บทที่ 1293 พวกเราจะแก้แค้นแทน

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“นี่..เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!”
  “เด็กหนุ่มร่างยักษ์ผู้นี้มีพลังป้องกันยอดเยี่ยมยิ่งนักเพียงแค่หมัดเดียวก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้วรึ ”
  “ดูเหมือนเด็กผู้นี้กับแม่ชีนั่นต่างก็อยู่ขั้นเซียงเทียน-5เหมือนกัน เพียงแต่นางมีพลังปราณในการโจมตี แต่กลับไม่มีพลังป้องกันตัว!”
  “ดูเหมือนเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยด้วย!แต่แม่ชีนั่นเจ็บหนักทีเดียว!”
  “ตี้เสี่ยวอู๋งั้นรึ!ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย..”
  ดังคำพูดว่าอยู่มาชั่วชีวิตกลับไม่มีผู้คนรู้จัก แต่ชนะเพียงแค่ครั้งเดียวผู้คนต่างโจษจัน..
  ตี้เสี่ยวอู๋ได้รับการถ่ายทอดวิชาและมีหลิงหยุนเป็นผู้ฝึกฝนให้ด้วยตัวเองมานานกว่าครึ่งปีเขาไม่เคยได้สำแดงฝีมือมาเลยก่อนหน้านี้ แต่เพียงแค่หมัดเดียวกลับสร้างชื่อเสียงให้ตนเองอย่างน่าเหลือเชื่อ เวลานี้ผู้คนต่างพากันตกอกตกใจ!
  แม้แต่ตี้เสี่ยวอู๋เองก็รู้สึกดีกับการได้รับความชื่นชมเช่นนี้ในที่สุดเขาก็เพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงย้ำให้เขาฝึกฝนอยู่ทุกวี่ทุกวัน เวลานี้ตี้เสี่ยวอู๋ตื่นเต้นอย่างที่สุด!
  –เจ้าบ้านี่!ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึว่าแค่สั่งสอนก็พอ!-
  ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเวลานี้แม่ชีมี่ยู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และคงต้องนอนรักษาตัวนิ่งๆกว่าครึ่งเดือนทีเดียว หลิงหยุนจึงอดที่จะตำหนิตี้เสี่ยวอู๋ไม่ได้
  –ลูกพี่!ข้าทำตามคำสั่งของท่านแล้ว แค่สั่งสอน ไม่ได้ฆ่านางสักหน่อย!- ตี้เสี่ยวอู๋รีบอธิบายให้หลิงหยุนฟังทันที
  –คิดว่าข้าเชื่อเจ้างั้นรึเจ้าไม่ควรใช้กำลังขั้นสุด ควรใช้เพียงหกสิบส่วนก็พอ!-   –พี่หยุน!ข้าผิดไปแล้ว ครั้งหน้าข้าจะระมัดระวังมากกว่านี้! แต่ตอนนี้ขอข้าดื่มด่ำกับคำชื่นชมก่อน–
  จากนั้นตี้เสี่ยวอู๋ยืนยิ้มอยู่กลางลานกว้างพร้อมกับสื่อสารกับหลิงหยุนผ่านทางกระแสจิต
  หลิงหยุนถึงกับพูดโมโหจนพูดไม่ออกจากนั้นเขาจึงเอ่ยถามทุกคนว่าผู้ใดต้องการที่จะลงมือเป็นคนต่อไป
  –ข้าพร้อมลงมือแล้ว..–เสียงของเย่ซิงเฉินดังขึ้นทันที
  –คุณชายหลิงข้าก็พร้อมเช่นกัน– หวังชงเซียวตอบ
  –พี่หลิงหยุนเซียนเอ๋อก็อยากจะลงมือแล้วเช่นกัน..-
  แต่ใช่ว่าทางฝ่ายของหลิงหยุนเท่านั้นที่พร้อมจะประมือแต่ฝ่ายของอารามจิ้งซินเองก็ดูเหมือนจะไม่ยอมรามือเช่นกัน
  ……  “อามิตตาพุทธดูท่าคืนนี้อารามจิ้งซินคงตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแล้ว…”
  ยอดฝีมือสองคนที่ยืนอยู่ทางด้านฝั่งตะวันออกของลานประมูลกำลังสนทนากันทั้งคู่นั้นคนหนึ่งคือหลวงจีนเจี๋วยหยวนแห่งวัดเส้าหลิน อีกคนคือนักพรตชงซวีแห่งสำนักบู๊ตึ๊ง หลังจากที่เห็นฝีมือของตี้เสี่ยวอู๋จึงอดที่จะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้
  ทั้งหลวงจีนเจี๋ยวหยวนและนักพรตชงซวีต่างก็นับเป็นระดับผู้นำของยุทธภพทั้งคู่ล้วนช่ำชองในเรื่องวรยุทธ เมื่อได้เห็นวิชาหมัดเถียนกังที่ตี้เสี่ยวอู๋ใช้นั้น เหมือนกับที่หลิงหยุนเคยใช้เมื่อครั้งที่ต่อสู้กับยอดฝีมือบนเขาหลงเหมิน
  “ดูเหมือนคืนนี้คนของหลิงหยุนก็มาร่วมด้วยไม่น้อยทีเดียวแม่นางฉินเองก็ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเรานี่เอง..”
