บทที่ 2711 ครอบครัวสามคน 2
กู้ซีจิ่วกำลังจะเล่าความเป็นมาของอีกฝ่ายออกมา หยกนภาที่อยู่บนข้อมือพลันส่งกระแสจิตหาเธออย่างรวดเร็ว ‘เจ้านาย บอกไม่ได้นะ!’
กู้ซีจิ่วผงะไปแวบหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนถ้อยคำกลางคัน “เขาเป็นไอ้สารเลวที่ร้ายกาจยิ่งกว่าซ่างเสิน…”
ตี้ฝูอีจ้องมองหยกนภาแวบหนึ่ง หยกนภาพลันหดตัว แกล้งตายอีกครั้ง
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ ฐานะของฟั่นเชียนซื่อคนนั้นก็เกี่ยวข้องกับลิขิตสวรรค์ด้วยสินะ? มิเช่นนั้นเหตุใดหยกนภาต้องขัดขวางด้วย?
ถึงอย่างไรตี้ฝูอีก็เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์มาหมื่นปีแล้ว เรื่องที่ไม่อาจแพร่งพรายหรือฝ่าฝืนลิขิตสวรรค์พวกนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้ว
หากแพร่งพรายลิขิตสวรรค์ จะทำให้เรื่องราวพัฒนาไปในทิศทางที่เลวร้ายกว่าเดิม ควบคุมไม่ได้กว่าเดิม
ร้ายกาจยิ่งกว่าซ่างเสิน คืออะไรกัน?
เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็ถูกเขาปัดทิ้งไป
เป็นไปไม่ได้!
เขาเคยได้ยินเสินจิ่วหลีเล่าถึงเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ กล่าวกันว่าเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์อยู่เหนือหกภพภูมิ รับผิดชอบความรุ่งเรื่องล่มสลายของโลกหล้า บัญญัติกฏเกณฑ์ลิขิตสวรรค์ขึ้นมา เข้มงวดเที่ยงธรรม ไม่มีความลำเอียงใดๆ และไม่มีความรู้สึกส่วนตัวอันใด
แล้วเทพที่เป็นเช่นนี้จะใช้สิ่งชั่วร้ายอย่างกู่แม่ลูกเพื่อปองร้ายผู้อื่นได้อย่างไร?
เพียงแต่ดูจากท่าร่างพลังเวทย์ตอนที่เขาหลบหนีแล้วสูงส่งยิ่งนักจริงๆ หากว่าปะทะกันอย่างซึ่งหน้า ยังไม่แน่ว่าตนจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ แต่คนผู้นี้กลับเลือกที่จะหลบหนีไปทันที
ตี้ฝูอียังไม่ทันได้มองรูปโฉมของอีกฝ่ายให้ชัดเจนด้วยซ้ำ!
ฟั่นเชียนซื่อผู้นี้เต็มไปด้วยความน่าพิศวง ตี้ฝูอีก็คาดเดาจุดสำคัญในนั้นไม่ออกไปชั่วขณะเช่นกัน
เพียงแต่ ในเมื่อคิดไม่ออกเขาจึงไม่คิดแล้วเสียเลย
ขอเพียงนางกลับมาสู่ข้างกายของตนอย่างปลอดภัยไม่บุบสลาย ทุกอย่างที่เหลือล้วนอย่างไรก็ได้ ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินตั้งรับก็พอ
กู้ซีจิ่วไม่อาจพูดความจริงได้ จึงค่อนข้างรู้สึกผิดต่อเขาอยู่บ้าง
ยามนี้ซุกอยู่ในอ้อมอกของเขา อ้อมอกของเขาอบอุ่นเช่นที่ผ่านมา ทำให้เธอสบายใจอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริงอยู่บ้าง
เขาปรากฏตัวขึ้นได้ทันเวลาจริงๆ!
“ข้า…นึกว่าเร็วสุดก็อีกหนึ่งปีให้หลังท่านถึงจะตามมาได้ ไม่นึกเลยว่าท่านจะมาได้เร็วขนาดนี้”
“อืม รังเกียจที่ข้ากลับมาเร็วหรือไง?” น้ำเสียงตี้ฝูอีผะแผ่ว
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าคาดหวังให้ท่านกลับมาเร็วหน่อยอยู่แล้ว!” กู้ซีจิ่วรีบเอ่ยแย้ง
“คิดถึงข้าไหม?”
