไม่ต้องสงสัยว่ามหาสงครามที่แท้จริงใกล้มาเยือนแล้ว ในฐานะสหายร่วมวิถี ข้าหวังว่าแดนฐิติประจิมของเราจะสามารถมีคนขึ้นสู่กระดานนี้ได้มากขึ้น”

จี้ซิงเหยากล่าว สีหน้านิ่งสงบเจือความบริสุทธิ์ผุดผ่อง นางในเวลานี้เพิ่งสำแดงท่วงท่าของธิดาเทพสำนักอันดับหนึ่งแห่งแดนฐิติประจิม

ในชั่วขณะทุกคน ณ ที่นั้นต่างตระหนัก จดจำข่าวสารนี้อย่างขึ้นใจ

“แน่นอน สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญตรงหน้านี้คือเทศกาลโคมกถามรรคซึ่งใกล้จะเปิดฉากนี้”

จี้ซิงเหยาราวคุมอำนาจการพูดคุย ณ ที่นั้นอยู่หมัด คำพูดเพียงประโยคเดียวดึงดูดความสนใจทุกคนอีกครั้ง

“เทศกาลโคมครานี้เหนือกว่าอดีตที่ผ่านมา ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ จะมีบุคคลเก่งกาจคาดไม่ถึงมากมายมาเข้าร่วม”

“และนี่ยังมีนัยว่า หากหมายช่วงชิงวาสนาใหญ่ในเทศกาลโคมกถามรรค การต่อสู้แย่งชิงจะต้องเหี้ยมโหดและดุเดือดกว่าแต่ก่อน!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้เสียงปรบมือพลันดังขึ้น ที่ตามเสียงปรมมือมา คือชายหนุ่มชุดเขียวเข็มขัดหยก ท่าทางงามสง่าผู้หนึ่งเดินเข้ามายังชั้นเก้าหอวสันตสารท

“คำพูดของแม่นางจี้ล้วนถูกต้อง มหาสงครามใกล้มาเยือน หมื่นผู้กล้าต่างขันแข่งแย่งชิง หากคิดโดดเด่นแตกต่างต้องเหี้ยมโหดกว่าเคย คนที่สามารถทะยานสูงเหนือเบื้องบนมีเพียงหยิบมือ ส่วนคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ล้วนถูกกำหนดให้ต้องถูกคัดออก กลายเป็นดั่งหินรองเท้า”

เสียงของชายหนุ่มนุ่มนวลดุจหยก กระจ่างดั่งกลองระฆัง แฝงท่วงทำนองเฉพาะตัว

ท่าทางเขาเรียกได้ว่าโดดเด่นเหลือประมาณ คิ้วกระบี่ตาดารา ผิวขาวกระจ่าง ผมดำทั้งศีรษะทิ้งตัวลง อิริยาบถดุจหงส์มังกรโดดเด่นเหนือผู้อื่น ทันทีที่ปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาผู้คน

เหล่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะอย่างพวกไป๋หลิงซีต่างลุกขึ้นคารวะ “คารวะศิษย์พี่อวี่!”

ไม่จำเป็นต้องสงสัย ชายหนุ่มผู้นี้คือยอดบุคคลแห่งยุคของแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณ อัจฉริยะซึ่งมีพรสวรรค์ล้ำเลิศแต่เยาว์วัย… อวี่หลิงคง!

เขาคือผู้ที่เรียกได้ว่าไร้ที่ติคนหนึ่งอย่างแท้จริง แกนกระดูกแข็งแกร่ง พรสวรรค์ล้ำเลิศ มีท่วงท่าสง่างามครองพิภพ ฐานะก็ทรงอิทธิพลหาใดเปรียบ

ตระกูลอวี่ของเขาคงอยู่ตั้งแต่บรรพกาลจนถึงปัจจุบัน คนในตระกูลล้วนแต่เป็นคนใหญ่โตมีชื่อเสียงเลื่องลือในแดนกาฬทักษิณ มีอริยะที่แท้จริงผู้หนึ่งคอยควบคุมดูแล

และเขายังฝากตนเป็นศิษย์ในแดนพิสุทธิ์อมตะ เรียกได้ว่าหากกล่าวถึงฐานะและภูมิหลัง เหล่าผู้ฝึกปราณส่วนมากบนโลกนี้ไม่อาจเทียบเขาได้

นี่ก็คืออวี่หลิงคง ประดุจผู้ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์ ทำให้ผู้คนล้วนยากจะชิงชัง ด้วยมีระยะห่างแตกต่างมากอย่างแท้จริง

คนอื่นๆ ต่างนัยน์ตาหดรัด คนไม่น้อยถึงขั้นเผยความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่ง แม้พวกเขาจะเป็นบุคคลชั้นยอดเช่นกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มีโชควาสนาดี มีภูมิหลังยิ่งใหญ่อย่างอวี่หลิงคง ก็ยังคงรู้สึกถึงแรงกดดันประการหนึ่งโดยปริยาย

มีเพียงจี้ซิงเหยาที่ขมวดคิ้วมุ่น คล้ายไม่ยินดีกับการมาอย่างกะทันหันของอวี่หลิงคงเท่าไร แต่ก็ไม่ได้เผยอาการขับไล่ไสส่งออกมา พอฝืนเรียกได้ว่าเฉยเมยเย็นชา

อวี่หลิงคงกลับคล้ายไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขายิ้มเล็กน้อย มุ่งตรงมานั่งลงข้างจี้ซิงเหยา จากนั้นจึงพูด “น่าเสียดาย ข้ามาช้าไปก้าวหนึ่ง ได้ยินว่าเมื่อครู่เทพมารหลินนั่นเปิดฉากต่อสู้โกลาหลสะเทือนใต้หล้า ไม่ได้เห็นด้วยตัวเองช่างน่าเสียดายจริงๆ”

เทพมารหลิน!

ไม่มีคนสังเกตเห็นว่าเมื่อได้ยินคำเรียกขานนี้ ในใจจี้ซิงเหยาพลันเกิดคลื่นถาโถมไม่อาจระงับวูบหนึ่ง ใบหน้างดงามซึ่งเรียกได้ว่าหาใดเปรียบฉายแววขุ่นเคืองอย่างยากสังเกตเห็น

ด้วยเหตุนี้ จี้ซิงเหยาจึงออกจะไม่ชื่นชอบอวี่หลิงคงที่กล่าวถึงเทพมารหลินยิ่งกว่าเดิม…