  “ใช่แล้ว!โม่วู๋เตาจากสำนักเหมาซานก็เดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้ คิดไม่ถึงว่านักพรตน้อยนั่นติดตามหลิงหยุนเพียงแค่ไม่นาน ก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-4 ได้แล้ว! ช่างก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งนัก!”
  “คืนนี้อารามจิ้งซินคงต้องเจอกัยปัญหาใหญ่แล้วล่ะ..”
  เมื่อครู่ที่แม่ชีมี่ยู่ลงมือนั้นทั้งหลวงจีนเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีต่างก็เห็นว่าไม่ถูกต้อง แต่พวกเขาก็คร้านที่เข้าไปห้ามปราม
  จากนั้นหลวงจีนเจี๋วยหยวนก็หันไปพูดกับนักพรตชงซวีว่า“ข้ายังไม่เห็นหลิงหยุนโผล่หน้ามาเลย ชงซวี.. ท่านเห็นเขาบ้างหรือไม่”
  นักพรตชงซวีส่ายหน้า“เขาต้องมาแน่ๆ แต่อาจจะไม่ใช่คืนนี้!”
  “อามิตตาพุทธ..”หลวงจีนเจี๋วยหยวนพูดพนมมือข้างหนึ่งไว้บนอก เขาถอนหายใจพร้อมกับพูดต่อว่า
  “คืนพรุ่งนี้คงต้องมีเรื่องที่น่าตกใจเกิดขึ้นอีกเป็นแน่..”
  นักพรตชงซวีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!”
  ……
  ตี้เสี่ยวอู๋ที่อยู่กลางลานประมูลนั้นในที่สุดก็เอ่ยออกมาว่า “ช่างน่าโมโหนัก! เพราะนังโจรเฒ่านี่แท้ๆ ทำให้การประมูลของข้าต้องสะดุด”
  จากนั้นจึงหันไปยิ้มให้กับเฉิงเม่ยเฟิง“พี่เม่ยเฟิง เวลานี้ไม่มีผู้ใดห้ามท่านอีกแล้ว มาช่วยข้าพิสูจน์สรรพคุณของโอสถทั้งสองเร็วเข้า!”
  ในเวลานั้นศิษย์อารามจิ้งซินต่างก็กำลังโกลาหลวุ่นวาย จึงไม่มีใครคิดห้ามเฉิงเม่ยเฟิงอีก และได้แต่ทำเป็นหลับหูหลับตาไป
  ในขณะนั้นเฉิงเม่ยเฟิงเองก็กำลังตกใจเมื่อได้เห็นตี้เสี่ยวอู๋ทำร้ายแม่ชีมี่ยู่จนบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นแต่ในใจลึกๆของนางกลับรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก
  เฉิงเม่ยเฟิงไม่แม้แต่จะเข้าไปดูอาการของแม่ชีมี่ยู่และทันทีที่ตี้เสี่ยวอู๋ร้องเรียกอีกครั้ง นางก็เดินยิ้มตรงเข้าไปหาทันที
  “หลี่เฉินเจ้าห้ามไป!”
  แต่ในนาทีนั้นเองเสียงร้องตะโกนห้ามก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นแม่ชีมี่หลิน หลังจากที่นางให้ศิษย์น้องสองสามคนช่วยกันดูแลแม่ชีมี่ยู่แล้ว จึงได้เดินตรงเข้ามาหาเฉิงเม่ยเฟิงพร้อมกับห้ามปรามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
  “เหตุใดข้าจึงไปไม่ได้”
  เฉิงเม่ยเฟิงไม่เรียกแม่ชีมี่หลินว่าอาจารย์เช่นกันนางได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่กลับไปที่อารามจิ้งซินอีกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
  นั่นเพราะสิ่งที่แม่ชีมี่ยู่ได้กระทำต่อนางนั้นทำให้เฉิงเม่ยเฟิงไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของอารามจิ้งซินอีกต่อไป
  “หลี่เฉินเจ้าไม่เห็นรึว่าตี้เสี่ยวอู๋ผู้นี้ดูถูกอารามจิ้งซินเช่นใด เวลานี้ยังทำร้ายอาจารย์ของเจ้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาเป็นศัตรูของสำนักเรา หากเจ้ายังก้าวเท้าออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะนับว่าเจ้ากับอารามจิ้งซินตัดขาดกันแล้ว!”