“คิดถึงสิ เพียงแต่รู้สึกว่าคิดถึงไปก็ไม่มีประโยชน์…” สุ้มเสียงของกู้ซีจิ่วเจือความหม่นหมองเอาไว้เล็กน้อย หลายวันมานี้เธอยุ่งง่วน และเป็นการจงใจทำให้ตัวเองไม่คิดถึงเขา รสชาติของความคะนึงหาโหดร้ายเกินไป กู้ซีจิ่วพยายามจะขจัดออกไปอย่างสุดกำลัง
“ทำไมจะไม่มีประโยชน์ล่ะ? หากเจ้าพยายามคิดถึงข้าให้มากหน่อย ไม่แน่ว่าข้าอาจจะกลับมาเร็วขึ้นก็ได้!” ตี้ฝูอียื่นมือเชยคางนาง จุมพิตริมฝีปากนางทีหนึ่ง “เจ้าต้องคิดถึงข้าไม่พอแน่นอน! ข้าชักสงสัยแล้วว่าเจ้าลืมข้าไปแล้วกระมัง!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
นี่มันเป็นการอนุมานที่ไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกันเลยไม่ใช่หรือไง?
เธอช้อนตามองเขา ขอคำชี้แนะด้วยความจริงใจ
ตี้ฝูอีมองดวงตาที่สดใสเปล่งประกายของนาง ยิ้มอย่างเฉื่อยชาแวบหนึ่ง “เรื่องนี้ประเดี๋ยวค่อยเล่าให้เจ้าฟัง ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำอยู่!”
“เรื่องสำคัญอะไร…” กู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้เอ่ยคำถามนี้จบก็ถูกเขากลบฝังกลับไปหมดแล้ว! ใช้ริมฝีปากอุดปากเธอไว้
เขากอดเธอไว้แน่น ยามที่ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมา หัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นมา
การกระทำของเขาแข็งกร้าวนัก เผด็จการยิ่ง เต็มไปด้วยความปรารถนาอันล้ำลึก ราวกับพายุฝนโหมกรรโชก ดูดกลืนเธอเข้าไปทั้งตัว
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่ถามอะไรอีก พริ้มตาลงตอบรับสัมผัสของเขา ยอมรับจุมพิตอันเร่าร้อนของเขา…
ช่วงที่ผ่านมาเธอก็คิดถึงเขาจนแทบบ้าแล้ว!
และจำเป็นต้องเร่งใช้จุมพิตอันเร่าร้อนเพื่อสัมผัสถึงกันและกันอย่างแท้จริง
….
กวนย่าหนิงยืนอยู่หน้าแผงควบคุม พยายามเพ่งมองออกไปไกล เขามองจนเซ่อไปแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 2712 ครอบครัวสามคน 3
ยานรบของท่านจอมพลแข็งแกร่งมากขนาดไหนใครๆ ก็รู้กันดี เรียกได้ว่าไม่มีทางทำลายได้ จากถ้อยคำที่ท่านจอมพลตวนมู่เหยี่ยนพูดคือนั่นเป็นลาภอันประเสริฐแล้ว มีอานุภาพดับตะวันจันทราได้ กลับคาดไม่ถึงเลยว่ายานรบลำนั้นจะพังทลายลงในเสี้ยววินาที…
ถึงขั้นที่เขาเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำว่าเป็นอะไรกันแน่ที่โจมตีมัน วินาทีที่ยานรบลำนั้นพังทลาย ปากของเขาก็อ้ากว้างจนเพียงพอจะยัดไข่ไก่ลูกหนึ่งเข้าไปได้เลย! แทบนึกว่าตนเองตาฝาดไปแล้ว
ส่วนตี้เฮ่าน้อยที่อยู่ข้างกายของเขากลับถอนหายใจอย่างโล่งอก หน้าตายิ้มแย้ม “สำเร็จแล้ว!”
“หา?” กวนย่าหนิงหันไปมองเขา แล้วพยายามเบิกตามองไปยังทิศทางนั้นอีกครั้ง ทว่ามองไม่เห็นอะไรแล้ว นายจะบอกว่าเป็นฝีมือท่านพ่อของนายเหรอ? แล้วทำไมถึงมองไม่เห็นเขากันล่ะ?“”
“ถ้าเจ้าเห็นสิถึงจะแปลก” ตี้เฮ่าหัวเราะเบาๆ เมื่อท่านพ่อของเขาเปิดใช้เขตแดน จะบดบังทุกสายตาจากภายนอกได้
ต่อให้เป็นเขาเอง ก็มองเห็นเงาร่างของท่านพ่อท่านแม่เพียงแวบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็มองไม่เห็นอีกเลย…
กวนย่าหนิงที่น่าเวทนางงงันปานน้ำเข้าสมอง แถมยังไม่มีใครอธิบายให้เขาด้วย เขาตะลึงไปพักหนึ่ง เอ่ยถามสิ่งที่พะวงอีกเรื่อง “แล้วตวนมู่เหยี่ยนล่ะ?”
