ตอนที่ 1340 ผู้ล่าอยู่ด้านหลัง

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1340 ผู้ล่าอยู่ด้านหลัง โดย Ink Stone_Fantasy

“ศัตรูเห็นพวกเราแล้ว! เร็ว เก็บของขึ้นรถ ทุกคนถอยกลับทางเดิม!”

ถึงแม้จะไม่รู้ว่ากองทัพที่หนึ่งรู้ความเคลื่อนไหวของปีศาจได้อย่างไร แต่ฟาร์รีนาที่ได้ยินคำสั่งก็รีบกระโดดขึ้นไปบนรถบรรทุกทันที

เธอปิดวาล์วไอเสียอย่างชำนาญ ก่อนจะดันคันบังคับกลไกเปิดปิดลูกบาศก์เวทมนตร์ให้กลับไปยังตำแหน่งเริ่มต้น กระบอกสูบตรงหัวรถสั่นดังปังๆ ขึ้นมา เข็มวัดแรงดันค่อยขยับไปทางขวา ก่อนจะไปหยุดอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมใช้งาน

นี่หมายความว่าขอเพียงปล่อยเบรก รถก็จะเคลื่อนที่ออกไปได้ทุกเมื่อ

เธอชะโงกหน้าออกไปมองดูบนเนินเขา ก่อนจะมองเห็นยอดเขาที่เมื่อครู่นี้ปกคลุมไปด้วยหมอกแดงได้ชัดเจนขึ้นมา หมอกแดงที่เหมือนควันพิษกำลังสลายหายไป ขณะเดียวกันบนพื้นที่ปกคลุมได้ด้วยหิมะสีขาวก็มีจุดดำๆ เหมือนเม็ดงาปรากฏขึ้นมาเต็มปหมด พวกมันแห่ลงเนิน พุ่งเข้ามาหาหน่วยรถบรรทุกราวกับมดที่แตกรัง บนท้องฟ้าเองก็มีปีศาจบินได้ปรากฏขึ้นมาหลายสิบตัว ดูท่าทางพวกมันแล้วเหมือนไม่คิดที่จะปล่อยให้พวกเธอหนีไป

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ฟาร์รีน่านึกถึงกำแพงเมืองเฮอร์มีส

ที่นั่น สัตว์อสูรนับหมื่นๆ ตัวก็พุ่งเข้ามาหาแนวป้องกันของทหารพิพากษาเช่นนี้เหมือนกัน

“ออกเดินทางได้!” แม่มดอาญาสิทธิ์คนหนึ่งตบประตูรถ นี่เป็นสัญญาณว่าสมาชิกทุกคนพร้อมถอยแล้ว

ฟาร์รีน่าสูดหายใจพร้อมกับดึงก้านเบรคขึ้นมา

รถบรรทุกไอน้ำค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป

หน่วยรถบรรทุกอื่นๆ เองก็ขยับรถของพวกเขาเหมือนกัน

ตั้งแต่เลี้ยวรถจนกระทั่งขับออกไปจากพื้นที่โจมตี ทุกคนต่างทำได้อย่างไร้ที่ติ เรียกได้ว่าวมบูรณ์แบบมากกว่าตอนที่สอบเสียอีก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ระยะห่างของพวกเขากับปีศาจก็ไม่ได้ทิ้งห่างเลย ในตอนที่หน่วยรถบรรทุกเร่งความเร็วไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ปีศาจที่ไล่ตามมาจากบนฟ้ากลับขยับเข้ามาใกล้พวกเขามากขึ้น

“แย่…แย่แล้ว พวกมันเร็วมากเลย แบบนี้พวกเราต้องถูกไล่ตามทันแน่!” โจตะโกนอย่างร้อนใจ

ฟาร์รีน่าจับพวงมาลัยไว้แน่น บินด้วยปีกมันย่อมต้องเร็วกว่าวิ่งอยู่บนพื้นอยู่แล้ว ในจุดนี้ใครๆ ต่างก็รู้ ในเมื่อศัตรูมีปีศาจที่บินได้ ช้าเร็วพวกเธอก็ต้องถูกไล่ตามทันแน่ แต่เมื่อคิดถึงว่าคนเกรย์คาสเซิลสู้กับปีศาจมานานขนาดนี้ พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่รู้ถึงเรื่องนี้แน่ อย่างนั้นความหวังเดียวในตอนนี้ก็คือพวกเขาได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้เอาไว้แต่แรกแล้ว

ไม่ว่าหลังจากนี้กองทัพที่หนึ่งจะรับมืออย่างไร นั่นมันก็เป็นศึกที่เธอไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้

ดังนั้นเหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเธอในตอนนี้ก็คือขับรถบรรทุกคันนี้ให้ดี อย่างเป็นตัวถ่วงคนอื่นๆ

“ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน มองทางข้างหน้าเอาไว้ ถ้ามีหลุมให้รีบเตือนข้าด้วย!” เธอพูดโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน

โจกลืนน้ำลาย จากนั้นจึงพยักหน้าแรงๆ “ข้าเข้าใจแล้ว!”