  เฉิงเม่ยเฟิงฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มเย็นและกำลังจะโต้เถียงกลับไป แต่ในเวลานั้นเองตี้เสี่ยวอู๋ก็เป็นฝ่ายตอบกลับไปแทน
  “นี่..ข้าว่าอารามจิ้งซินทำเกินไปแล้ว! ข้าเพิ่งได้พบพี่สาว เพียงแค่อยากพูดคุยกับนางสักสองสามคำ ให้นางมาช่วยข้าเล็กๆน้อยๆ แต่พวกเจ้ากลับห้ามปรามไม่ยินยอมเช่นนี้ ไม่เท่ากับรังแกนางมากไปหน่อยรึ”
  “ส่วนนางโจรเฒ่านั่นนางเป็นฝ่ายบุกเข้ามาหมายสังหารข้าก่อน ข้าจะปกป้องตัวเองไม่ได้เชียวรึ เจ้าลองถามทุกคนในที่นี้ดูว่า ข้าตี้เสี่ยวอู๋ใช่ฝ่ายผิดหรือไม่? อ่อ.. นางโจรเฒ่านั่นฝีมือสู้ข้าไม่ได้เอง เจ้ากลับกล่าวหาว่าข้าเป็นศัตรูของสำนักเจ้า หรือเจ้าต้องการหาเรื่องประมือกับข้าเพื่อกอบกู้หน้าให้กับสำนักของเจ้างั้นรึ?”
  เมื่อก่อนตี้เสี่ยวอู๋หาใช่คนที่พูดเก่งมากนักนับตั้งแต่ที่เขาติดตามหลิงหยุนมานั้น จึงได้เรียนรู้เรื่องคำพูดคำจามาจากหลิงหยุนมากมาย
  แม่ชีมี่หลินถึงกับนิ่งเงียบเพราะนางเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาโต้เถียงตี้เสี่ยวอู๋ได้เช่นกัน ในเมื่อสหายที่รักใคร่กันเสมือนพี่เสมือนน้องได้กลับมาพบเจอกัน นางก็ไม่อาจห้ามปรามเฉิงเม่ยเฟิงได้เช่นกัน!
  “ทำไมนี่เจ้าถึงกับเถียงไม่ออกเลยสินะ? พี่เม่ยเฟิง ท่านอย่าได้สนใจคนไร้เหตุผลเช่นนั้นอีกเลย สำนักกระจอกๆเช่นนี้ ไม่ควรต้องอยู่ต่อไปด้วยซ้ำ!”
  การกระทำของตี้เสี่ยวอู๋เวลานี้ต้องเรียกว่า‘ยะโสโอสัง’ ยิ่งนัก!
  ความจริงแล้วแม่ชีมี่หลินเองก็ไม่อาจโต้เถียงได้จึงได้แต่นิ่งเงียบแต่เมื่อได้ยินตี้เสี่ยวอู๋ดูถูกอารามจิ้งซินว่าเป็นสำนักกระจอก นางก็ไม่อาจอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป เพราะนี่เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงและหน้าตาของอารามจิ้งซิน หากปล่อยไปเช่นนี้ต่อไปชาวยุทธภพจะเห็นอารามจิ้งซินอยู่ในสายตาได้อย่างไร
  “นี่เจ้า..เจ้ามันไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ! บังอาจดูถูกอารามจิ้งซินเช่นนี้เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ!”
  ยังไม่ทันที่แม่ชีมี่หลินจะได้กล่าวอันใดออกมาหลี่ซื่อเห็นตี้เสี่ยวอู๋ซึ่งอยู่เพียงแค่ขั้นเซียงเทียน-5 เท่านั้น แต่กลับหาญกล้าดูถูกอารามจิ้งซินต่อหน้าชาวยุทธเช่นนี้ นางจึงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
  “อาจารย์น้าสองคนผู้นี้บังอาจดูหมิ่นอารามจิ้งซิน ข้าไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป จะขอประมือกับเขาเอง!”
