ตอนที่ 858 ศรลับยากป้องกัน
“จุ๊ๆ น้องหลิน จากวันนี้เป็นต้นไป แดนฐิติประจิมแห่งนี้ย่อมบังเกิดระลอกคลื่นมหึมาอย่างแน่นอน และกิตติศัพท์ของน้องหลินจะต้องห้อทะยานขึ้นไประดับใหม่!”
ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ณ เมืองผาดารา สีหน้าไป่เฟิงหลิวโลดแล่น พูดน้ำลายแตกฟอง
เขาฮึกเหิมยิ่ง เมื่อนึกถึงศึกอลหม่านสะท้านโลกที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่ ใบหน้าชราพลันตื่นเต้นจนเปล่งประกาย
น้องหลิน?
หลินสวินลอบดูแคลนอยู่ในใจ เจ้าเฒ่าสากกะเบือคนนี้ช่างไหลลื่นเสียจริงๆ ตีสนิทกับตนอย่างแยบยลทีเดียว
“หลินสวิน ข้ากลับรู้สึกว่าหลังจากการต่อสู้วันนี้ เกรงว่ารังแต่จะทำให้เจ้าตกเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่าเดิม” เยวี่ยเจี้ยนหมิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสียงขรึม
ไป่เฟิงหลิวอึ้งงัน จากนั้นจึงกล่าวอย่างขึงขัง “นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่งจริงๆ อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็แสดงความกร้าวแกร่ง เกือบสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์คนนั้นไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียวพวกนั้นจะต้องแค้นเจ้าฝังหุ่นเป็นแน่”
“นอกจากนี้ยังมีซาหลิวฉานที่ถูกเจ้าเอาชนะคนนั้นอีก ต้องไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจเล่นงานเจ้าอีกครั้งยามเทศกาลโคมกถามรรคเริ่มขึ้น”
กลับเห็นเยวี่ยเจี้ยนหมิงส่ายหน้า “ไม่เพียงเท่านี้ ละแวกหอวสันตสารทในวันนี้มีบุคคลไร้เทียมทานรวมตัวกันไม่รู้ตั้งเท่าไร พวกเขาเห็นการต่อสู้ครั้งนี้กับตาตัวเอง ยากจะรับประกันว่าจะไม่มีความคิดอื่นใดเป็นพิเศษต่อหลินสวิน”
หลินสวินหรี่ตาลง ความจริงแล้วครั้งนี้ยามที่ต่อสู้กับซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์นั้น เขาก็ตระหนักว่าภายใต้สายตาจับจ้องของกลุ่มคน แทบเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าสองคนนี้ให้ตายอย่างสิ้นเชิง
เหตุผลนั้นง่ายดาย ทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นบุคคลแห่งยุค ครั้งนี้มุ่งหน้ามาร่วมเทศกาลโคมกถามรรค ข้างกายจะต้องมียอดฝีมือคอยอารักขาอยู่เป็นแน่
นอกจากนี้หลินสวินยังสงสัยยิ่ง ว่าในมือบุคคลแห่งยุคอย่างซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ จะต้องมีไพ่ตายรักษาชีวิตมากมายอยู่แล้ว
อย่างไรเสียเมื่อพวกเขาประสบเคราะห์ ขุมอำนาจที่หนุนหลังพวกเขาเหล่านั้นก็จะต้องซัดโจมตีอย่างหนัก สร้างความเสียหายย่อยยับเป็นล้นพ้นอย่างแน่นอน!
ตอนนั้นการปรากฏตัวของท่านย่ากระเรียนทองก็ได้พิสูจน์การคาดเดาของหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คิดจะฆ่าบุคคลแห่งยุคระดับซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายขนาดนั้น
คิดถึงตรงนี้หัวใจหลินสวินเต้นแรง ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้จึงกล่าวถามว่า “เจ้าไป่ เจ้ารู้จักท่านย่ากระเรียนทองคนนั้นหรือไม่”
ไป่เฟิงหลิวกล่าวอย่างสบายๆ “หญิงชราคนนี้เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่ง ระดับอาวุโสในเรือนกระบี่เร้นปุจฉาสูงส่งถึงขีดสุด แม้แต่ยามที่มู่ซางเสวี่ยเจ้าสำนักเรือนกระบี่เร้นปุจฉาคนปัจจุบันเผชิญหน้ากับหญิงชราคนนี้ ก็ยังต้องให้ความเคารพอยู่สามส่วน”
กล่าวถึงตรงนี้ไป่เฟิงหลิวพลันเบิกตาโพลง ตบต้นขาหนึ่งฉาดกล่าวว่า “ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน! ในเมื่อท่านย่ากระเรียนทองปรากฏตัววันนี้ เช่นนั้นจะต้องเป็นเพราะว่าจี้ซิงเหยาธิดาเทพคนปัจจุบันของเรือนกระบี่เร้นปุจฉาคนนั้นมาถึงแล้วนั่นเอง!”
จี้ซิงเหยา?
สีหน้าท่าทางของหลินสวินแปลกไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ทำไมถึงพูดเช่นนี้”
ไป่เฟิงหลิวกล่าวอธิบาย “ในแดนฐิติประจิม ณ ปัจจุบัน รู้กันเกือบทุกคนว่าเพื่อปกป้องจี้ซิงเหยา เรือนกระบี่เร้นปุจฉาเชิญท่านย่ากระเรียนทองคนนี้ออกมาติดตามเป็นเงาตามตัวอยู่ข้างกายจี้ซิงเหยาโดยไม่เสียดาย นี่ก็มีนัยว่าขอเพียงท่านย่ากระเรียนทองปรากฏตัว จี้ซิงเหยาก็อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง!”
‘ที่แท้นางก็คือจี้ซิงเหยานี่เอง…’
ชั่วครู่ในสมองของหลินสวินก็ผุดภาพเด็กสาวคนหนึ่งที่มีกลิ่นอายเยียบเย็นดั่งหิมะ เงียบขรึมสันโดษ สวมชุดกระโปรงสีดำทั้งตัว รูปร่างอรชร ดวงหน้าถูกหน้ากากสีเงินปกปิดไปครึ่งซีก เผยให้เห็นเพียงนัยน์ตาใสกระจ่างดุจดวงดาราคู่หนึ่ง และริมฝีปากแดงฉ่ำเอิบอิ่มคู่นั้น
เด็กสาวสวมหน้ากากลึกลับคนนั้น ที่ประมือกับตนในลานประลองยุทธ์หมอกสนของนครเตโช!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินสวินก็จนวาจาในบัดดล เด็กสาวที่ทระนงตนหาใดเปรียบคนนั้น ก็คือจี้ซิงเหยาธิดาเทพคนปัจจุบันแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ใครจะกล้าเชื่อกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ที่หลินสวินค่อนข้างใจฝ่อก็คือ ในตอนนั้นยามที่ประมือกับจี้ซิงเหยา เขาเคยชนบั้นท้ายของเด็กสาวคนนี้อย่าง ‘ไม่ทันระวัง’ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดบางประการ ทำเอาฝ่ายหลังเคียดแค้นแทบคลั่งในทันที หากไม่ใช่เพราะเขาเผ่นอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดข้อพิพาทมากมายเท่าไรกัน
ปวดหัวนัก!
มุมปากของหลินสวินกระตุกขึ้นอย่างจับสังเกตได้ยาก หากเขารู้แต่แรกว่าเด็กสาวที่ทระนงตนถึงที่สุดคนนั้นคือจี้ซิงเหยา เขาจะคารวะอยู่ห่างๆ อย่างแน่นอน
ช่วยไม่ได้ เด็กสาวคนนี้ถูกขนานนามว่าเป็นแนวหน้าของคนรุ่นเยาว์ในแดนฐิติประจิม ราวกับเทพเซียนบนแดนสรวง ถูกผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ตื๊ออย่างคลั่งไคล้
ขอเพียงสร้างความเกี่ยวข้องบางอย่างกับนาง จะต้องนำมาซึ่งความวุ่นวายมากมายที่ไม่อาจคาดเดาได้
“น้องหลิน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า… เจ้าดูเหมือนจะมีความคิดพิเศษบางอย่างต่อจี้ซิงเหยา?” ทันใดนั้นใบหน้าชราของไป่เฟิงหลิวพลันชะโงกเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ ทำหน้าคลุมเครือและอยากรู้อยากเห็น
ผัวะ!
หลินสวินตบเข้าที่ท้ายทอยของเขาหนึ่งฉาด กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าคิดอุตริให้มันน้อยๆ หน่อย ข้าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงทระนงตนหาใดเปรียบคนนี้แม้แต่นิดเดียว”
เพียงแต่ไป่เฟิงหลิวยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวแย้มยิ้มยิงฟันว่า “เจ้าไม่เคยเห็นจี้ซิงเหยาด้วยซ้ำ ไฉนจึงรู้ว่านางทระนงตนยิ่งนัก”
ไม่อาจไม่พูด สังหรณ์ของไป่เฟิงหลิวคนนี้โคตรแม่นยำซะจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นชายที่จะหมายมั่นปั้นมือจะเป็นราชาแห่งข่าวสาร
เมื่อเห็นสีหน้าหลินสวินเริ่มดูมืดทะมึนขึ้นมา ไป่เฟิงหลิวหัวเราะร่วนทันที ไม่เอ่ยถึงประเด็นนี้อีก เพียงแต่ในใจเขารู้สึกเปี่ยมสุขหาที่เปรียบไม่ได้ ลางสังหรณ์ที่บ่มเพาะมาจากการสืบข่าวนานหลายปีบอกเขาว่า เทพมารหลินจะต้องมีเรื่อง ‘ชู้สาว’ กับจี้ซิงเหยาเป็นแน่แท้!
‘แหมๆ เมื่อครู่เพิ่งจะเกี้ยวพาแม่นางคนหนึ่งที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะ ยามนี้ดันมีความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ถูกกับธิดาเทพคนปัจจุบันแห่งเรือนกระบี่เร้นปุจฉาอีก นี่เทพมารหลินกำลังเล่นบทรักสามเส้า หรือว่าสองนางแย่งสามีอยู่กันแน่’
ไป่เฟิงหลิวคิดเตลิดเปิดเปิง ลอบตัดสินใจเด็ดขาด จะต้องขุดคุ้ยเรื่องภายในนั้นออกมาให้จงได้หากมีโอกาส เมื่อปล่อยข่าวพวกนี้ออกไป ต้องทำให้คนทั้งโลกตกใจจนลูกตากระเด็นเป็นแน่!
หากหลินสวินรู้ถึงความคิดของเจ้าเฒ่าสากกะเบือคนนี้ เกรงว่าคงไม่พ้นสับเขาทันที
หลินสวินกำลังขอคำชี้แนะเกี่ยวกับเทศกาลโคมกถามรรคกับเยวี่ยเจี้ยนหมิง
จากคำบอกเล่าของเยวี่ยเจี้ยนหมิง ไม่ว่าผู้กล้าคนใดก็ตามที่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรค ต่างก็ต้องได้รับบททดสอบชุดหนึ่ง
ถึงตอนนั้นบนเขาพยับครามลูกนั้น ต้นโคมสำริดมรรคโบราณจะปรากฏ ควบรวมดอกตูมสำริดออกมาดอกแล้วดอกเล่า
พร้อมกันนั้นทั่วทั้งเขาพยับครามจะถูกปกคลุมด้วยผนึกต้องห้ามลึกลับหนึ่งชั้น ทำให้ทั้งภูเขากลายเป็นโลกเร้นลับน่าพิศวงหาใดเปรียบแห่งหนึ่ง
หากต้องการเข้าร่วมถกมรรค ช่วงชิงวาสนา ก็จำเป็นต้องผ่านบททดสอบด่านแล้วด่านเล่า จนกระทั่งเข้าสู่ส่วนลึกที่สุดในโลกลึกลับ จึงจะสามารถมองเห็น ‘ต้นโคมสำริดมรรคโบราณ’ อย่างแท้จริง แสวงหาศุภโชคและวาสนาที่ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างฝันใฝ่ปรารถนา!
หลินสวินฟังถึงตรงนี้ สีหน้าเริ่มแปลกไปเล็กน้อย เขาพยับคราม ต้นโคมสำริดมรรคโบราณ โลกลึกลับ บททดสอลด่านแล้วด่านเล่า วาสนาและศุภโชค…
เขารู้สึกว่านี่ดูไม่เหมือนการถกมรรค ตรงข้ามกลับดูเหมือนเลือกเฟ้นลูกศิษย์ไม่มีผิด มีเพียงผู้ที่ผ่านบททดสอบและผ่านการคัดเลือก จึงจะได้รับวาสนา
เวลานี้เองไป่เฟิงหลิวกระเถิบเข้ามาใกล้แล้วกล่าวด้วยท่าทีลึกลับ “ตามบันทึกโบราณที่บรรพบุรุษเผ่าข้าเหลือทิ้งไว้ ในช่วงบรรพกาล เขาพยับครามเป็นเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่ง บนนั้นมีสำนักสูงสุดแห่งหนึ่งตั้งอยู่ มีอริยบุคคลมากมายเป็นผู้ควบคุมดูแลอยู่ในนั้น เปิดแท่นถ่ายทอดวิชา บรรยายแก่นจริงแท้มหามรรค มีศิษย์ในสำนักจำนวนนับไม่ถ้วน”
“แต่เพราะสาเหตุที่ไม่อาจล่วงรู้บางประการ สำนักสูงสุดแห่งนี้ไม่ได้ดำรงอยู่สืบมา หากแต่ดับสูญไปในสายน้ำแห่งกาลเวลา”
“วิเคราะห์ตามข่าวสารที่บรรพบุรุษเผ่าวาทวาโยของข้ารวบรวมไว้ เขาพยับครามแห่งนี้จะต้องเป็นแดนประตูภูเขาที่สำนักสูงสุดแห่งนั้นหลงเหลือไว้อย่างแน่นอน!”
“และต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นนั้น ก็คือ ‘ต้นไม้แห่งการถ่ายทอดมรรค’ ในสำนักสูงสุดแห่งนั้น เป็นที่มาและรากฐานของสำนักนี้นั่นเอง!”
หลินสวินและเยวี่ยเจี้ยนหมิงต่างสะท้านไหว เขาพยับครามและต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นนั้นถึงกับมีข่าวลือพรรค์นี้ด้วยหรือ
“แน่นอน นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เรื่องราวในยุคบรรพกาลนั้นห่างไกลและริบหรี่เกินไป ใครก็ไม่สามารถสอดส่องความจริงทั้งหมดทั้งมวลได้” ไป่เฟิงหลิวกล่าว
ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่หลินสวินกลับรู้สึกอยู่รำไรว่าข่าวลือนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องจริง
……
เวลาเคลื่อนคล้อย สามวันผ่านไปในพริบตา
หลินสวินไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัลอีก เอาแต่ปรับลมปราณและเคี่ยวกรำปราณของตัวเอง เพื่อให้ตนอยู่ในสภาวะสูงสุดยามที่เทศกาลโคมกถามรรคเริ่มต้นขึ้น
เยวี่ยเจี้ยนหมิงก็ทำเช่นเดียวกัน มีเพียงไป่เฟิงหลิวที่หมู่นี้เอาแต่ไปสืบข่าวอยู่ข้างนอก เจ้าเฒ่าสากกะเบือคนนี้ไม่หยุดพักสักพริบตาเดียว อุทิศแรงกายทั้งหมดให้กับการสืบข่าว ช่างไม่เสียแรงที่เป็นสายสืบมือฉมังแห่งเผ่าวาทวาโย
ในช่วงเวลานี้มีผู้กล้ามากมายจากอาณาเขตต่างๆ ในแดนฐิติประจิมหลั่งไหลเข้าสู่เมืองผาดาราอย่างต่อเนื่อง ในนั้นไม่ขาดบุคคลแห่งยุคไร้เทียมทาน ชื่อเสียงสะท้านใต้หล้า
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้เมืองผาดารายิ่งครึกครื้นมากขึ้นเรื่อยๆ รุ่งเรืองเป็นประวัติการณ์ บนถนนใหญ่ตรอกซอยเล็กมีเงาร่างผู้ฝึกปราณให้เห็นทุกหย่อมหญ้า
กระทั่งบรรดาผู้กล้าที่ยามปกติยากจะพบเห็น ยังมีให้เห็นทั่วไปในที่แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ขณะเดียวกันกับที่เทศกาลโคมกถามรรคกำลังจะเปิดฉาก ทั่วทั้งเมืองผาดาราก็กลายเป็นจุดรวมความสนใจจากทั่วแดนฐิติประจิม
ขุมอำนาจใหญ่ ตระกูลใหญ่นับไม่ถ้วนต่างพากันทอดสายตามองมาที่เมืองผาดารา ให้ความสนใจและตั้งตาคอยข่าวสารใหม่ล่าสุดต่างๆ
สามารถคาดเดาได้ว่าเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้จะต้องเป็นหมู่ดาวเจิดจรัส ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และจะต้องเกิดศึกชิงอำนาจและการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าสะท้านโลกไม่รู้เท่าไรเป็นแน่!