…..

ในเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สิ่งเดียวที่กู๊ดมองเห็นนั้นมีแต่หางของซีกัลและไฟนำทางที่สว่างขึ้นมาเป็นพักๆ

การอยู่ในชั้นเมฆมาเป็นเวลานานทำให้เขาสูงเสียการรับรู้ทิศทางและความสูงไป การบินในสภาพแบบนี้ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังและสมาธิอย่างมาก เขาจำเป็นต้องรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มีเอาไว้ถึงจะสามารถรักษาตำแหน่งของเครื่องบินเอาไว้ได้

เมื่อดูจากการเปลี่ยนแปลงของเข็มทิศแล้ว นอกจากตอนแรกที่เป็นตรงมาทางเหนือแล้ว เวลาที่เหลืออัศวินอากาศล้วนแต่บินวนอยู่รอบๆ พื้นที่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังรอให้ศัตรูปรากฏตัวออกมา

ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร กู๊ดไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย

นอกจากความสับสนและความรู้สึกกดดันที่สลัดออกไปไม่หลุดแล้ว สภาพแวดล้อมอันย่ำแย่ในชั้นเมฆเองก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน ไอน้ำชื้นๆ จับตัวเองผลึกอยู่ตรงหน้ากระจกและลำตัวเครื่องนี้ ถึงแม้ลมหนาวจะถูกซับในยางที่อยู่ในชุดนักบินป้องกันเอาไว้ แต่ความชื้นในอากาศก็ยังทำให้ร่างกายสูญเสียความอบอุ่นไป ทำให้มือและเท้าของเขาเชื่องช้าเหมือนท่อนไม้

ถ้าไม่เป็นเพราะด้านหลังเขายังมีฟินกิ้นคอยชวนคุยบ้าง เขาคิดว่าตัวเองคงจะทนมาไม่ได้ถึงตอนนี้

องค์หญิงทิลลีเคยตรัสเอาไว้ว่าฝ่าบาทกำลังวิจับอุปกรณ์สื่อสารชนิดหนึ่งอยู่ มันสามารถทำให้คนที่อยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันสามารถพูดคุยกันได้ ตอนนี้เขาได้แต่หวังให้อุปกรณ์ที่ว่านี้สร้างสำเร็จโดยเร็ว

“ดูนั่น ไฟเปลี่ยนสีแล้ว!”

ฟินกิ้นพลันตะโกนออกมา

กู๊ดมองไปทางซีกัลป์ ก่อนจะเห็นไฟสีเหลืองที่อยู่ตรงด้านหลังเครื่องบินเปลี่ยนเป็นสีแดงสด

เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที!

ไฟสีแดงหมายถึงสัญญาณบุกโจมตี ทันทีที่ไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดง นั่นก็หมายความว่าพวกเขาควรจะบินออกจากชั้นเมฆลงไปด้านล่าง จากนั้นก็เปิดฉากโจมตีใส่ศัตรู!

ส่วนศัตรูจะเป็นใครจะไปสนใจทำไมล่ะ

ยังไงซะมันก็ดีกว่าบินวนอยู่ในชั้นเมฆที่เหมือนกับเขาวงกตนี้!

กู๊ดกดคันบังคับลงอย่างไม่ลังเล

ชั้นเมฆสีขาวปกคลุมเขาทันที

ในตอนที่ทัศนวิสัยกลับมาเป็นเหมือนเดิม กู๊ดพลันรู้สึกเบาไปทั่วทั้งร่างกาย พื้นดินสีขาวสลับดำกับท้องฟ้าที่เทาอึมครึมกลายเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม สิ่งที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาพร้อมกันยังมีอสูรสยองที่บินสลับไปสลับมากลุ่มหนึ่ง พวกมันไม่ได้สังเกตเห็นอัศวินอากาศที่บินมุดลงมาจากชั้นเมฆเลย พวกมันอยู่ห่างจากพื้นไม่ถึง 300 เมตร เป้าหมายของพวกมันคือหน่วยรถบรรทุกที่วิ่งอยู่บนพื้น

ส่วนหัวเครื่องบินของพวกเขาก็ชี้ไปยังทิศทางที่ศัตรูกำลังมุ่งหน้าไปพอดี นี่ถือเป็นมุมการยิงที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก ขอเพียงควบคุมมุมก้มเงยของเครื่องบินให้ดี กระสุนที่ยิงออกไปก็จะสาดทะลุกลุ่มของศัตรูได้ ยิ่งไปกว่านั้นอัศวินอากาศยังได้เปรียบในเรื่องความสูงด้วย หลังยิงรอบแรกออกไปแล้ว ไม่ว่าอสูรสยองจะตอบโต้อย่างไร พวกมันก็ยากที่จะสลัดหลุดการไล่ยิงของเครื่องบินปีกสองชั้นได้

เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบตามตำราเป๊ะ

ความกลัดกลุ้มที่ต้องแอบซ่อนตัวอยู่ในชั้นเมฆสลายหายไป กู๊ดกดหัวเครื่องบินพุ่งลงไปพร้อมกับกดปุ่มยิงปืน

ฟินกิ้นที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ส่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา

บนท้องฟ้ามีลำแสงสีเงินสิบกว่าเส้นปรากฏขึ้นมาทันที พวกมันยิงเข้าใส่กลุ่มอสูรสยองจากมุมที่แตกต่างกัน เมื่อเจอกับการโจมตีที่มาอย่างกะทันหัน ปีศาจไม่สามารถทำการตอบโต้ใดๆ ได้ ดอกไม้เลือดหลายดอกเบ่งบานขึ้นมาบนท้องฟ้า ปีศาจกับอสูรสยองที่โดนยิงร่วงตกลงไปข้างล่างราวกับก้อนหิน

ในเวลานี้พวกมันถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้ล่าเพียงหนึ่งเดียวบนสนามรบนี้

ฝูงปีศาจแยกตัวออก ปีศาจกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าไปหาหน่วยรถบรรทุก อีกฝ่ายก็หันหัวเลี้ยวมา เหมือนพวกมันคิดจะสู้ตายกับอัศวินอากาศ

26 ตัว กู๊ดนับจำนวนอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

ในอีกแง่หนึ่ง จำนวนของทั้งสองฝั่งเหมือนจะเท่ากัน หากตัดพวกอสูรสยองลาดตระเวนไม่กี่ตัวที่เขาเคยเจอไปก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นศึกกลางอากาศขนาดใหญ่ครั้งแรกของพวกเขา

“โบกธงให้ไฮน์ ให้เขาตามพวกเรามา!”

เขาตะโกนเสียงดัง

ในเวลาสั้นๆ แค่ 20 วินาที อัศวินอากาศก็บินผ่านหัวอสูรยองไป การโจมตีรอบแรกจบลงด้วยชัยชนะของพวกเขา

ด้วยความเร็วจากการที่พุ่งลงไป เฮฟเว่นเฟลมที่กู๊ดขับอยู่จึงทำการบินวกกลับตัดเข้าไปยังด้านหลังของอสูรสยองที่พยายามจะบินไต่ระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันไม่ถึง 200 เมตร เขามองเห็นปีศาจคุ้มคลั่งกำลังพยายามหมุนตัวเพื่อหามุมขว้างหอกเหมาะๆ

แต่เขาไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายได้มีโอกาสนั้นแน่นอน

ปากกระบอกปืนพ่นเปลวไฟออกมา กระสุนส่องวิถีที่ปล่อยแสงสว่างออกมาพุ่งทะลุด้านหลังของอสูรสยองราวกับดาวตก การร่วงตกลงไปของอสูรสยองทำให้ความพยายามที่จะปาหอกของปีศาจคุ้มคลั่งพังทลายลง ถึงแม้จะไม่โดนยิ่งใส่ แต่การตกจากความสูงระดับนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน

ฟินกิ้นผิวปากออกมา

เพื่อนอัศวินอากาศคนอื่นๆ พากันล็อกเป้าหมายของตัวเอง ทั้งสองฝ่ายโรมรันเข้าใส่กัน

การโจมตีรอบที่สองเริ่มต้นขึ้นแล้ว

…………………………………………………………………………