  แม่ชีมี่หลินมีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่แล้วก็พยักหน้า
  เมื่อได้รับอนุญาตจากแม่ชีมี่หลินหลี่ซื่อก็กระโดดเข้าไปหาตี้เสี่ยวอู๋ที่กลางลานประมูลทันที
  “แย่แล้ว!ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 งั้นรึ”   “เฮ้อ..เด็กนั่นไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ ถึงกับกล้าทำให้คนของอารามจิ้งซินโกรธ..”
  “เด็กนั่นหาเรื่องเข้าตัวแท้ๆ!”
  เฉิงเม่ยเฟิงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับเหงื่อตกและกำลังจะร้องเตือนตี้เสี่ยวอู๋ให้ระวังตัว แต่แล้วจู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูนาง
  –พี่เม่ยเฟิง..ไม่ได้พบกันนาน ท่านคิดถึงข้าบ้างหรือไม่-
  ทันทีที่ได้ยินเสียงของเสี่ยวเม่ยเม่ยเฉิงเม่ยเฟิงก็รู้สึกว่าสมองของตนปั่นป่วนขึ้นมาทันที เพราะเสียงนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนัก ‘เสี่ยวเม่ยเม่ย!’
  ร่างของเฉิงเม่ยเฟิงถึงกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง!
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนอยู่ในก้นหลุมยักษ์นั้นจู่ๆฉินจิวยื่อก็หายตัวไป ตี้เสี่ยวอู๋ก็ถูกจับ เสี่ยวเม่ยเม่ยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เพียงชั่วข้ามคืนเมืองจิงฉูกลับพลิกผันกลับด้าน ในเวลานั้นเหลือเพียงเฉิงเม่ยเฟิงที่ต้องเผชิญหน้ากับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซันแต่เพียงผู้เดียว!
  แต่ตอนนี้..ทั้งตี้เสี่ยวอู๋ และเสี่ยวเม่ยเม่ยกลับมาอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เฉิงเม่ยเฟิงสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างได้อย่างไรกัน!
  ‘แล้วหลิงหยุนจะมาด้วยหรือไม่’
  เฉิงเม่ยเฟิงไม่ได้พูดออกมาเพียงแค่คิดในใจเท่านั้น เวลานี้นางไม่หวาดกลัวว่าจะต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้วหากคิดถึงเขา แต่นางกลัวคำตอบมากกว่า..
  –พี่เม่ยเฟิง..เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่สามารถช่วยท่านไว้ได้ในครั้งนั้น แต่ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่ยืนดูนิ่งๆก็พอ–
  –พวกเราจะแก้แค้นแทนท่านเอง!-
  เสี่ยวเม่ยเม่ยไม่คิดปราณีอารามจิ้งซินเลยแม้แต่น้อยในสายตาของนางคนของอารามจิ้งซินล้วนแล้วแต่เป็นคนชั่วช้าทั้งสิ้น!   เวลานี้เฉิงเม่ยเฟิงกำลังตื่นเต้นอย่างที่สุดนางยืนจ้องมองคนสองคนที่ยืนอยู่กลางลาน
  ตอนนี้ศิษย์อารามจิ้งซินกำลังอาศัยขั้นที่เหนือกว่าตี้เสี่ยวอู๋ถึงสามขั้นคิดจะสังหารเขาที่เวลานี้ไม่มีแม้แต่อาวุธในมือ
  –ครั้งนี้อย่าได้ปราณี!-
  เมื่อเห็นว่าครั้งนี้เป็นผู้ที่อาสาประมือกับหลิงหยุนคือแม่ชีหลี่ซื่ออยู่ในขั้นเซียงเทียน-8หลิงหยุนจึงสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ลงมือได้อย่างเต็มที่
  และทันทีที่ตี้เสี่ยวอู๋ส่งพลังหมัดของตนออกไปอย่างเต็มที่เสียงพลังปราณที่ปะทะกันของทั้งสองฝ่ายก็ดังปัง! สนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ เศษดิเศษหินปลิวว่อนไปทั่ว
  กร๊อบ!
  เสียงคล้ายกระดูกแตกหักดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ผลปรากฏว่าไหล่ขวาของหลี่ซื่อนั้นถูกหมัดของตี้เสี่ยวอู๋ชกจนกระดูกหัก แต่ตี้เสี่ยวอู๋ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น
  เขาใช้วิชาฝ่าเท้าวายุเตะตรงเข้าที่ท้องน้อยของแม่ชีหลี่ซื่ออย่างสุดแรงอีกครั้งจนร่างของนางลอยละลิ่วขึ้นไปกลางอากาศ!
  แล้วศิษย์ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8ของอารามจิ้งซิน ก็ถูกตี้เสี่ยวอู๋ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสไปอีกคน