มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 716
ชายชราในชุดคลุมแดงยิ้มกล่าว “เจ้าหนุ่มคนนั้นจะเทียบกับคุณชายหยุนเซี๋ยได้อย่างไร ต่อให้มันบรรลุถึงแดนมหายุทธ์ ก็จะต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายแน่”

“ฮ่า ๆ ข้าชอบฟังที่เจ้าพูด อัจฉริยะบ้าบออะไรนั่น ไม่มีผลการฝึกตน อัจฉริยะก็เป็นเพียงแค่ลมตดเท่านั้น!” เฟิ่งหยุนเซี๋ยหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ

ชายชราในชุดคลุมแดงเองก็หัวเราะตาม แต่จู่ ๆ ก็สัมผัสถึงกลิ่นอายความผิดปกติขึ้นมา เขาฝึกตนมาเป็นเวลานับพันปี ผ่านการต่อสู้มามากมายนับไม่ถ้วน และไวต่อกลิ่นของความอันตรายเป็นอย่างมาก

“คุณชายระวัง!”

ชายชราในชุดคลุมแดงพลันตะโกนขึ้นมา ร่างกายก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งหยุนเซี๋ยเองก็สัมผัสถึงไอสังหารที่อยู่ด้านหลังของตนเอง ตกใจจนหน้าถอดสีขึ้นมาทันที ร่างของเขากลายเป็นเปลวไฟสายหนึ่ง ปลีกตัวหลบหลีกอย่างร้อนรน

วินาทีที่พวกเขาทั้งสองปลีกตัวหลบนั่นเอง เราร่างของบุรุษหนุ่มในชุดคลุมสีดำก็ได้ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น

เฟิ่งหยุนเซี๋ยและชายชราในชุดคลุมแดงต่างหันมามอง เห็นเพียงบุรุษหนุ่มในชุดคลุมสีดำผู้นั้นกำลังยืนมือไขว้หลัง สีหน้าเย็นชา ร่างกายเหมือนได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ทำให้ผู้คนรู้สึกยากที่จะคาดเดา

“เจ้าคือ……” เฟิ่งหยุนเซี๋ยหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าคือหลัวซิว? ข้ากำลังพูดถึงเจ้าอยู่พอดีเลย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเอาตัวเข้ามามอบให้เอง”

เฟิ่งหยุนเซี๋ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พลังจิตแท้กระเพื่อมอยู่รอบตัว ออร่าอัคคีแพร่กระจาย แสดงกระแสพลังอันแรงกล้าของมหายุทธ์ขั้นห้าออกมา

กลิ่นอายของอีกฝ่าย หลัวซิวไม่รู้สึกไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เพราะเขาเคยได้สัมผัสกระแสพลังแบบเดียวกันนี้ จากคนอื่น ๆ ของเผ่าหงส์

“คนเผ่าหงส์? เพียงแค่มหายุทธ์ขั้นห้า ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าของข้า?” หลัวซิวแสดงท่าทางเย้ยหยันออกมา จากความสามารถของเขาในตอนนี้ เป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นมหายุทธ์โดยทั่วไปอยู่ในสายตา

“เพียงแค่งั้นหรือ? ……” ใบหน้าของเฟิ่งหยุนเซี๋ยดุร้ายขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าคิดว่าตัวเองนั้นยโสโอหังมากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะโอหังยิ่งกว่าข้าเสียอีก กล้าบอกว่าข้าเป็นเพียงแค่มหายุทธ์ขั้นห้าอย่างนั้นหรือ?”

กล่าวไป กระบี่ยุทธ์ที่เป็นของขลังชั้นกลางเล่มหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาในมือของเฟิ่งหยุนเซี๋ย กระบี่ข้ามผ่านระยะห่างหลายสิบจั้ง แทงตรงเข้ามายังตรงกลางระหว่างของหลัวซิว

หลัวซิวสีหน้าไร้ความรู้สึก ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองนิ้วชิดกันเหมือนกระบี่ และจิ้มออกไปหนึ่งครั้ง

การเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจของเขา กลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนถึงขีดสุด วินาทีที่ปลายนิ้วและกระบี่กระทบกันนั่นเอง เสียงแตกหักดังเป๊าะก็ได้ดังขึ้น กระบี่ยุทธ์ในมือของเฟิ่งผลัวะนเซี๋ย หักออกเป็นสองท่อน

อะไรกันน่ะ?

เมื่อเห็นว่ากระบี่ของตนเองหักออกเป็นสองท่อนด้วยนิ้วมือเดียวของอีกฝ่าย คราวนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดยายแก่เฟิ่งหลีถึงได้เกรงกลัวคนผู้นี้เช่นนี้

หลังจากที่กระบี่หัก เฟิ่งหยุนเซี๋ยก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ทว่าปราณกระบี่อัคคีดำสายหนึ่งกลับได้ถูกดีดออกมาจากปลายนิ้วของหลัวซิว การเคลื่อนไหวเร็วกว่าการก้าวถอยหลังของเขาเสียอีก

อ้ากกก!……

เฟิ่งหยุนเซี๋ยร้องออกมาอย่างเจ็บปวด หน้าอกด้านขวาถูกปราณกระบี่อัคคีดำแทงทะลุเป็นรู ความเจ็บปวดอันแรงกล้าทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเป็นที่น่าสะพรึงกลัว

“แค่นิ้วมือเดียวของข้ายังรับมือไม่ได้ บอกว่าเจ้าเป็นเพียงแค่ ยังนับเป็นการเชิดชูเจ้าแล้ว” หลัวซิวเลิกคิ้วขึ้น ดีดนิ้วออกไปอีกหนึ่งครั้ง ปราณกระบี่อัคคีอีกสายหนึ่งได้พุ่งออกมาอีกครั้ง

เฟิ่งหยุนเซี๋ยตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง มองไปยังชายชราในชุดคลุมแดงพลางตะโกนขึ้นมา: “ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก!”

เพียงพริบตาเดียว เฟิ่งหยุนเซี๋ยก็ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บหนัก มันทำให้ชายชราในชุดคลุมแดงรับรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของหลัวซิวได้อย่างลึกซึ้ง เขาหยิบเอาม้วนหยกออกมา และบีบแตกในทันที

เพียงแค่ม้วนหยกนี่ถูกบีบแตก เฟิ่งหลีและเฟิ่งจางก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ทางฝั่งนี้ และจะต้องรบมาในทันทีแน่

ในขณะเดียวกัน ชายชราในชุดคลุมแดงก็ได้พยายามขับเคลื่อนพลังจิตแท้อย่างสุดชีวิต และพุ่งกระโจนเข้าไปหาหลัวซิว “อย่าได้ทำร้ายคุณชายหยุนเซี๋ยอย่างเด็ดขาด!”

สำหรับชายชราในชุดคลุมแดงที่มีผลการฝึกตนเพียงในระดับมหายุทธ์ขั้นหนึ่ง หลัวซิวคร้านแม้แต่จะชายตามอง ปราณกระบี่อัคคีไม่ได้หยุดลงเลยสักนิด เสียงผลัวะดังขึ้น อีกรูหนึ่งได้ถูกทิ้งเอาไว้บนร่างของเฟิ่งหยุนเซี๋ย

บทที่ 715

บทที่ 717