ถึงแม้จะโกรธเคือง แต่เขาก็ยังคงเป็นห่วงพี่น้องของตนอยู่ ถึงอย่างไรก็ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมานานขนาดนี้…
“ตวนมู่เหยี่ยนตายไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว” น้ำเสียงของตี้เฮ่ามั่นใจอย่างยิ่ง “เจ้าไม่ต้องพะวงถึงเขาแล้ว ระงับความโศกเศร้าเสียเถอะ”
กวนย่าหนิงตะลึงงัน “ฉัน…ฉันได้ยินว่าถ้าหากถูกอะไรเข้าสิงร่าง ดวงวิญญาณหลักจะไม่ตาย แค่ถูกสะกดไว้ที่ไหนสักแห่งภายในร่าง…”
“ถูกคนผู้นั้นเข้าสิงร่าง เจ้านึกว่าเขาจะยังหลงเหลือดวงวิญญาณไว้อีกหรือ?” ความเวทนาวาบผ่านนัยน์ตาของตี้เฮ่าแวบหนึ่ง “จอมพลในปัจจุบันคนนี้มีความทรงจำทั้งหมดของตวนมู่เหยี่ยน นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าดวงวิญญาณของตวนมู่เหยี่ยนถูกเขากลืนกินไปแล้ว ดังนั้นเจ้าอย่านึกถึงอีกเลย”
หัวใจของกวนย่าหนิงหนักอึ้ง ราวกับมีคนยัดก้อนอิฐเข้าไป “ถ้า…ถ้างั้นร่างของตวนมู่เหยี่ยนล่ะ?”
“ร่างของเขาน่าจะอยู่ภายในยานลำนั้น เพียงแต่ อาจจะย่อยยับไปพร้อมกับยานรบแล้ว”
กวนย่าหนิงสะเทือนใจ “…เจ้าหนู นายยังไม่ได้ไปเลย แล้วนายรู้ได้ยังไง…”
ตี้เฮ่าไม่สนใจเขาแล้ว
กวนย่าหนิงเหม่อมองออกไปไกลค่อนข้างสลดใจกับชะตากรรมของคนใกล้ชิด ค่อนข้างทึ่มทื่อไปชั่วขณะ
ท่านจอมพลตายแล้ว ส่วนเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองก็กลับมาแล้ว เช่นนั้นพวกเขายังจะมีความจำเป็นต้องรั้งอยู่ที่ทวีปนี้อีกหรือ? เขาจะต้องกลับไป พาคนของตนจากไป! มิเช่นนั้นเกรงว่าคงล่มจมกันไปหมด…
“นึกเสียใจที่มาที่นี่แล้วล่ะสิ?” ตี้เฮ่าประหนึ่งเป็นพยาธิในท้องของเขา เดาได้แม่นยำนัก
กวนย่าหนิงมองแผงควบคุมตรงหน้า ใคร่ครวญอยู่ในใจว่ามีความเป็นไปได้มากแค่ไหนถ้าจะหักลำกลับไปทันที
ไม่รู้ว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นอยู่ที่ไหนแล้ว เขายังต้องการใช้ยานรบลำนี้กลับไปอยู่หรือเปล่า?!
หากว่าตนหักลำกลับไปทันที ถูกอีกฝ่ายพบเห็นเข้า จะถูกระเบิดกระจายเหมือนกันไหม?
ไม่ถูกสิ เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นน่าจะไม่ทำหรอก ถึงยังไงบนยานลำนี้ก็ยังมีเจ้าหนูคนนี้อยู่นะ!
พยัคฆ์เหี้ยมหาญไม่กินลูกตน…
บางทีเขาอาจจะจับเจ้าหนูนี่เป็นตัวประกัน พอกลับไปถึงพื้นโลกค่อยเจรจาต่อรองกับเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง ตอนนี้กวนย่าหนิงไม่ปรารถนาจะยึดครองทวีปนี้แล้ว เขาแค่อยากพาพวกพ้องของตนจากไป
เกรงว่าจะยากนัก…
ถึงอย่างไรเมื่อก่อนพวกเขาก็กระทำเรื่องชั่วร้ายนองโลหิตไว้ไม่น้อย แทบจะทำลายล้างชาวทวีปซิงเยวี่ยจนวอดวายแล้ว
ตอนนี้เทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขากลับมาแล้ว คนพวกนั้นต้องอยากล้างแค้นแน่
เส้นเลือดบนขมับของกวนย่าหนิงเต้นตุบๆ ไม่หยุด เขาเหลือบมองตี้เฮ่าที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง เจ้าหนูน้อยเล็กจ้อยบอบบางขนาดนี้ เขาใช้นิ้วเดียวก็ดีดให้ล้มได้แล้ว…