หนึ่งวันก่อนเทศกาลโคมกถามรรคจะเริ่มขึ้น ข่าวฮือฮาหาที่เปรียบไม่ได้แพร่สะพัดทั่วเมืองผาดารา ก่อให้เกิดระลอกคลื่นยักษ์
บางคนโพล่งด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าบนตัวเทพมารหลินมีศุภโชคพลิกฟ้า ซ้ำยังครอบครองสมบัติอริยะเอาไว้ด้วย เรียกได้ว่าสะท้านโลก นี่จึงทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีชาติกำเนิดจากโลกชั้นล่างอย่างเขา ถอดคราบเปลี่ยนร่างกลายเป็นบุคคลไร้เทียมทานที่พลังต่อสู้น่าสะพรึง สามารถบดขยี้คนรุ่นเดียวกันได้!
ครั้นข่าวนี้แพร่ออกไป ไป่เฟิงหลิวตกใจหน้าถอดดสี นั่งไม่ติดพื้นโดยสิ้นเชิง รีบร้อนไปหาหลินสวินทันที
เมื่อหลินสวินรู้เรื่องทั้งหมด เมฆหมอกพลันปรากฏขึ้นในใจทันที พรุ่งนี้เทศกาลโคมกถามรรคก็จะเปิดม่านอยู่แล้ว แต่วันนี้ดันมีข่าวพรรค์นี้แพร่งพรายออกไป นี่เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจฉวยโอกาสนี้เล่นงานเขา!
สมบัติอริยะ เพียงแค่คำนี้ก็เพียงพอทำให้ทุกคนตาร้อนผ่าว พาให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันบางส่วนใจเต้นน้ำลายหก
ข่าวที่เกี่ยวกับหลินสวินเช่นนี้แพร่ออกไป นี่เป็นการปลุกปั่นและกระตุ้นหัวใจทุกผู้คน ผลักหลินสวินไปอยู่ในตาพายุในชั่วขณะอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะต้องดึงดูดสายตาที่คอยสอดส่องและโลภโมโทสันได้อย่างมากมายเป็นแน่
ขอเพียงมีคนอดกลั้นไม่อยู่ ก็จะเกิดเรื่องแน่นอน!
บนโลกใบนี้ เรื่องฆ่าคนชิงสมบัติไม่ใช่เรื่องแปลก
ดังคำกล่าวที่ว่าคนไม่ผิด ผิดที่ถือครองหยก ยามที่เผชิญหน้ากับ ‘สมบัติอริยะ’ ที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานเช่นนี้ อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณทั่วไปเลย แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันยังอาจอดไม่อยู่จะลงมือช่วงชิงด้วย!
คนที่ปล่อยข่าวนี้ต้องมีเจตนาชั่วร้าย เลวทรามหาใดเปรียบ หมายจะทำให้หลินสวินกลายเป็นเป้าของทุกคนก่อนที่เทศกาลโคมกถามรรคจะเริ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย!